ใดๆ คือมีสามีแล้ว (ต่อ)1

1793 คำ
“พ่อคะ อย่าเพิ่งถามเรื่องสินสอดทองหมั้นอะไรเลย พ่อก็รู้ว่าอิ๊งค์ต้องใช้เงินรักษาแม่อีกตั้งเท่าไร พี่หมอตฤณเขาก็ให้ยืมมามากแล้วยังจะไปเอาเงินอะไรเขาอีก อีกอย่างอิ๊งค์บอกพี่หมอตฤณเองค่ะ ว่าไม่เอาเงินสินสอด พ่อจะได้ไม่เอาไปเล่นพนันอีก” “อิ๊งค์ พ่อเป็นพ่อแกนะ แล้วเรื่องแต่งงานมันสำคัญมากทำไมอิ๊งค์ไม่บอกพ่อสักคำ” วาทินขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างหงุดหงิด เพราะโมโหที่ไม่ได้เงินค่าสินสอด แถมลูกสาวยังมีตำหนิที่มีสามี แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเพราะอย่างไรถึงได้เงินสินสอด เงินนั้นก็ไม่ตกถึงมือเขาอยู่แล้ว ยายคุณนายผ่องพรรณคงเก็บไว้เองหมด วิธีการที่จะได้เงินจากลูกสาวมีแต่ยกให้เสี่ยทัดเทพเท่านั้น ทว่าลูกสาวเขาเป็นคนมีสามีไปแล้วนี่สิ จะใส่พานทองประเคนให้เสี่ยทัดเทพก็ไม่ได้ เรื่องความบริสุทธิ์ผุดผ่องยังพอย้อมแมวกันได้ แต่ถ้าเสี่ยมารู้ทีหลังว่าเอาผู้หญิงแต่งงานมีสามีแล้วไปหลอกขาย เสี่ยได้เล่นงานถึงตายแน่ ระหว่างที่วาทินครุ่นคิดว่าจะทำอย่างไรต่อไปดีเพราะระยะเวลาก็กระชั้นเข้ามาทุกที ม่านพิรุณเองก็คอยมองโทรศัพท์อยู่ตลอดว่าเมื่อไรหมอตฤณจะมา กระทั่งเห็นข้อความไลน์ของเขาส่งมา ใบหน้าหวานจึงฉายแววโล่งอก หมอตฤณ : อิ๊งค์ฉันมีเคสผ่าตัดด่วน ฉันส่งแสนรักไปหาแล้ว รออีกครู่หนึ่งนะ ม่านพิรุณเปลี่ยนมาขมวดคิ้วในฉับพลัน หวั่นใจขึ้นมา ทว่ามือบางก็กดส่งสติกเกอร์โอเคกลับไปแล้วพยายามแก้ไขสถานการณ์ตรงหน้าด้วยตัวเอง “พ่อคะ ตกลงว่าพ่อให้อิ๊งค์ไปกินข้าวกับเสี่ยทัดเทพ เพราะอะไรกันแน่ อิ๊งค์ขอความจริง” วาทินอ้ำอึ้งไป ไม่คิดว่าลูกสาวจะถามตรงๆ ขณะที่กนกพรเดินเอากาแฟมาวางแล้วพูดขึ้น “ความจริงก็มีแค่ว่าพ่ออิ๊งค์เขาอยากให้อิ๊งค์ได้งานในวงการบันเทิง เพื่อจะได้มีเงินไปรักษาแม่ไงล่ะ ไม่เห็นจะเข้าใจยาก ทำไมแค่นี้คิดไม่ได้เหรอ” นี่เป็นคำพูดแรกของกนกพรที่เอ่ยออกมาแล้วเข้าหูวาทินมากที่สุดตั้งแต่เอามาทำเมีย เหตุผลนี้ทำให้วาทินหันหน้าไปมองลูกสาวแล้วตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จต่อจากที่กนกพรพูดไว้ “ใช่ แต่พ่อไม่เคยบอกอิ๊งค์ว่าพ่อคิดยังไง