โรงพยาบาลอีลิท
ร่างสูงราวหนึ่งร้อยแปดสิบเซนติเมตรในชุดเสื้อกาวน์ขาวสะอาดที่เพิ่งเดินเร็วๆ ลงจากบันไดตึกเรียกสายตาของสาวๆ บริเวณนั้นให้เหลียวมอง ไม่ว่าจะคนไข้สาวหรือพยาบาลต่างหน้าแดงแอบมองหมอหล่อกันเป็นแถว
เพราะคนหล่อที่เดินเร็วๆ ลงมานั้นคือนายแพทย์ตฤณ วิสุทธิรังสรรค์ วัยสามสิบสองปี คุณหมอหนุ่มเพิ่งราวน์วอร์ดเสร็จ แล้วก็ต้องลงมาเตรียมตรวจคนไข้ต่อด้วยความกระตือรือร้น ปราศจากท่าทางเหนื่อยล้าให้เห็นแม้จะนอนเพียงแค่วันละสามสี่ชั่วโมงเท่านั้น
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
“สวัสดีครับ” ตฤณหันไปทักตอบ พร้อมยิ้มให้พยาบาลสาวที่ประจำวอร์ดอายุรกรรม “คุณกัญ ลูกสาวหายป่วยหรือยังครับ” เสียงทุ้มถามก่อนจะเดินเข้าห้องตรวจ
“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณคุณหมอที่ถามถึงยายหนูของกัญนะคะ”
“ครับ งั้นเดี๋ยวส่งคนไข้เข้ามาเลยนะครับ” ตฤณบอกพร้อมรอยยิ้ม
กัญญามองด้วยความประทับใจ ทั้งที่อีกฝ่ายงานรัดตัวหากแต่ยังมีแก่ใจถามถึงลูกสาวของเธอ ซึ่งป่วยเป็นไข้หวัดเพิ่งมาตรวจกับคุณหมอแผนกกุมารเวชเมื่อวานนี้
คุณหมอหนุ่มสุดหล่อนั้นใจดีมีน้ำใจไม่ทำตัวเย่อหยิ่ง ทั้งยังสุภาพเป็นมิตรกับเพื่อนร่วมงานและคนไข้ ด้วยฐานะของนายแพทย์หนุ่มนั้นไม่ต้องทำงานเลยก็ยังมีเงินใช้ไปทั้งชาติ
“รับกาแฟเลยไหมคะ”
“ครับ”
กัญญาเดินออกไปชงกาแฟแล้วนำมาเสิร์ฟพร้อมกับปฎิบัติหน้าที่ในวันนี้อย่างกระตือรือร้นเหมือนทุกวัน หากแต่เหล่าพยาบาลในแผนกต่างรู้ดีว่าวันนี้พวกเธอมีจุดหมายอีกอย่างที่อยากทำ นั่นคือ
วันนี้คือวันที่14 กุมภาพันธ์ วันวาเลนไทน์ พวกเธอต่างมีดอกกุหลาบแดงแทนใจถือติดมือกันมาคนละดอก เพื่อจะมอบให้สามีมโน ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากนายแพทย์สุดหล่อประจำโรงพยาบาล ที่ไม่ใช่เป็นแค่อาจารย์สอนในมหาวิทยาลัยแพทย์ แต่ยังมีอีกหัวโขนหนึ่งนั่นก็คือเป็นหมอและผู้บริหารของโรงพยาบาลอีลิทด้วยนั่นเอง คนใกล้ชิดทุกคนต่างพากันสงสัยว่าคุณหมอหนุ่มเอาเวลาที่ไหนทำงานมากขนาดนี้ได้ และเพราะทุ่มเทกับงานแบบนี้ถึงไม่มีเวลามองหาแฟนเสียที
ตั้งแต่เช้ามาถึงบ่ายเหล่าพยาบาลสาวต่างรอคอยช่วงเวลาสำคัญนี้อย่างใจจดใจจ่อไม่ต่างจากสาวๆ ที่เป็นแฟนคลับอปป้าในซีรีส์
“พี่กัญ คุณหมอตฤณจะกลับหรือยัง” จั๊กจั่นพยาบาลสาวรุ่นน้องที่เพิ่งเข้างานมาไม่นานกระซิบถามกัญญา หลังจากเห็นว่าไม่มีคนไข้แล้ว และอีกอย่างก็หมดเวลาตรวจคนไข้ของคุณหมอหนุ่มแล้ว
เนื่องจากวันนี้นายแพทย์หนุ่มจะเลิกตรวจเวลาบ่ายโมงเพราะต้องไปประชุมกับบอร์ดบริหารที่ชั้นเก้าต่อ ตารางงานของตฤณนั้นเรียกได้ว่าอัดแน่นตั้งแต่เช้าจรดค่ำ จนพยาบาลสาวหลายคนนึกอยากทำหน้าที่เลขาฯ ส่วนตัวให้ หากแต่นายแพทย์หนุ่มนั้นไม่ยอมเปิดรับสมัคร โดยให้เหตุผลว่าไม่จำเป็น
“บ่ายโมงแล้ว เดี๋ยวคุณหมอก็จะไปแล้วละ”
“งั้นพวกเราขอเอาดอกกุหลาบไปให้คุณหมอได้ไหมคะพี่กัญคนสวย” แน่นอนคำว่าพวกเรา ความหมายก็คือมีมากกว่าหนึ่งคน ดังนั้นจึงไม่ใช่มีแค่จั๊กจั่นคนเดียว หากแต่มีพยาบาลสาวในแผนกอายุรกรรม รวมทั้งแผนกข้างเคียงอีกราวสี่ห้าคน
กัญญามองตาเขียว แต่พยาบาลสาวในแผนกอายุรกรรมต่างรู้ดีว่ากัญญาปากร้ายใจดี รักลูกน้องทุกคน ที่เห็นดุเพราะอยากให้ลูกน้องอยู่ในกฎระเบียบ
“พวกเธอเมื่อไรจะเลิกทำตัวแบบนี้กันนะ เดี๋ยวคุณหมอตฤณท่านจะรำคาญเอาได้”
“คุณหมอไม่ว่าหรอกค่ะ คุณหมอใจดี”
“คุณหมอเป็นเพื่อนเล่นเธอเหรอยายจั่น เดี๋ยวฉันจะย้ายเธอไปอยู่แผนกฉุกเฉินแทนอายุรกรรมดีไหม ฮึ”
“ไม่เอานะพี่กัญ พี่กัญมัวแต่ด่า ถ้าให้จั่นกับเพื่อนๆ เข้าไปป่านนี้ก็เสร็จแล้ว คุณหมอยังไม่มีแฟน บางทีงานนี้ไม่จั่นก็ใครในแผนกเราต้องได้ทลายหัวใจน้ำแข็งของคุณหมอกันได้บ้างแหละ พี่กัญไม่ให้โอกาสพวกเราหน่อยเหรอ คุณหมอจะได้มีคนดูแลเสียทีไงคะ”
“ฝันเหรอยายจั่น เธอไม่รู้อะไรเสียแล้ว คุณหมอตฤณท่านมีนางในดวงใจแล้ว แต่พวกเธอไม่รู้เองต่างหาก”
จั๊กจั่นเหมือนถูกดับฝันกลางอากาศ คล้ายเครื่องบินที่เตรียมรอทะยานแล้วจู่ๆ นักบินตรวจสอบพบว่าน้ำมันหมดอย่างไรอย่างนั้น ฝ่ายกัญญาเห็นว่าเพื่อนรุ่นน้องเอาแต่อ้าปากค้าง จึงหัวเราะเบาๆ แล้วจับปากที่อ้าลงให้สนิท
“ฉันเคยเห็นรูปในกระเป๋าสตางค์คุณหมอ ผู้หญิงคนนั้นหน้าตาสวยมาก ยายจั่นเธอเทียบไม่ติดเลย”
ฝ่ายคุณหมอหนุ่มที่นั่งเขียนรายการยาให้คนไข้รายสุดท้ายที่เพิ่งเดินออกไปเสร็จก็ลุกขึ้นเดินนำมายื่นให้กัญญาที่หน้าห้อง ใบหน้าหล่อเหลาเปิดยิ้มกว้าง
“คุณกัญผมไปประชุมก่อนนะครับ”
“ค่ะ คุณหมอ” กัญญาตอบพร้อมกับรับใบสั่งยากับชาร์ตคนไข้จากมือนายแพทย์หนุ่ม
เหล่าพยาบาลที่ต่างรอท่ากำลังทยอยกันเดินมาทางหมอตฤณอย่างกล้าๆ กลัวๆ หากแต่เสียงโทรศัพท์มือถือของนายแพทย์หนุ่มก็ดังขึ้นเสียก่อนจึงหยุดทุกฝีเท้าของสาวๆ
ตฤณหยิบโทรศัพท์เครื่องหรูขึ้นมามองชื่อคนโทร. ดวงตาคมกริบหรี่ตาครุ่นคิดก่อนกดรับ “สวัสดีครับคุณป้าผ่อง”
“หมอตฤณ มาช่วยป้ากับยายอิ๊งค์ด้วยนะคะ มาตอนนี้เลย” เสียงร้อนใจราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตายเกิดขึ้นทำให้ตฤณรีบถามกลับ
“เกิดอะไรขึ้นครับคุณป้า”
“ป้าไม่มีเวลาอธิบายค่ะ หมอตฤณรีบมาก่อนเถอะค่ะ”
“ตอนนี้คุณป้าอยู่ที่ไหนครับ”
ทันทีที่ได้รับคำตอบ ดวงตาคมกริบของตฤณถึงกับเบิกกว้าง คิ้วคมเข้มขมวดเข้าหากันในทันที เขาไม่ทันได้เอ่ยปากถามอะไรต่อ ฝ่ายนั้นก็วางสายไปแล้ว คุณป้าที่เขาคุยด้วยนั้นชื่อคุณป้าผ่องพรรณ เป็นผู้ใหญ่ที่เขานับถือเหมือนญาติคนหนึ่ง เขาและครอบครัวของคุณป้าสนิทสนมกันมาตั้งแต่เขายังเด็กๆ
บ้านที่จังหวัดน่านคือจุดเริ่มต้นของความผูกพัน เพราะบ้านเกิดมารดาของเขาอยู่ที่จังหวัดน่าน ทั้งบิดาและมารดาจึงมักพาเขาและน้องสาวไปเยี่ยมคุณตากับคุณยายทุกปี ปีละสามสี่ครั้ง ทำให้เขาและน้องสาวสนิทกับเพื่อนบ้านที่น่าน
บ้านของคุณป้าผ่องพรรณอยู่ติดกับบ้านของเขา เขาเป็นเพื่อนกับสายพิรุณลูกสาวของท่าน ถึงแม้ว่าสายพิรุณจะอายุมากกว่าเขาถึงเจ็ดปี แต่พวกเขาสนิทกันมาก เพราะสายพิรุณชอบเอาขนมและของเล่นมาแบ่งปันเขาเสมอจึงทำให้เข้านอกออกในบ้านของเขาได้ และตัวเขาเองก็เข้านอกออกในบ้านคุณป้าผ่องพรรณได้ราวกับคนในครอบครัวเช่นกัน
ท่านรักและเอ็นดูเขาเหมือนลูกเหมือนหลานคนหนึ่ง ทุกครั้งที่เขากลับไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่จังหวัดน่านท่านก็มักจะทำขนมมาให้เขากิน
ตฤณหลุดจากความคิดเพราะคิดถึงน้ำเสียงร้อนใจของคุณป้าผ่องพรรณที่รีบร้อนโทร.มาหา ท่านต้องการให้เขาช่วยเหลือ อันที่จริงเขาก็พอรู้มาบ้างว่าท่านมีเรื่องให้ต้องกลัดกลุ้มมากมาย แต่ละเรื่องล้วนเป็นเรื่องเศร้า เขาทั้งสงสารและเห็นใจ ที่ผ่านมาเขายื่นมือช่วยมาตลอด และครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้จะประหลาดใจกับสถานที่นัดหมาย แต่ก็ต้องไป
ไปถึงก็จะรู้เองว่าคุณป้าผ่องพรรณนัดเขาไปที่นั่นทำไม ตฤณโทร.แจ้งทางเลขาฯ ของกรรมการบริหารเพื่อบอกว่าวันนี้เขาไม่เข้าประชุมเพราะติดธุระสำคัญ จากนั้นก็ขับรถไปยังสถานที่นัดหมาย
.......