ตุลย์สำรวจดูสภาพตัวเองในชุดสูทสุดหรู ซึ่งนานๆ จะสวมสักหนหนึ่ง มีดอกไม้ช่อสวยในมือรอยื่นให้คนที่เขานั่งรออยู่ในห้องอาหารของโรงแรม ไม่รู้ทำไมถึงนึกซื้อดอกไม้มาด้วย ทั้งที่ทุกครั้งที่พบเธอมีแต่เรื่องงานเท่านั้น เขาใช้เวลาเลือกอยู่นานกว่าตัดสินใจเลือกดอกลิลลี่ให้เธอ
3 ปีแล้วใช่ไหม ครบ3ปีแล้วซิที่เขารู้จักผู้หญิงแปลกหน้าคนนั้นในคืนฝนพร่ำ ขณะที่เขาปลอมตัวเขาไปสืบข่าวผู้ค้ายาเสพติดในร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง เขาก็พบ ‘เธอ’ ที่นั้นเป็นครั้งแรก ร้านคาราโอเกะแบบโลว์คราสที่ชาวสิบล้อชื่นชอบ แต่น่าแปลกที่มีนางฟ้าแสนสวยอย่างเธออยู่ที่นั้น
เขายังจำสายตาของเธอได้เป็นอย่างดีที่มองเขาเหมือนผู้ใหญ่ที่มองเด็กหนีเที่ยวทั้งที่ความจริงแล้วเขาอายุมากกว่าเธอหลายปีนักเสื้อผ้าที่เธอสวมเป็นชุดรัดรูปสีดำขับให้ผิวขาวโดดเด่นในแสงสลัว เธอเดินเข้ามาทางเขาแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ จนได้กลิ่นหอมละมุมแตกต่างจากหญิงบริการในร้านทั่วไป
‘เป็นตำรวจใช่ไหม ใครส่งมา’
‘เธอ...เธอพูดอะไร’
เขาหัวเราะเก้อๆ ไม่คิดว่าจะถูกจับได้ง่ายขนาดนี้ หญิงสาวส่ายหน้าไปมาพลางถอนหายใจ ขยับมานั่งบนตักของเขาหน้าตาเฉย
‘ไม่เนียนเอาเสียเลยนะ’
‘ผมไม่เข้าใจ พูดเรื่องอะไรเนี้ย’
‘ดูท่าทางไม่ใช่มือใหม่แต่ทำไมโง่จัง’ เธอยิ้มเย้ายวนทั้งที่ต่อว่าเขา ปลายนิ้วเขี่ยอยู่บนอกกว้างที่สวมเพียงเสื้อยืดผ้าเนื้อหนาที่น้องสาวเคยซื้อให้
‘แล้วเธอเป็นใคร คนของใคร’ เขาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคงปิดเจ้าของดวงตาคมกริบคู่นี้ไม่ได้แน่ๆ ‘ต้องการอะไร’
‘ฉันไม่ใช่คนของใครทั้งนั้น’ เธอเอ่ยตอบโดยที่ริมฝีปากของหญิงสาวยังคงอ้อยอิ่งอยู่บนต้นคอ ‘ฉันก็แค่คนส่งของให้คุณบารมีเท่านั้น’
‘บารมี? เธอหมายถึงผู้กำกับบารมี...’ ยังไม่ทันพูดจบประโยคริมฝีปากสวยของหญิงสาวที่ทาบทับริมฝีปากของเขาทันที แม้จะเป็นเพียงจูบแผ่วๆ ที่ริมฝีปากแต่เขาตะลึงไปหลายวินาที
‘ไม่เป็นมืออาชีพเอาซะเลย!’ ดวงตาคมกริบถลึงตามองเขาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ริมฝีปากเธอก็ยังคลอเคลียเขาอยู่ ‘อ็อฟฉันออกไปเดี๋ยวนี้!’
‘อ็อฟ? อะไรนะ?’
‘อยากถูกจับได้แล้วตายหมู่หรือไง!!!’
ตุลย์เผลอหัวเราะคนเดียว เพียงแค่คิดถึงเรื่องราวในวันนั้นทั้งที่เขาเองก็มีประสบการณ์ในการสืบข่าวอยู่แล้ว แต่แค่เจอ ‘สาย’ ของสารวัตรบารมีเท่านั้นแหละ แข้งขาเขาแทบหมดแรงยืน ทั้งที่เขาก็ไม่ใช่ผู้ชายประเภท ‘ไก่อ่อน’ แต่เมื่อเจอสายที่เป็นสาวสวยขนาดนี้ ก็เล่นเอามึนไปเลย
คืนนั้นเขาพาเธอออกมาจากร้าคาราโอเกะ ขับรถมาที่บ้านพักของผู้กำกับบารมี เขาถึงได้ทำงานร่วมกับเธออย่างเป็นทางการโดยไม่รู้ประวัติที่มาที่ไปของเธอเลย รู้เพียงแค่ชื่อของเธอที่เธอเรียกตัวเองว่า...