ในเมื่อพรเขาพูดมาแล้ว พ่อก็พูดต่อเลยแล้วกัน พ่อหวังดีต่ออิ๊งค์ แต่ถ้าอิ๊งค์ไม่เชื่อก็ตามใจ” วาทินแสร้งเบือนหน้าหนี ตีหน้าเศร้าขณะที่ม่านพิรุณหรี่ตามอง แล้วเอ่ยขึ้นเสียงเบา “ถ้าอย่างนั้นอิ๊งค์ไม่ไปกินข้าวกับเสี่ย แต่ถ้าอิ๊งค์หาเงินรักษาแม่ด้วยตัวเองได้ พ่อก็จะเลิกบังคับอิ๊งค์ให้ไปกินข้าวกับเสี่ยได้ใช่ไหม อิ๊งค์จะบอกพ่อว่าเงินค่ารักษาแม่ อิ๊งค์จะหาทางเอง” ม่านพิรุณดักคออย่างรู้ทัน “แล้วเงินที่หาได้มันจะมากพอรักษาเหรอ พ่อรู้นะว่าต้องใช้เงินเยอะ” วาทินพูดแล้วยกแก้วกาแฟขึ้นจิบข่มอารมณ์หงุดหงิด พลางมองหน้าลูกสาว เขาหว่านล้อมจนคอแห้งไปหมดแล้วแต่ลูกสาวก็ยังไม่มีท่าทีจะยอมเชื่อฟัง ม่านพิรุณรู้สึกคอแห้งพอดี จึงยกแก้วกาแฟขึ้นจิบแล้ววาง “พ่อไม่ต้องเป็นห่วง ยังไงอิ๊งค์ก็จะหาเงินมารักษาแม่ให้ได้” เมื่อไม่รู้จะเกลี้ยกล่อมลูกสาวอย่างไรแล้ว วาทินจึงได้แต่แอบก่นด่าลูกสาวในใจ หากแต่กนกพรก็เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นว่าวาทินทำไม่สำเร็จ “งั้นก็อย่าไปเซ้าซี้อิ๊งค์เลยพี่ทิน กลับกันก่อนวันหลังค่อยมาคุยใหม่ก็ได้” วาทินทำท่าฮึดฮัดแล้วพูดเสียงแข็งใส่หน้าลูกสาว “งั้นก็ตามใจ พ่อจะกลับแล้ว” “พ่อจะกลับยังไงคะ” “อิ๊งค์ไม่ต้องสนใจพ่อหรอก ในเมื่อไม่เคยเห็นพ่อเป็นพ่อ” วาทินพูดจบก็เดินจ้ำออกไปอย่างอารมณ์เสีย ขณะที่กนกพรเอ่ยสำทับกับคนที่นั่งอยู่ “พ่ออิ๊งค์เขาเป็นความดัน เบาหวานอยู่ ถ้าโมโหมากๆ เกิดเส้นเลือดในสมองแตกขึ้นมา กลายเป็นลูกอกตัญญู อย่าถือว่าฉันไม่เตือนนะ” ม่านพิรุณลังเล ด้วยความเป็นห่วงจึงเดินตามไปดู เธอเดินไปที่ลานจอดรถ เห็นบิดาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล อีกแค่ห้าหกก้าวก็ถึง ทว่าด้านหลังคล้ายมีคนเดินตามมาจนใกล้ ตามสัญชาตญาณจึงหันไปมอง คนที่เข้ามาประกบหลังเธอคือกนกพรนั่นเอง “ปล่อยฉันนะ” นอกจากกนกพรจะไม่ปล่อย ยังจับตัวเธอไว้แน่น ม่านพิรุณคิดไม่ถึงเลยว่ากนกพรจะกล้าทำขนาดนี้ ยอมรับว่าไม่ทันระวังตัวจริงๆ ที่เดินออกมาคนเดียว เมื่อพยายามดิ้นรนสุดชีวิตให้หลุดพ้นจากการถูกบังคับจับตัวไว้ เพราะเรี่ยวแรงของเธอกับอีกฝ่ายนั้นไม่ต่างกันมากนัก กำลังจะดิ้นรนจนพ้น วาทินก็เดินมาช่วยยึดมือเธออีกแรง ม่านพิรุณกำลังจะส่งเสียงร้อง ทว่าถูกบิดาเอามือปิดปากแล้วกึ่งดึงกึ่งรั้งไปที่รถ แรงที่พ่อบีบรัดข้อมือทำให้ม่านพิรุณมองหน้าบิดาด้วยสายตาผิดหวัง วาทินไม่อยากมองจึงเบือนหน้าหนี จนพาม่านพิรุณไปที่รถได้แล้ว ทั้งดันทั้งผลักจนร่างบอบบางกลิ้งไปนอนอยู่หลังรถ กนกพรและวาทินจึงคลายมือลงแล้วตามขึ้นไปดู ม่านพิรุณพยายามจะลงจากรถแต่ก็รู้สึกง่วงๆ มึนๆ นาทีนั้นเองจึงรู้ตัวว่าถูกวางยานอนหลับ “พ่อ” วาทินเบือนหน้าหนีทันที “อย่าด่าว่าพ่อเลยนะอิ๊งค์ ถ้าไม่เอาอิ๊งค์ไปส่งให้เสี่ยเทพ พ่อต้องถูกกระทืบตายแน่ๆ แต่อิ๊งค์ถ้าได้เป็นเมียเสี่ยแล้ว ชีวิตมีแต่จะสบาย” ม่านพิรุณน้ำตาไหลพรากออกมาด้วยความเสียใจทันที เธอมันโง่งี่เง่า ที่มาคนเดียว และยังหลงคิดว่าพ่อยังเหลือเยื่อใย คงไม่คิดทำร้ายเธอซึ่งเป็นลูกแท้ๆ ความคิดที่อัดแน่นไปด้วยความผิดหวังแสดงออกมาทางดวงตา ก่อนจะค่อยๆ หมดสติคอพับไปบนเบาะ “ต้องให้ออกแรงจนเหนื่อย ลูกพี่มันหัวแข็งจริงๆ ถ้าไม่วางยานอนหลับในกาแฟ วันนี้ก็ไม่ได้พาไปหรอก” กนกพรพูดหลังจากเห็นบ่อเงินบ่อทองที่จะกอบโกยสิ้นฤทธิ์ไปต่อหน้า “เออ รู้แล้วว่าคิดเรื่องเลวๆ แบบนี้เก่ง ตอนนี้อย่าเพิ่งมัวพูดเลย รีบไปกันก่อนเถอะ ป่านนี้เสี่ยเทพรอนานแล้ว” วาทินบอก แล้วเดินไปประจำที่คนขับ ขณะที่กนกพรมองสาวน้อยที่นอนหมดสติด้านหลังด้วยสายตาสะใจ เบ้ปากนิดๆ แล้วเปิดประตูเดินไปนั่งข้างวาทิน ขณะที่รถกำลังเคลื่อนตัวออก ม่านพิรุณจึงเปิดเปลือกตาขึ้น ค่อยๆ ขยับตัวเมื่อเห็นว่ากนกพรนั่งอยู่ด้านหน้าไม่ได้เหลียวหลังมา สาวน้อยจึงเปิดประตูลงก่อนที่รถจะขับเร็วขึ้น เมื่อเท้าแตะพื้นได้แล้วก็วิ่งสุดชีวิต เมื่อครู่นี้เธอแกล้งหมดสติไป แม้จะจิบไปบ้างแต่ก็ไม่มาก ตอนนี้จึงแค่มึนงงเล็กน้อย ความกลัวทำให้มีแรงฮึดจนวิ่งไปถึงร้านกาแฟได้อีกครั้ง ขณะจะถูกจับตัวได้เพราะกนกพรนั้นลงจากรถวิ่งตามมาถึงอย่างรวดเร็ว ร่างบอบบางของม่านพิรุณก็ถูกใครบางคนดึงเข้าไปไว้ด้านหลังทันที ดวงตาคู่หวานเบิกมองแล้วผ่อนลมหายใจโล่งอก เพราะแสนรักเดินพ้นจากมุมตึกมาปรากฎตัวพอดี “นี่มันเกิดอะไรขึ้นอิ๊งค์ หนีใครมา แล้วทำไมสภาพเป็นแบบนี้” แสนรักก้มหน้าลงไปถาม เมื่อเห็นใบหน้าหวานของม่านพิรุณมีคราบน้ำตาเปรอะเปื้อน แสนรักไม่ทันได้คำตอบก็ต้องเงยหน้ามองเพราะเห็นว่ามีใครวิ่งตามมา คิ้วเรียวงามขมวดมุ่น “นี่มันอะไรกันคะ” แสนรักดันตัวคนไปไว้ด้านหลัง จ้องเขม็งไปที่สองคนตรงหน้าที่วิ่งกระหืดกระหอบมาถึง “อย่าแส่ได้ไหม” “ขอโทษที่ต้องบอกว่าไม่ได้ค่ะ” แสนรักหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพลางกดอัดวิดีโอ พี่ชายของเธอโทร.มาบอกว่าให้ช่วยดูแลม่านพิรุณแทน น้ำเสียงพี่ชายติดกังวลใจแบบที่ไม่ค่อยได้ยินบ่อยนัก เธอจึงรีบขับรถมา เธอรู้เหตุผลเรื่องที่พี่ชายจดทะเบียนสมรสกับม่านพิรุณแล้ว เหตุผลฟังไม่ขึ้นเท่าไรในสายตาของนักธุรกิจสาวอย่างเธอ แต่คิดในอีกมุมหนึ่ง สำหรับคนเป็นหมอที่ช่วยชีวิตคนมาตลอดคงมองว่าถ้ามีโอกาสได้ช่วย และสามารถช่วยได้ ก็จะต้องทำอย่างไม่ลังเล อีกอย่างชีวิตของม่านพิรุณก็น่าสงสารจริงๆ “คุณวาทินจะทำอะไรอิ๊งค์คะ ทำไมสภาพอิ๊งค์เหมือนถูกวางยา” วาทินชะงักเท้าที่จะเข้าไปกระชากลูกสาวคืนมา มองหญิงสาวตรงหน้าด้วยสายตาขุ่นขวาง หมูกำลังจะหามแต่มีคนดันเอาคานเข้ามาสอด เขารู้จักอีกฝ่ายว่าเป็นน้องสาวของตฤณทว่าปกติก็ไม่ค่อยได้คุยกันอยู่แล้ว ตอนนี้หน้าสิ่วหน้าขวานยิ่งไม่ต้องเกรงใจ “ถอยไปดีกว่า ลูกสาวผมไม่สบายผมจะพาไปหาหมอ” “ไม่จริงค่ะคุณแสน” ม่านพิรุณบอกเสียงแผ่วเบา มือที่จับข้อมือของแสนรักไว้แน่นราวกับเป็นที่พึ่งเดียว แสนรักมองปราดเดียวก็เข้าใจเรื่องราว ม่านพิรุณต้องถูกวางยาอย่างแน่นอน เพราะท่าทางไร้เรี่ยวแรงและสภาพการณ์ก็บอกแบบนั้น “จะถอยหรือไม่ถอย อย่าหาว่าผมไม่เตือนนะ” “แสนถอยไม่ได้หรอกค่ะ เพราะตอนนี้อิ๊งค์เป็นพี่สะใภ้ของแสนแล้ว คุณวาทินต่างหากที่ต้องถอยไป แสนจะพาอิ๊งค์ไปตรวจร่างกายแล้วพาไปแจ้งความ แสนคิดว่าอิ๊งค์น่าจะถูกวางยา” “ถูกวางยาที่ไหนกันคุณ อิ๊งค์มันไม่สบาย คุณถอยไป แล้วปล่อยลูกผมมา เรื่องนี้เป็นเรื่องของพ่อลูก” “แสนจะพาอิ๊งค์ไปหาหมอเองค่ะ” แสนรักอัดคลิปวิดีโอไปเรื่อยๆ ขณะที่กนกพรถอยหลังกรูดไม่อยากเข้าไปอยู่ในเฟรม เพราะเธอก็มีคดีเก่าอยู่หลายเรื่องไม่อยากถูกขุดคุ้ย “อิ๊งค์ไหวไหม ไปที่รถฉัน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม