เพียงเท่านั้น แม่หนูขนมชั้นจอมแก่นประจำซอยแปดก็เปลี่ยนท่าที ส่งรอยยิ้มหวานปนเสียงหัวเราะแหะๆ ให้ขณะมองหน้าคุณลุงเจ้าที่ที่ตัวเองเพิ่งคิดว่า ‘ขี้งก’ ไปเมื่อตะกี้
“อ้อ ซีกนี้ให้ชิม” แล้วไม่ลืมทำตามที่แม่ลีสอนเสมอว่าเวลาผู้ใหญ่ให้ของต้องไหว้สวยๆ “ขอบคุณค่ะ พี่ชายใจดี”
พชรมองแม่หนูตัวแสบด้วยท่าทางตะลึงงัน แล้วส่ายหน้ายิ้มๆ “พอบอกจะเก็บชมพู่ให้เต็มถุง ฉันหนุ่มขึ้นมาทันทีเลยนะ เรานี่มันแสบเกินอายุจริงๆ แต่เรียกพี่ก็ดีเหมือนกัน ฉันยังไม่แก่ อืม... แต่จะว่าไปแล้วก็คงน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพ่อแม่หนูนั่นแหละมั้ง อีกอย่าง ฉันไม่ใช่เจ้าที่ แค่เป็นเจ้าของบ้านคนใหม่ แล้วก็เป็นเจ้าของชมพู่ต้นนี้ด้วย”
“รับทราบค่ะ วันหลัง ขนมชั้นจะไม่ขอชมพู่กับเจ้าที่ จะมาขอกับพี่ชายนะคะ”
พชรมองแม่คนช่างเจรจาแล้วอดคิดในใจไม่ได้ ‘ลูกใครวะ เป็นงานจริงๆ’
แม่หนูน้อยยื่นมืออวบๆ รับชมพู่อีกซีกเท่ากันไปกัดกิน ความฉ่ำน้ำและหวานกรอบทำให้คนตัวเล็กยิ้มไม่หุบแล้วหยุดกินไม่ได้ จนต้องกินไปชมไป
“หวาน กรอบ อร่อยจัง แบบที่ขนมชั้นคิดไว้ตอนขี่จักรยานผ่านมาเลยค่ะ”
พชรมองยัยหนูแก้มอิ่มช่างฉอเลาะตรงหน้า แล้วนึกเอะใจกับชื่อ แม่ของเด็กช่างตั้งชื่อลูกได้เหมาะสมกับรูปร่างจริงๆ เขานึกขำ ถ้าเปลี่ยนชื่อเป็น... ‘ยัยขนมสามชั้น’ คงจะยิ่งเหมาะกว่าเพราะดูเจ้าเนื้อเหลือเกิน โดยเฉพาะเอวตันๆ ยิ่งใส่ชุดกระโปรงสีเขียวระบายสามชั้นแบบนี้ ทำให้เขานึกอยากกินขนมชั้นใบเตยขึ้นมาเลย
เจ้าของร่างสูงใหญ่เกินมาตรฐานคนเอเชียได้แต่มองแล้วส่ายหน้าเบาๆ อมยิ้มเล็กๆ ดูอบอุ่น ใจดีเหมือนยัยหนูชมเป๊ะ
“หนูชอบกินชมพู่เหมือนฉันเลย” ดวงตาคมแหงนไปมองชมพู่ต้นใหญ่สูงเลยรั้ว แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงาและผลที่ดกมาก “ชมพู่ต้นนี้ คุณย่าของฉันท่านเป็นคนปลูก”
เมื่อคิดถึงคนปลูกต้นชมพู่ต้นนี้ เขาก็อดคิดถึงความใจดีมีเมตตาของคุณย่าท่านไม่ได้ ซึ่งคุณย่าของเขาหรือคุณหญิงรำไพ ท่านเสียไปหลายปีแล้ว คงจะพอๆ กับอายุของแม่หนูคนนี้
พชรฉุกคิดแล้วจ้องเด็กหญิงที่กำลังกัดกินชมพู่จนใกล้จะหมด เขานึกออกแล้ว แม่หนูตัวกลมคนที่พกถุงตั้งใจมาเก็บชมพู่ของเขามีเค้าโครงหน้าเหมือนคุณย่ารำไพนี่เอง ท่านมีรูปขาวดำตอนเป็นเด็ก คุณย่าเคยหยิบให้เขาดูแล้วพูดเสมอว่า
‘เขากับท่านมีเค้าหน้าคล้ายกัน ต่างแค่เป็นหญิงกับชาย’
แต่กับยัยเด็กแก้มอิ่มนี่หน้าตาคล้ายคุณย่ารำไพมากยิ่งกว่าเขาเสียอีก ชายหนุ่มที่กำลังคว้าชมพู่แก่จัดพวงโตใส่ลงในถุงพลาสติกใบใหญ่ที่ขนมชั้นพกมาก็ชะงัก ยิ่งมองก็ยิ่งรู้สึกประหลาดใจ ในขณะที่แม่หนูน้อยเอาแต่ก้มหน้าก้มตากัดกินชมพู่ผลไม้โปรดจนคำสุดท้าย
‘เหมือนคุณย่าไม่มีผิด’
‘ชอบกินชมพู่เหมือนกันอีก’
มองเด็กนั่นแล้วก็สลับมองต้นชมพู่ทำให้พชรอดคิดไม่ได้
‘หรือว่า... คุณย่าจะหวงชมพู่ต้นนี้มากจนกลับมาเกิดใหม่ใกล้ๆ ต้นชมพู่ของท่าน’
เขาสังเกตจากจักรยานคันน้อยสีหวานที่เธอขี่มา คิดว่าคงเป็นเด็กในหมู่บ้านนี้ เจ้าของดวงตาสีดำเข้มย่อตัวลงพูดกับแม่หนูน้อย
“ถ้าชอบก็มาเอาไปกินบ่อยๆ ฉันไม่หวง”
เด็กหญิงเงยหน้าขึ้นมองเขาแล้วส่งยิ้มหวานสดใส “ขอบคุณค่ะ แต่ขนมชั้นเกรงใจจังค่ะ”
พชรนึกขำแม่หนูน้อยคนขี้เกรงใจ นี่ถ้าไม่เกรงใจสงสัยคงจะพกถุงพริกเกลือมาด้วย เขาเลยหยอกเล่น
“ไม่ต้องเกรงใจฉันหรอก มันดกมาก ฉันกินไม่ทัน ยังไงคงต้องให้แม่บ้านเก็บแจกเพื่อนบ้านแถวๆ นี้อยู่ดี”
เพื่อนบ้านตัวน้อยรีบยกมือ “ขนมชั้นบ้านอยู่แถวนี้ ก็เป็นเพื่อนบ้านด้วยน่ะสิคะ”
“แล้วบ้านหนูอยู่ซอยไหน”
“ซอยแปดค่ะ”
เมื่อได้ยินแม่หนูตัวอวบกลมเอ่ยว่าอยู่ซอยแปด ความหลังก็เหมือนจะพังประตูเข้ามาหาเขาอีกครั้ง ทั้งเรื่องของคุณหญิงย่ากับ... ใครอีกคน
พชรตีสีหน้าเรียบขรึม เขาไปเรียนต่อปริญญาโทที่อเมริกา พอกลับมาไทยก็ไปอยู่ที่เชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของมารดานานหลายปีเพราะต้องไปดูแลกิจการให้คุณแม่ จนกระทั่งคุณย่าเสีย เขาซึ่งได้รับบ้านหลังนี้เป็นมรดก คิดว่าจะทำการรีโนเวตเอาไว้ก่อน ส่วนจะทำอย่างไรต่อไปค่อยว่ากัน ทว่าก็ยังไม่มีเวลาจะจัดการกับมันเป็นเรื่องเป็นราวเสียที เพียงแต่จ้างให้แม่บ้านเข้ามาทำความสะอาดอยู่เรื่อยๆ แล้วปิดทิ้งไว้
คิดถึงตรงนี้ คนชอบกินชมพู่ยิ่งมองดูเด็กน้อยก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจปนขนลุก นอกจากโครงหน้าที่คล้ายกับเขาและคุณหญิงย่าแล้ว ดวงตาของแม่หนูก็ให้ความรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาด
ส่วนคนดีใจที่จะได้ชมพู่กลับบ้านเต็มถุงเงยหน้าขึ้นมองชมพู่พวงโต แล้วชี้นิ้วป้อมๆ ให้พชรดู
“พวงนั้นลูกใหญ่จังค่ะ”
ชายหนุ่มหลุดจากห้วงความคิด แหงนมองตามทิศที่แม่หนูชี้ “แต่มันอยู่สูง”
“เสียดายจังค่ะ”
แม่จอมแสบทำหน้าม่อย น้ำเสียงบ่งบอกอย่างที่พูดจริงๆ พชรเห็นแบบนั้นก็ถอนใจยาวออกมา
“ฉันต้องปีนไปเก็บชมพู่ให้หนูสินะ”
เท่านั้น แม่ขนมสามชั้นในสายตาพชรก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มหวานจ๋อยให้เขา
“ขอบคุณค่ะ”
ร่างสูงส่ายหัวยิ้มๆ พลางถกแขนเสื้อพับไปถึงศอก พาตัวเองขึ้นไปบนกำแพงแล้วก้าวเท้าเหยียบกิ่งชมพู่ ปีนขึ้นไปบนต้นเก็บชมพู่ให้แม่หนูที่ชี้จะเอาลูกโน้นลูกนี้ไม่หยุดเลย
“ทำไมฉันต้องมาปีนรั้วบ้าน เสี่ยงตกต้นไม้เก็บชมพู่ของตัวเองให้เธอด้วยนะ” บ่นแต่ก็ตามใจ เก็บชมพู่สีแดงสดให้ทุกลูกที่แม่หนูชี้จะเอา
อีกฟากหนึ่ง วราลีนั่งทำงานด้วยสายตาจ้องเขม็งไปที่หน้าจอ เธอกำลังทำรายงานสรุปการจัดเก็บค่าส่วนกลางของลูกบ้าน ทว่าพอนึกขึ้นได้ก็รีบหันไปที่แผงคอนโทรลด้านซ้ายของโต๊ะทำงานซึ่งควบคุมกล้องวงจรปิดทุกตัวในหมู่บ้าน
วราลีมองไปยังหน้าจอสี่เหลี่ยมซึ่งจะแสดงผลภาพรอบๆ สวนสาธารณะ แต่ไม่ว่าจะมองไปที่หน้าจอไหนก็ไม่มีลูกสาวตัวอ้วนและจักรยานสีชมพูคู่ใจ
“ขนมชั้นหายไปไหนลูก!”
วราลีหลุดเสียงสูงด้วยความตกใจ เธอทำงานจนเผลอลืมชำเลืองไปที่หน้าจอมาเกือบค่อนชั่วโมงแล้ว
คนเป็นแม่เห็นลูกหายไปรีบผุดลุกจากเก้าอี้แล้วเดินไปที่ทางเข้าออฟฟิศ ผลักประตูออกไปมองและเดินหาจนทั่วบริเวณสวนสาธารณะอันร่มรื่น กวาดตามองไปรอบๆ สวนก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาที่คุ้นเคย พาให้รู้สึกหายใจไม่ค่อยสะดวก ใจคอไม่ดี
“ขนมชั้นหายไปไหน แม่บอกให้ขี่จักรยานรอบๆ สวนนี่นา” วราลีรู้สึกโมโหตัวเองที่ปล่อยให้ลูกคลาดสายตาไปได้ “บ้าจริง!”
แล้วรีบวิ่งกลับไปออฟฟิศเพื่อโทรให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในหมู่บ้านที่ขี่รถจักรยานยนต์ลาดตระเวนทุกๆ ชั่วโมงช่วยขับดูตามซอย ตามหาว่าขนมชั้นหายไปเล่นอยู่ที่ไหน
มือบางเย็นเฉียบหลังวางโทรศัพท์แล้วก็รีบล็อกประตูสำนักงาน ก่อนออกตามหาแม่จอมแสบที่เธอเคยคาดโทษแล้วว่าไม่ให้หนีไปเล่นที่ไหนถ้าไม่ได้ขออนุญาตก่อน