“ฉันไม่คิดว่าคุณจะมาถึงก่อนฉัน”
ตุลย์สะดุ้งตื่นจากภวังค์แล้วลุกขึ้นยืน “ผมก็ไม่คิดว่าคุณดาหลาจะมาเร็วเหมือนกัน”
หญิงสาวไหวไหล่น้อยๆ วันนี้เธอในชุดเสื้อเชิ้ตแขนกุดสีขาวกับกางเกงยีนส์พอดีตัวอวดเรียวขาเพรียวสวยเข้ากับรองเท้าส้นสูงของเธอ
“ฉันมาตรงเวลาค่ะ”
“เชิญนั่งก่อนครับ” ตุลย์เลื่อนเก้าอี้ให้หญิงสาวนั่งแล้วเรียกบริกรมารับรายการอาหาร “คุณอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหม”
“มื้อค่ำฉันขอแค่สลัดผักก็พอ อ้อ! ขอน้ำผลไม้รวมด้วยค่ะ”
ตุลย์หันไปสั่งอาหารให้เมื่อบริกรรับรายการอาหารแล้ว เขาหันมามองหญิงสาวที่เขานั่งรอ ดวงตาคมของเธอปรายตา มองไปทางช่อดอกไม้ทำให้ตุลย์เพิ่งรู้ว่าเขาลืมอะไรไปอีกเรื่อง
“ดอกไม้ให้คุณดาหลาครับ”
“เนื่องในโอกาสอะไรคะ”
“เอ่อ...โอกาส...โอกาสที่เรากินข้าวด้วยกัน”
ดาหลาเลิกคิ้วนิดๆ แล้วหัวเราะในลำคอก่อนยื่นมือไปรับช่อดอกไม้ “OK. ฉันจะคิดซะว่าเป็นส่วนหนึ่งของงานก็แล้วกันนะคะ”
“ยังไงก็ได้ครับ” ตุลย์รู้สึกหน้าชานิดๆ “ผมก็ไม่คิดว่าเราจะมาคุยงานในที่แบบนี้”
“คุณก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่านอกจากเรื่องงานแล้วฉันไม่มีความจำเป็นต้องเจอคุณ” เธอยิ้มที่มุมปาก เหมือนนางร้ายหน้าหวานที่ใครก็ยอมสงบ
“แล้วทำไมเรามาเจอกันที่นี่ละ”
“เพราะคุณจะได้เล่นบทเป็นตำรวจหนุ่มที่ตามจีบนักร้องสาวของFlower night คลับไงคะ”
“Flower night คลับ?” ตุลย์ทวนคำที่ได้ยินแล้วหลับตาครุ่นคิดไปชั่วขณะ “คลับของพวกมีสตางค์นี่”
“พวกมีสตางค์ที่ใช้ไม่ค่อยถูกทางเท่าไหร่” ดาหลายกแก้วน้ำผลไม้ขึ้นจิบ
“ปกติคุณไม่ให้ผมแสดงตัวว่าเป็นตำรวจไม่ใช่เหรอ”
“ก็งานนี้ฉันต้องการคนคุ้มครองนี่คะ”
ดาหลาแลบลิ้นเลียริมฝีปาก รู้สึกถึงเนื้อผลไม้ติดที่ริมฝีปากของตัวเอง
“จริงเหรอ” ตุลย์ทำหน้าไม่เชื่อ “ปกติคุณฉายเดี่ยวตลอด”
“นี่งานใหญ่นะคะ” ดาหลาหัวเราะในลำคอ แล้วยกมือประสานกันรองใต้คางของเธอ “เข้าถ้ำเสือทั้งที ฉันคงไม่เอาแค่ลูกเสือหรอกค่ะ”
“ดาหลา...มันเสี่ยงเกินไปแล้ว” ตุลย์ส่ายหน้าไปมา “มันไม่คุ้มที่คุณจะเอาชีวิตไปแลกกับเรื่องพวกนี้”
“สำหรับฉันมันคุ้มค่าถ้าได้ลากคอพวกมันมารับกรรม”
“คุณกำลังตามล่าใครอยู่เหรอดาหลา” ตุลย์เอื้อมมือมาแตะหลังมือหญิงสาวเบาๆ “ตลอดสามปีที่ผมรู้จักคุณ ผมรู้สึกว่าคุณกำลังไล่ล่าอะไรสักอย่าง...ให้ผมช่วยคุณเถอะนะ”