“สมภารไม่กินไก่วัดโว้ยไอ้พารัน” พูดจบศิวาก็เดินมาเลื่อนเก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานตัวใหญ่ออกแล้วนั่ง ลง
“แต่ถ้าไก่วัดตัวนั้นสวย แกจะอดใจไหวเหรอเพื่อน” พารันยังไม่เลิกเย้าแหย่เพื่อน
“คนอย่างฉันไม่ได้มองผู้หญิงแค่ความสวย ไอ้พารัน”
“แล้วแกมองอะไร”
“ก็มองที่นิสัยใจคอไง”
“แต่ฉัน ต้องสวยก่อนถึงจะน่าสนใจ” พารันแย้งความคิดของเพื่อนรัก
“ระวังจะเจอประเภทสวยแต่รูปจูบไม่หอม” ศิวาแย้งจบแล้วก็ตามมาด้วยอาการส่ายหน้า เพราะเขาไม่ชอบความคิดของเพื่อน แต่คงไปห้ามไม่ได้ และก็ต้องยอมรับว่ามนุษย์เกือบทุกคนชอบคนสวยและคนหล่อ
“พอเลยไอ้ศิวา ไม่ต้องมาท่องสุภาษิตกับฉัน พูดธุระแกมาเลย ฉันมีงานต้องทำต่อ”
“ฉันไม่มีธุระ แค่แวะมาชวนแกไปกินมื้อกลางวัน”
“ไปไหนดี” พารันถามกลับอย่างสนใจ
“เอาใกล้ๆ บริษัทแกก็ได้ แกจะได้กลับมาทำงานทัน”
“ก็ได้ แต่แกรอฉันอีกเดี๋ยวแล้วกัน ฉันมีงานต้องเซ็นให้เลขาอีกสามสี่แฟ้ม”
“ตามสบาย” ศิวาปล่อยให้เพื่อนทำงานต่อไปสักพักพารันก็เรียกให้เลขาเข้ามาเอาแฟ้ม แล้วแจ้งว่าจะเข้ามาช่วงบ่ายๆ แต่หากมีอะไรด่วนก็ให้โทรหาได้เลย ก่อนจะหันมาชวน ศิวาให้ออกไปทานมื้อกลางวันด้วยกัน ที่วันนี้เขาเองก็ยังไม่มีเพื่อนไปรับประทานอาหาร เพราะคนรักมีงาน
สองหนุ่มพากันเดินออกจากห้องทำงานแล้วตรงไปยังลิฟต์ พอเข้ามาในลิฟต์ได้แล้ว ศิวาที่เพิ่งนึกได้ว่ามีเรื่องจะถามจึงหันมาสอบถามเพื่อนทันทีเกี่ยวกับข่าวที่เจ้าตัวขอแฟนสาวแต่งงาน
“เป็นข่าวจนได้”
“ก็แกไปขอนางแบบดังแต่งงาน นักข่าวไม่รู้ก็บ้าแล้ว”
“ฉันไปขอกี้ที่ฝรั่งเศส”
“แกทำใจเถอะ ไม่ว่าแกจะไปขอไกลแค่ไหน ยังไงนักข่าวก็รู้อยู่ดี ว่าแต่พ่อแกยอมให้แกแต่งกับคนนี้แล้วหรือไง” ศิวาถามอย่างสงสัย เพราะรับรู้มาตลอดว่าพ่อของเพื่อนยังไม่อยากให้ลูกชายรีบร้อนแต่งงานกับนางแบบคนนี้ เพราะยังคบกันไม่นาน คนเป็นพ่อจึงอยากให้ศึกษานิสัยใจคอกันไปอีกสักสองสามปี แต่เพื่อนของเขากลับใจร้อน อยากมีครอบครัวเลยขอแต่งไปเรียบร้อย
“ยัง”
“แล้วแกทำแบบนี้ พ่อแกไม่โกรธเอาหรือไง” ศิวาเอ่ยถามอย่างตกใจ
“คงไม่โกรธ แต่ค่ำนี้ฉันจะคุยกับพ่อ แล้วฉันก็มั่นใจว่าท่านจะยอมให้ฉันแต่งงานกับกี้อยู่แล้ว เพราะกี้คือผู้หญิงที่ฉันรัก”
“ก็ถ้าแกมั่นใจ ฉันก็หมดห่วง ว่าแต่แกจะแต่งเมื่อไหร่ ฉันจะได้หาสาวควงไปงานแกทัน แต่อย่าเร็วเกินไปแล้วกัน ฉันกลัวหาไม่ทัน”
“รอให้ผ่านงานแฟชั่นโชว์ที่จะจัดต้นเดือนหน้าไปก่อน”
“แสดงว่าแกจะเอาฤกษ์สะดวก”
“ก็กี้งานเยอะ แล้วกี้ก็บอกกับฉันแล้วว่าปลายเดือนหน้าจะมีเวลาว่างเป็นอาทิตย์”
“เร็วไปไหมเพื่อน ฉันว่าฉันหาสาวควงไปไม่ทันแน่ๆ”
“ก็ไปหาในงานไง กี้มีเพื่อนเป็นนางแบบเยอะ ต้องมีสักคนที่ถูกใจแก”
“ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน” จบคำนั้นสองหนุ่มก็แยกย้ายกันไปขึ้นรถ แล้วพากันไปยังร้านอาหาร พอมาถึงแล้วก็สั่งอาหารมารับประทานและพูดคุยกัน จนบ่ายโมงสองหนุ่มก็แยกกันตรงร้านอาหาร พารันกลับไปทำงานที่บริษัท ส่วนศิวาก็กลับไปร้านขายภาพของตัวเอง
สัปดาห์ต่อมา...ที่สนามบิน
ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ตามแบบฉบับชายชาวต่างชาติ เดินลงจากเครื่องบินส่วนตัวเพื่อมาพักผ่อนที่ประเทศไทยและอีกประการก็คือเข้าร่วมงานงานแฟชั่นโชว์ตามคำเชิญของนักธุรกิจท่านหนึ่งที่สนิทสนิมกันมาหลายปี เนื่องจากอีกฝ่ายรู้ว่าเขาชอบสะสมเพชร และงานครั้งนี้ก็มีเพชรน้ำงามมาโชว์อยู่ในงาน ที่เขาไม่พลาดจะจับจ้องเป็นเจ้าของ
“คุณอเล็กซ์จะกลับโรงแรมเลยหรือเปล่าครับ” คนสนิทเอ่ยถามขณะเปิดประตูรถให้ผู้เป็นนายเข้าไปนั่ง โดยนักธุรกิจที่สนิทส่งมารับ
“กลับเลย” อเล็กซ์ตอบเพียงสั้นๆ จากนั้นรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกเพื่อไปยังโรมแรมที่พัก ขณะนั่งรถสายตาของชายหนุ่มก็สบเข้ากับป้ายบิลบอร์ดขนาดใหญ่และถูกตาต้องใจนางแบบโฆษณาชุดชั้นเข้าอย่างจัง
“ทอรี่!”
“ครับคุณอเล็กซ์”
“ฉันต้องการรู้ว่าผู้หญิงบนป้ายบิลบอร์ดคนนั้นเป็นใคร”
“เดี๋ยวผมสืบให้ครับ” จบคำ ทอรี่ บอดี้การ์ดหนุ่มร่างใหญ่ก็หยิบโทรศัพท์ของตนออกมา แต่ไม่ทันได้ค้นหา คนทำหน้าที่ขับรถก็เอ่ยบอก คนฟังถึงกับยิ้มและสั่งให้ลูกน้องติดต่อหานางแบบสาวคนนั้นทันที
“ฉันต้องการพบเธอเร็วที่สุด” อเล็กซ์ย้ำและไม่รู้เพราะอะไร แค่เห็นภาพของนางแบบสาว ร่างกายก็ร้อนรุ่ม อยากจับเจ้าหล่อนขยี้ด้วยรสวาท
ด้านนางแบบสาวที่กำลังทำให้คนบางคนร้อนรุ่มไปทั่วกายก็กำลังโพสท่วงท่าถ่ายแบบขึ้นปกนิตยสารฉบับใหม่อย่างสวยงาม สมเป็นนางแบบมืออาชีพ ห่างออกไปก็เป็น แอน ผู้จัดการของนางแบบสาวคอยมองอยู่อย่างชื่นชม และคิดไม่ผิดที่ชักชวนอีกฝ่ายมาทำงานด้านนี้ แต่ก็น่าเสียดายที่อีกคนไม่สนใจงานด้านนี้ ไม่งั้นสองสาวจะต้องดังคู่กันแน่นอน
“โอเค เสร็จแล้วครับคุณกี้ วันนี้คุณกี้โพสท่าได้สวยมากครับ ” ช่างภาพหนุ่มบอก ภีรมาสจึงหันมาส่งยิ้มให้กับช่างภาพหนุ่มเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าห้องแต่งตัวตามด้วยผู้จัดการส่วนตัว
“เสร็จซะทีงานวันนี้” ภีรมาสเอ่ยออกมาทันทีที่เข้ามาถึงห้องแต่งตัว ก่อนจะรีบหาที่นั่งแล้วรับน้ำจากผู้จัดการที่หามาให้
“เป็นไงบ้างน้องกี้ เหนื่อยหรือเปล่า” ผู้จัดการแอนเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง