บทที่ 2
ข้อเสนอ (1)
เสียงเพลงบีทหนักดังไปทั่วทั้งไนต์คลับ หากไม่สามารถทำให้นรีนันท์หลุดจากห้วงความเจ็บปวดได้
หญิงสาวโคลงแก้วเหล้าสีอำพันไปมา จนของเหลวผสมปนเปไปกับก้อนน้ำแข็งที่ค่อย ๆ ละลายอย่างเชื่องช้า เธอทำแบบนั้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ราวกับว่ากระแสจิตได้หลุดล่องลอยไปกับอากาศไม่อาจกู่กลับ
ความคิดในหัวสมองมีไม่กี่เรื่องที่ตีพันยุ่งเหยิง สิ่งเหล่านั้นทำให้คนเพียบพร้อมและแสนดีอย่างเธอเลือกที่จะใช้เครื่องดื่มมึนเมาช่วยขับกล่อมจิตใจ
นรีนันท์เป็นนักธุรกิจหญิงที่ใครต่อใครต่างก็เชิดชู เธอมีหน้ามีตาในสังคมเพราะพ่อฝากฝังและพาเปิดตัวออกงานอยู่บ่อย ๆ เหตุนั้นจึงทำให้เธอเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง นอกจากความสามารถที่เก่งกาจแล้วเธอยังสง่างามดุจนางพญา โปรไฟล์เลิศล้ำจากการเป็นลูกสาวของภาวัชประธานบริษัทโรงแรมอันกว้างไกล หากพูดชื่อกิจการนี้ที่ไหนเป็นต้องร้องอ๋อเกือบทุกราย เพราะมันคือฐานอันดับหนึ่งที่สืบทอดต่อกันมาตั้งแต่รุ่นทวด
ด้วยเหตุนี้กระมังที่ทำให้คนมีพร้อมถือตัวและหลงเหลิง นรีนันท์ยอมรับตามตรงว่าตัวเองคิดตื้นเกินไป เธอล่วงรู้ว่าตระกูลถูกสืบทอดโดยผู้ชาย แต่มีเศษเสี้ยวหนึ่งฉุกคิดว่าด้วยความสามารถและผลงานที่ประจักษ์จะทำให้บิดาเปลี่ยนใจมอบตำแหน่งให้
แต่แล้วสิ่งเหล่านั้นเป็นเพียงฝันไป...
นอกจากจะไม่ได้ตำแหน่งดังใจหวังแล้ว เธอยังถูกเหยียดหยามจากน้องชายที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกเมียน้อยหน้าไม่อาย!
ครืด...ครืด...
แรงสั่นจากเครื่องมือสื่อสารที่วางอยู่บนโต๊ะทรงเตี้ยแผดขึ้น นรีนันท์ตวัดสายตามองเมื่อหลุดจากภวังค์ เมื่อครู่นี้เธอทอดสายตามองไปยังสิ่งใดก็สุดรู้ หากแต่เธอมั่นใจว่าดวงตาคู่นั้นกลับเอ่อล้นไปด้วยหยาดน้ำสีใสที่แสดงความแพ้พ่ายออกมา
มือเล็กหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดรับสาย บนหน้าจอโชว์หราถึงชื่อของเลขาส่วนตัวที่โทรเข้ามา
“ฉันอยู่ที่คลับซี ไม่ต้องห่วงฉันไม่ได้ขับรถมา เดี๋ยวจะนั่งแท็กซี่กลับบ้านเอง” ทันทีที่กดรับสาย เสียงของนรีนันท์ก็เอ่ยขึ้นราวกับล่วงรู้ว่าจะได้ยินประโยคได้
หญิงสาวมาที่ไนต์คลับแห่งนี้เพียงลำพัง มันเป็นสถานที่ที่ใครต่อใครต่างก็ใช้มันเป็นที่พักผ่อนหย่อนใจ แต่มันแปลกใหม่มากสำหรับผู้จัดการใหญ่อย่างเธอที่ไม่เคยย่างกรายมาในที่แบบนี้เลยสักครั้ง ด้วยเหตุนี้เลขาคนสนิทถึงได้โทรหาในยามวิกาลทั้ง ๆ ที่เลิกงานไปตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดินแบบนี้
[โธ่...คุณนันท์จะกลับเมื่อไหร่คะ หนิงว่าหนิงไปหาคุณนันท์ที่นั่นดีกว่า หนิงจะได้...]
“ไม่ต้อง ฉันอยากอยู่คนเดียว นี่มันก็ดึกมากแล้วเธอจะมาหาฉันทำไม อยู่กับแฟนไปเถอะย่ะ” นรีนันท์เอ่ยปนเสียงขำเมื่อได้ยินเสียงบอลแมตช์สำคัญที่ดังแทรกมาจากปลายสาย แน่นอนว่าเวลาแบบนี้เลขาของเธอจะต้องอยู่ชิดใกล้กับแฟนหนุ่มในที่พัก แล้วแบบนี้เธอจะยอมให้ตามมาคุมถึงที่ได้ยังไง
[คุณนันท์ละก็...หนิงเป็นห่วงนี่คะ ต่อให้คุณนันท์จะเครียดแค่ไหนแต่คุณนันท์ไม่เคยไปที่แบบนั้นเลยนี่นา หนิงทำงานกับคุณนันท์มาหลายปีทำไมหนิงจะไม่รู้]
เสียงผ่อนลมหายใจยาวเหยียดดังตามมาหลังจากคนปลายสายเอ่ยจบประโยค นรีนันท์หยัดยิ้มอย่างนึกเอ็นดูในตัวเลขาคนนี้ที่ดูแลเธออย่างดีเสมือนญาติพี่น้องคนหนึ่ง
ในเวลาทำงานเธอและหนิงย่อมปฏิบัติเช่นเจ้านายและลูกน้อง แต่พอเลิกงานเมื่อไร คนทั้งสองก็จะพูดคุยกันด้วยความสนิทสนมไม่ต่างจากพี่น้องหรือเพื่อนคนหนึ่ง
“ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้างไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวอีกสักแป๊บก็กลับแล้ว เธอน่ะไปอยู่กับแฟนเถอะ แค่นี้นะ บาย!” หญิงสาวพูดจบเสร็จสรรพ หลังจากนั้นก็กดตัดสายพร้อมกับโยนโทรศัพท์ลงข้างกายเพราะไม่อยากเปิดดูการแจ้งเตือนที่ถล่มทลายเข้ามา
ข้อความจากลูกค้า เอกสารงานโรงแรม แชตกลุ่มของเพื่อนสมัยเรียน และรวมไปถึงสายกระหน่ำโทรเข้าจากผู้เป็นพ่อไม่ต่ำกว่าหลักร้อย สิ่งเหล่านั้นทำให้นรีนันท์เลือกที่จะกดปิดเครื่องให้มืดดับ และหันกลับมาดื่มด่ำกับบรรยากาศแปลกใหม่ที่เพิ่งเพียรพบ แม้ว่าอายุอานามจะขึ้นเลขสามแล้วก็ตาม
“ต้องการเพื่อนนั่งคุยไหมครับ นั่งฟรีไม่คิดค่าบริการ”