ย้ายมาอยู่กับอา หนูขาจะได้มีเพื่อนนะคะ’

994 คำ
เรื่องบ้าบอนี้เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อน ไม่สิ...ไม่ใช่หรอก จริงๆ เกิดขึ้นมาเป็นปีแล้ว เพราะตั้งแต่ที่พ่อแม่ของ ‘จันทร์เจ้าขา’ จากไปด้วยอุบัติเหตุไม่คาดฝัน เธอก็ไม่มีที่พึ่งพิงอื่นเลย นอกเสียจากอดีตเด็กฝึกงานซึ่งครั้งหนึ่งเคยมาทำงานให้กับบริษัทเครื่องประดับเงินของบิดา ก่อนจะกลายมาเป็นหุ้นส่วนคนสำคัญ เขาชื่อว่า ‘อินทัช’ ชายหนุ่มวัยสามสิบห้า และเพราะความคิดก้าวหน้า ไอเดียการตลาดพุ่งกระฉูดนั่นล่ะที่ทำให้อินทัชเป็นที่โปรดปรานของ ‘เจตริน’ ตั้งแต่ตอนนั้น ถึงขั้นที่เจตรินทาบทามมาให้ทำงานด้วยทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ อินทัชไม่ปฏิเสธ เขาเกิดมาเพื่ออุทิศทั้งชีวิตให้กับวงการเครื่องประดับอยู่แล้ว มันตรงกับสิ่งที่เขาเรียนซึ่งก็คือการออกแบบพัสตราภรณ์และการพัฒนาให้วงการเครื่องประดับไทยไปไกลสู่เวทีสากล ถึงเขาจะเป็นชายแท้ แต่ก็ชื่นชอบและหลงใหลในการทำเครื่องประดับเป็นอย่างมาก ยิ่งมาทำงานกับเจตรินอย่างนี้ บวกกับความขยันขันแข็ง เอาการเอางาน จริงใจ ซื่อสัตย์ ทำงานเกินค่าจ้างเสมอมา ความสนิทสนมกับครอบครัวของนายจ้างก็ยิ่งทวีมากขึ้น อินทัชไปไหนมาไหนกับเจตรินบ่อยๆ ยิ่งเรียนจบมาทำงาน เต็มตัว เรียกได้ว่าตัวติดกันประหนึ่งพ่อลูกก็ไม่ปาน จึงหนีไม่พ้นการได้เจอลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนคนเดียวของอีกฝ่ายอย่างจันทร์เจ้าขาด้วย เขากับจันทร์เจ้าขามีอายุห่างกันถึงสิบห้าปี ตอนเขาเรียนจบมาใหม่ๆ อายุยี่สิบสอง จันทร์เจ้าขามีอายุเพียงห้าขวบเท่านั้น ดังนั้นการเรียกว่า ‘พี่’ จึงไม่เหมาะสมเท่าไรในความคิดของเจตริน สรรพนาม ‘คุณอา’ จึงถูกเรียกขานมานับแต่บัดนั้น ไม่เว้นแม้ตอนนี้...ตอนที่เจตรินและภรรยาจากไป ทิ้งไว้แต่บริษัท ทรัพย์สิน และลูกสาวให้ใช้ชีวิตเพียงลำพัง เขาก็ยังเป็นคุณอาของเธออยู่ คุณอา...ที่ไม่ได้มีสายเลือดแท้ๆ ไม่ได้มีศักดิ์นับญาติกันอย่างเป็นทางการ เป็นเพียงชายหนุ่มที่โปรไฟล์ดีและโสดสนิทซึ่งถูกเจตรินกรอกหูอยู่ตลอดเวลาขณะยังมีชีวิตอยู่ว่าถ้าสักวันเขาเป็นอะไรไปขึ้นมา เขาขอฝากให้อินทัชดูแลจันทร์เจ้าขาแทนด้วย อินทัชสืบทอดเจตนารมณ์นั้น ไม่มีขาดตกบกพร่องแต่อย่างใด เขาเข้ามาช่วยปลอบประโลมเด็กสาวให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ให้หยัดยืนขึ้นมาได้ใหม่อีกครั้ง ซับน้ำตาทุกหยดให้เฉกเช่นที่เคยทำเมื่อเห็นร้องไห้กระจองอแงเมื่อครั้งเป็นเด็ก กระทั่งเวลาเยียวยาความเจ็บปวดให้จันทร์เจ้าขาได้กลับมาใช้ชีวิตปกติได้อีกครั้ง ตอนนั้นเองที่ชายหนุ่มเอ่ยปาก ‘ย้ายมาอยู่กับอา หนูขาจะได้มีเพื่อนนะคะ’ ทั้งๆ ที่มีบ้านของตัวเอง ไม่จำเป็นต้องย้ายไปอยู่บ้านใครทั้งนั้น แต่สุดท้ายแล้ว จันทร์เจ้าขาก็ตกลงปลงใจ ย้ายไปอยู่บ้านของหุ้นส่วนบริษัทบิดาเสียอย่างนั้น บ้านของอินทัชเป็นบ้านเดี่ยวหลังไม่ใหญ่มากหากเทียบกับบ้านของเธอ กระนั้นมันกลับดูกว้างขวางเมื่อรับรู้ได้ว่าเขาอยู่ตัวคนเดียวมาตลอด อ้อ...ตอนนี้มีเธอเข้ามาแล้วนี่ บ้านไม่กว้างมากจนเกินไปละ ยอมรับว่าการมาอยู่ร่วมชายคากับอินทัชสร้างความอิหลักอิเหลื่ออยู่ไม่น้อยเหมือนกัน จันทร์เจ้าขาไม่ค่อยคุยอะไรกับเขามากนัก มีแต่อินทัชเท่านั้นที่พยายามเข้าหา เอาอกเอาใจ แต่มันก็เป็นไปในฐานะอาหลาน ขณะที่ในใจของเด็กสาวนั้นเริ่มแปรเปลี่ยนเพราะความใกล้ชิด เธอไม่มองเขาในฐานะอาหลานอีกต่อไป ยิ่งใกล้กัน ยิ่งเห็นเสน่ห์ของผู้ชายคนนี้ ใจของเธอมัน...รู้สึกกับเขาเกินกว่าความสัมพันธ์แบบนั้น มันเป็นความรู้สึกฉันชู้สาวไปแล้ว ไม่แน่ใจนักว่าตั้งแต่เมื่อไรที่รู้สึกอย่างนี้ ทว่าเมื่อรู้สึกแล้วก็ยากจะหักห้าม จันทร์เจ้าขาปล่อยให้ใจลุ่มหลงไปกับผู้เป็นอาไม่แท้ จากวัยเด็กสาวสู่วัยสาวเต็มตัว นับวันยิ่งตระหนักว่าชื่นชอบเขามากเพียงใด ก่อนมันจะตามมาด้วยความลุ่มหลงในทางราคะ โดยเฉพาะเวลาเห็นเขาได้รับเชิญมาบรรยายที่คณะที่เธอเรียนในเทอมนี้ ไม่อยากเป็นแล้วหลาน...อยากเป็นเมีย จันทร์เจ้าขาเผลอรำพึงในใจขณะที่สายตาจับจ้องไปยังร่างสูงที่อยู่บนเวทีห้องบรรยายขนาดย่อม มือหนึ่งมือไมค์โครโฟน ปากกระจับขยับบรรยายหัวข้อเกี่ยวกับการตลาดเครื่องประดับไทยในต่างประเทศไม่ใช่ครั้งแรกที่อินทัชได้รับเชิญมาบรรยายที่คณะศิลปกรรมศาสตร์ สาขาพัสราภรณ์อย่างนี้ เขามานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว โดยเฉพาะกับมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งนี้ที่เขาเป็นศิษย์เก่า และจันทร์เจ้าขาเองก็เป็นศิษย์ปัจจุบันอยู่ อันที่จริงเขาได้รับเชิญไปบรรยายที่มหาวิทยาลัยอื่นด้วย แต่อินทัชไม่ได้มีเวลามากพอขนาดนั้น ที่ตกลงมาที่นี่ มีเหตุผลเดียวคือจันทร์เจ้าขาเรียนอยู่ ไม่ได้เกี่ยวกับที่ตัวเองเป็นศิษย์เก่าอะไรทั้งนั้น “หากไม่มีคำถามอะไรแล้ว ผมขออนุญาตจบการบรรยายเพียงเท่านี้นะครับ” สิ้นประโยค เสียงประสานร้องว่าขอบคุณจากเด็กนักศึกษาทุกชั้นปีของเอกนี้ก็ดังขึ้นให้ได้ยิน ก่อนจะพากันเก็บข้าวของแยกย้ายไปทำกิจกรรมอื่น มีแต่จันทร์เจ้าขาเท่านั้นที่ยังคงนั่งเท้าคางจับจ้องเขาไม่วางตาอยู่เหมือนเดิม ตอนอยู่เฉยๆ ก็ว่ามีเสน่ห์ล้นแล้ว ตอนมาบรรยายอย่างนี้ ออร่าความผัวพุ่งกระจาย เห็นแล้วหิวๆๆ คิดเตลิดเปิดเปิงไปไกล ถ้าเธอไม่มีสติสักหน่อย ป่านนี้คงน้ำลายหกไปแล้ว
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม