โรงพยาบาล
“อ้อย อ้อยลูก”
เช้าวันใหม่เมื่อผกาตื่นขึ้นมาก็เจอกับอ้อยที่ฟุบหน้าลงข้างเตียงนอนเฝ้าเธออยู่หน้าสวยที่ย่นไปตามอายุที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ขมวดคิ้วมุ่นอย่างครุ่นคิดว่าลูกสาวเธอหายไปไหน
“อือ อะ ป้าผกาตื่นแล้วเหรอจ๊ะ”
อ้อยสะลึมสะลือลืมตาตื่นขึ้นมาก็เจอกับผกาที่กำลังจ้องมองเธอเขม็ง เธอรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ อย่างไรชอบกล
“ที่รักล่ะอ้อย ที่รักไปไหนทำไมไม่มาหาป้า”
ผกาถามหาลูกสาวอย่างเป็นห่วงที่รักหายไปไหนแต่เช้าทำไมไม่มาอยู่กับเธอ
“อะ เอ่อคือ คือแบบนี้จ้ะป้า พอดีที่รักมันหางานเสริมทำเพื่อหาค่ารักษาพยาบาลมารักษาป้า ที่รักมันเลยรับจ็อบขายของที่ตลาดช่วยป้าบัวน่ะจ้ะ สักบ่าย ๆ ตลาดวายที่รักมันคงกลับมาป้าไม่ต้องห่วงนะจ๊ะเดี๋ยวระหว่างที่ป้าเข้าโรงบาลอ้อยจะดูแลป้าเอง”
โกหกหน้าตายตอบผกาไปอย่างภาวนาไม่ให้ถูกจับได้หน้าสวยตีหน้าซื่อยิ้มให้ผกาอย่างต้องการให้คนแก่คลายกังวลที่ไม่เห็นลูกสาวมาเฝ้าอยู่ข้าง ๆ
“โธ่เอ๋ย ที่รักต้องทำงานเหนื่อยแบบนี้เพราะแม่คนเดียวแท้ ๆ”
ผกาน้ำตาคลอเบ้าทันทีที่อ้อยพูดจบโดยไม่ได้นึกสงสัยเลยว่าสิ่งที่อ้อยพูดออกมานั้นเป็นการโกหกเพื่อให้ตนสบายใจ
“ป้าจ๋า อย่าคิดมากไปเลยนะจ๊ะ ที่รักเหลือแค่ป้าคนเดียวในชีวิตนี้ ที่รักก็อยากให้ป้าได้ผ่าตัดและหายดีอยู่กับที่รักนาน ๆ น้องมันถึงไปทำงานหาเงินแบบนั้นอย่าห่วงไปเลยนะ”
อ้อยจับมือผกามากุมไว้ก่อนที่จะยิ้มให้ผกาอย่างปลอบใจซึ่งผกาก็พยักหน้ารับอย่างเข้าใจก่อนที่อ้อยจะกระวีกระวาดประคองผกาเข้าห้องน้ำเมื่อผกาต้องการล้างหน้าแปรงฟันให้สดชื่น
โรงแรม K
“อื้ออ อ๊ะ ซี้ดดด”
ที่รักลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเช้าพร้อมซี้ดปากเมื่อรู้สึกเจ็บระบมไปหมดทั้งตัว จะอะไรซะอีกล่ะเมื่อคืนคุณหมอเล่นซะคนไร้ประสบการณ์แบบเธอสลบคาอกเลยทีเดียวน่ะสิ
เผลอคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นผมสีดำของใครบางคนซุกอยู่ที่หน้าอกอวบใหญ่ของเธอที่มีรอยแดงเต็มไปหมด
เธอไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปแล้วสินะ
ปากสีไวน์ของคนตัวสูงคาอยู่ที่ยอดอกของเธอ แปลกจังที่เขานอนหลับทั้ง ๆ ที่ดูดนมเธอไว้ทั้งคืนแบบนั้น ที่รักแอบเสยผมที่ปรกหน้าของ กฤษฎิ์ออกพลางพินิจดูใบหน้าหล่อเหลายามนอนหลับสนิทอย่างใจสั่น ผู้ชายอะไรปาก จมูก คิ้ว รับกับใบหน้าไปหมดอย่างเหมาะเจาะ หล่อเหลาปานเทพบุตร ใบหน้ายามหลับดูไร้พิษสงแต่กลับทำให้เธอใจเต้นแรงสั่นไหวอยู่ในอกจนต้องยกมือขึ้นมาจับหน้าอกไว้กลัวว่าคนที่นอนหลับจะได้ยิน ทำไมเขาถึงหล่อแบบนี้นะคุณหมอกฤษฎิ์
“แอบมองฉันเหรอ หืม”
กำลังมองใบหน้าหล่อด้วยความหลงใหลอยู่ดี ๆ สายตาคมกริบก็ลืมตาตื่นขึ้นมาจ้องเธออย่างจับผิด คนแอบมองที่ไม่ทันตั้งตัวหลบหน้าไปทางอื่นแทบไม่ทัน
“ปะ เปล่า นะคะที่รักไม่ได้แอบมองคุณหมอนะ”
ผินหน้าไปทางอื่นซ่อนแก้มสวยที่แดงปลั่งราวลูกเชอร์รีสุกแต่มีหรือจะพ้นสายตาที่เฉียบคมของกฤษฎิ์ไปได้
“อืม ไม่มองก็ไม่มอง แล้วเจ็บมากหรือเปล่า”
เลิกคิ้วถามที่รักเขาอยากรู้ว่าตอนนี้ร่างกายของเธอเจ็บมากน้อยแค่ไหนดูจากรอยแดงตามซอกคอตามหน้าอกอวบแล้วเธอคงบอบช้ำไม่ใช่น้อย
“จะ เจ็บค่ะ คุณหมอไม่เห็นอ่อนโยนเหมือนที่บอกที่รักเลย”
ก้มหน้างุดด้วยความอายเมื่อต้องพูดประโยคที่ชวนเคอะเขินแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่ต้องมาทำงานแบบนี้แถมยังเสียความสาวให้คนตรงหน้าแต่ทำไมกันนะเธอถึงไม่รู้สึกเสียใจเลยสักนิดกลับรู้สึกดีด้วยซ้ำที่ผู้ชายคนแรกของเธอเป็นเขา เพราะถ้าเป็นคนอื่นที่มีอายุแถมอ้วนลงพุงเธอคงทำใจยอมรับไม่ได้แน่นอน
“หึ เด็กน้อย มีเซ็กซ์ใครเขาอ่อนโยนกันเล่านั่นมันนิทานหลอกเด็กนะยายหนู อ้อ ลืมไป เธอก็เด็กนี่ 21 ใช่ไหมนะ หน้าประถมนมมหาลัยสเปคชะมัด”
พูดไปก็มองนมที่รักไปด้วยสายตาเจ้าชู้ เห็นแบบนั้นหญิงสาวรีบยกมือขึ้นมาปิดหน้าอกอวบขาวที่มีรอยแดงเต็มไปหมดทันที
“คะ คุณหมอพูดจาไม่น่ารักเลย”
ที่รักแอบตำหนิกฤษฎิ์นิด ๆ ที่พูดจาสิปแปดบวกชวนเขิน เธอเพิ่งจะ 18 เองนะจู่ ๆ มาพูดอะไรแบบนี้ก็ไม่รู้
“ถึงคำพูดฉันอาจจะไม่น่ารักแต่จริง ๆ แล้วฉันเป็นคนน่ารักนะ หนึ่งอาทิตย์ที่เธอต้องอยู่กับฉันเธออาจจะตกหลุมรักฉันก็ได้ใครจะรู้”
“หึ แต่ถ้าเป็นแบบนั้นจริงก็อยากจะบอกว่าอย่ามาชอบผู้ชายแบบฉันเลยนะ ฉันไม่เหมาะกับคนดี ๆ แบบเธอหรอกที่รัก”
ยกมือแกร่งขึ้นมาจับใบหน้าเนียนของที่รักที่ก้มหน้างุดให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากันก่อนที่จะยิ้มให้อย่างเจ้าเล่ห์พร้อมกับก้มลงมาบดจูบกลีบปากนุ่มของที่รักหนัก ๆ หนึ่งที
“อ๊ะ อืมม คุณหมอ”
ครางเสียงเบาหวิวเมื่อกฤษฎิ์ถอนจูบออกก่อนที่กฤษฎิ์จะตวัดแขนอุ้มร่างบอบบางเปลือยเปล่าของที่รักขึ้นมาแนบอกในขณะที่คนโดนอุ้มยกมือคล้องคอร่างสูงไว้แทบไม่ทันอย่างกลัวหล่น
“ปะ...ไปอาบน้ำกันดีกว่า อาบน้ำอุ่น ๆ จะได้สดชื่นเดี๋ยวฉันจะช่วยเธออาบน้ำเองนะที่รัก”
ตีหน้ามึนบอกที่รักก่อนที่จะยักคิ้วให้แล้วอุ้มที่รักหายเข้าไปในห้องน้ำทันที
เมื่ออาบน้ำเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งคู่ก็ออกมาแต่งตัวข้างนอก ที่รักอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำ ตอนนี้เธอกำลังรู้สึกเคว้งอยู่กลางห้องนั่งมองกฤษฎิ์ที่หยิบชุดสูทมาสวมอย่างไม่เร่งรีบ
“อะ เอ่อ คุณหมอคะเสื้อผ้าที่รักล่ะคะ”
เอ่ยปากถามหมอหนุ่มขึ้นอย่างงุนงงตอนมาเธอจำได้ว่าเอาเสื้อผ้ามาด้วยนี่แล้วทำไมตอนนี้หายไปหมดเลยล่ะ
“อ้อ เสื้อผ้าเธอเหรอ นี่ไง มาเลือกสิอยากใส่ชุดไหนเลือกได้เลย ฉันให้คนของฉันจัดหามาให้เธอแทนเสื้อผ้าเก่า ๆ พวกนั้นน่ะ คิดจะควงฉันเป็นอาทิตย์เธอต้องสวยดูดีสมกับเป็นผู้หญิงของหมอกฤษฎิ์สิ”
เดินเข้ามาหาที่รักก่อนจะเชยคางมนขึ้นมาจุ๊บปากบางเย็นชืดนั้นเบา ๆ ทีหนึ่งอย่างมันเขี้ยว
“อยู่ใกล้เธอทีไรแม่ง ของขึ้นทุกที เล่นของใส่ฉันหรือเปล่าเนี่ย ลูกชายฉันมันอยากทักทายร่องนุ่ม ๆ ของเธอทุกเวลาเลย ปกติฉันไม่เอาใครซ้ำสองนะแต่กับเธอคิดไม่ผิดที่ให้ดูแลฉันตั้งหนึ่งอาทิตย์เธอโชคดีมากนะรู้ไหมเพราะมีผู้หญิงหลายคนที่อยากใกล้ชิดฉันแทบตายแต่ฉันไม่เห็นสนใจใครแต่กับเธอสงสัยจะติดใจแฮะ หวานไปทั้งตัวแบบนี้อยากจะเอาแม่งทั้งวันทั้งคืน”
กฤษฎิ์พูดออกมาอย่างไม่กระดากปากแต่กลับเป็นที่รักเองที่กระดากและเขินอายจนหน้าแดงไปหมด
“หึ เขินเหรอแม่สาวน้อย”
ล้อเลียนที่รักที่ตอนนี้ก้มหน้างุดด้วยความอายจนหูแดงไปทั้งแถบ ในขณะที่กฤษฎิ์หัวเราะน้อย ๆ อย่างชอบใจที่ได้แกล้งสาวน้อยตรงหน้าก่อนที่ที่รักจะลุกขึ้นไปเปิดตู้เสื้อผ้าเลือกชุดเสื้อครอปสีแดงลายตารางหมากรุกกับกระโปรงเข้าชุดกันมาใส่ ในตู้เสื้อผ้ายังมีแพนตี้อีกด้วย ที่รักได้แต่ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“อันนี้ก็ของที่รักเหรอคะ”
หันมาถามกฤษฎิ์พร้อมขยับสาบเสื้อคลุมเข้าหากันทันทีที่เห็นเขามองมาด้วยสายตากรุ้มกริ่มแบบนั้น
คนบ้า สายตาเจ้าชู้ชะมัด
“ของฉันมั้งยายหนูมีแต่ของผู้หญิงแบบนั้นน่ะไซซ์น่าจะพอดีนะทั้งขย้ำทั้งดูดขนาดนั้นฉันว่าฉันวัดไม่ผิดหรอกทั้งบนทั้งล่าง”
พูดออกมาอย่างไม่รู้สึกรู้สาเลยสักนิดกับสายตาของที่รักที่มองมา ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นนิด ๆ กับคำพูดสุดห่ามของกฤษฎิ์
“คุณหมอพูดจาไม่น่ารักอีกแล้วนะคะ”
หน้ามุ่ยมองหน้ากฤษฎิ์อย่างไม่ชอบใจในขณะที่คนโดนมองยักไหล่อย่างไม่แคร์สักเท่าไหร่
“คำก็ไม่น่ารัก สองคำก็ไม่น่ารัก สงสัยฉันคงน่ารักแค่เวลาเอากับเธอสินะ”
พูดใส่หน้าที่รักพร้อมรอยยิ้มกระชากใจที่เห็นลักยิ้มน่ามองมีเสน่ห์ทั้งสองข้างก่อนที่จะเดินผิวปากออกจากห้องแต่งตัวไปทันทีทิ้งให้ที่รักหน้าแดงอยู่คนเดียวก่อนที่ร่างบางจะรีบหยิบชุดชั้นในออกมาใส่แล้วตามด้วยเสื้อผ้าที่เลือกไว้ก่อนหน้านี้
“วันนี้ฉันมีประชุมที่โรงพยาบาล N ทั้งวัน เธออยากไปไหนหรือเปล่าฉันจะได้ให้คนของฉันไปส่ง อยู่แต่ในโรงแรมเธอคงอึดอัดแต่ไปแล้วต้องกลับมานะไม่กลับมาเธอจะไม่ได้เงินเลยนะยายหนู”
วางหนังสือพิมพ์ธุรกิจที่กำลังอ่านลงข้างโต๊ะก่อนที่จะยกกาแฟขึ้นมาจิบอย่างสดชื่นเมื่อคาเฟอีนวิ่งเข้าสู่ร่างกาย ก่อนจะวางแก้วกาแฟลงเมื่อดื่มจนหมดถ้วยแล้ว ยายหนูนี่แต่งตัวนานชะมัด แต่เมื่อคิดถึงเหตุผลที่ที่รักแต่งตัวช้าเขาก็พอจะเข้าใจล่ะนะ เพราะตามลำคอที่เคยมีรอยแดงเต็มไปหมดกลับถูกปิดทับด้วยรองพื้นหนาราคาแพงที่เขาให้เกริกพลจัดหามาให้
“แล้วคุณจะให้เงินที่รักเท่าไหร่คะ”
เมื่อได้ยินกฤษฎิ์พูดเรื่องเงินที่รักก็รีบเดินมาหยุดยืนตรงหน้ากฤษฎิ์ทันทีอย่างต้องการคำตอบ เพราะเรื่องเงินพี่อ้อยไม่ได้บอกจำนวนกับเธอ บอกแค่ว่าถ้าเขาพอใจเธอจะเรียกกี่บาทก็ได้
“แล้วเธออยากได้กี่บาทล่ะ หืม”
ถามอย่างเจ้าเล่ห์พร้อมตวัดแขนโอบเอวที่รักมานั่งบนตักแกร่งก่อนที่จะก้มลงสูดกลิ่นหอมของแป้งเด็กที่ที่รักใช้อย่างชื่นใจ เด็กนี่ตัวหอมชะมัดเลยเขาชักจะชอบกลิ่นนี้ซะแล้วสิ
“ถ้าบอกไปแล้วคุณหมอจะยอมให้ที่รักไหมล่ะคะ”
เงยหน้าขึ้นถามกฤษฎิ์อย่างใคร่รู้ในขณะที่กฤษฎิ์เลิกคิ้วขึ้นนิด ๆ ก่อนถามที่รักกลับคืน
“ไหนลองพูดมาสิอยากได้เท่าไหร่ แล้วฉันจะบอกว่าให้หรือไม่ให้”
หลอกล่อที่รักด้วยเสียงนุ่มทุ้ม ที่รักยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินแบบนั้น รอยยิ้มที่สดใสของที่รักทำให้กฤษฎิ์ชะงักไปเล็กน้อย ใบหน้านิ่ง ๆ มองอย่างไรก็น่ารักแต่เวลายิ้มทั้งสวยทั้งน่ารักเลย
หึ เด็กมันอ่อยครับทุกคน แอบใจเต้นเบา ๆ
“เอ่อ ที่รักขอสักสี่แสนได้ไหมคะ”
ถามออกไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ กลัวว่าเขาจะปฏิเสธแล้วไล่ตะเพิดเธอออกไปจากห้องทันทีน่ะสิ แต่เธอก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าเงินสี่แสนสำหรับคนรวยอย่างหมอฤษฎิ์จะให้เธอได้ไหม เพราะพี่อ้อยบอกว่าคุณคนนี้รวยมากโคตรรวย รวยแบบที่ใช้เท่าไหร่ก็ไม่หมด ทั้งยังเป็นไฮโซชื่อดังของเมืองไทยอีกด้วยแทบจะไม่มีใครไม่รู้จักเขาเลย ยกเว้นตาสีตาสาน่ะนะ
“หืม แพงขนาดนั้นเชียวอะไรล่ะที่คิดว่าฉันจะยอมให้เธอมากถึงขนาดนี้ ที่เคยจ่ายแพงสุดก็แค่สองแสน แต่นั่นเป็นนางแบบตัวท็อปของวงการนะ ส่วนเธอยังเด็กมีดีตรงที่ซิงแล้วก็นมใหญ่แค่นั้นเองมีอะไรมาแลกล่ะถ้าจะเอาสี่แสน แลกด้วยอะไรดีน้า”
พูดไปก็กระตุกยิ้มมุมปากไปมือแกร่งทำท่ายกขึ้นมาลูบคางที่เริ่มมีไรหนวดขึ้นมานิด ๆ อย่างคนที่กำลังครุ่นคิดเพื่อจะดูท่าทีของที่รักที่ตอนนี้หน้าหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัดที่เขาพูดแบบนั้น
“ตลอดอาทิตย์ที่อยู่กับคุณหมอที่รักจะทำให้คุณหมอพอใจที่สุดค่ะ”
บอกกับกฤษฎิ์แบบนั้นก่อนจะยกมือขึ้นคล้องรอบคอแกร่งของกฤษฎิ์ไว้แน่นพร้อมสบตาคมกริบของกฤษฎิ์ที่กำลังมองมาอย่างมุ่งมั่น
เหอะ เด็กมันได้ว่ะ โดนแล้วไหมล่ะไอ้หมอกฤษฎิ์
“ถ้าอยากได้สี่แสน เธอคงต้องยอมให้ฉันเอากับเธอคืนละสามน้ำแล้วล่ะที่รัก วัยกำลังหนุ่มแบบฉันความต้องการมันสูง ว่าแต่เธอเถอะไหวไหมสาวน้อย”
โอบเอวที่รักไว้ก่อนที่จะก้มลงกระซิบเสียงแผ่วเบาที่ใบหูสวยของคนตัวเล็กพร้อมเป่าลมเข้าหูที่รักจนเธอรู้สึกสยิวขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“ไหวค่ะ ที่รักยอมคุณหมอทุกอย่างเลยขอแค่คุณหมอจ่ายตามที่ที่รักขอไปเท่านั้นค่ะ”
เงยหน้าบอกกฤษฎิ์ตัดสินใจอย่างเด็ดเดี่ยว กฤษฎิ์หัวเราะน้อย ๆ อย่างถูกอกถูกใจ เขาจะรอดูว่าจะเก่งแบบที่พูดหรือเปล่ายายเด็กแก่แดด
“ดีล ตามนั้น แล้วฉันจะรอดูว่าเธอจะแน่เหมือนที่พูดไหม หึ”
“แล้วสรุปจะออกไปไหนไหมวันนี้”
ถามที่รักอย่างเพิ่งคิดได้ว่าคุยเรื่องนี้กันค้างไว้
“ที่รักอยากไปโรงพยาบาล N พอดีแม่ที่รักแอดมิดอยู่ที่นั่นค่ะ”
เงยหน้าบอกกฤษฎิ์อย่างอ้อนวอนในขณะที่กฤษฎิ์นิ่งไปสักพักจนที่รักรู้สึกหวั่นใจ
“งั้นไปพร้อมฉันแล้วกัน ฉันมีประชุมที่นั่นพอดี ฉันเสร็จงานเมื่อไหร่ก็กลับพร้อมกันเลยโอเคไหม”
บอกที่รักเสียงนุ่มส่วนที่รักพยักหน้ารับรัว ๆ อย่างดีใจก่อนที่กฤษฎิ์จะอุ้มที่รักลงจากตักแกร่งแล้วเดินนำหน้าที่รักออกมาจากห้องพักทันที
โรงพยาบาล N
“แม่ แม่จ๋าที่รักมาแล้ว”
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลกฤษฎิ์ก็แยกไปทำงานของเขาทันทีส่วนที่รักก็รีบมาหาแม่ที่ห้องผู้ป่วยทันทีเช่นกัน
“ที่รัก มาแล้วเหรอลูก”
ผกายิ้มกว้างอย่างดีใจที่เห็นที่รักในชุดสวยสดใสเดินเข้ามานั่งลงข้างเตียงในขณะที่อ้อยกำลังนั่งปอกผลไม้อยู่
“อ้าว ที่รักป้าบัวเก็บร้านแล้วเหรอทำไมมาไวจังเลยล่ะ”
อ้อยถามที่รักขึ้นเสียงดังในขณะที่ที่รักขมวดคิ้วมุ่นอย่างงุนงงก่อนที่จะหันไปมองอ้อยอย่างสงสัยอะไรคือป้าบัว ส่วนอ้อยรีบขยิบตาทันทีที่ที่รักหันมามองตนจนถึงบางอ้อเมื่อเห็นอ้อยขยิบตารัว ๆ แบบนั้น
“อ๋อ ป้าบัวขายดีมากเลยจ้ะวันนี้ กับข้าวหมดตั้งแต่เก้าโมงเช้าจ้ะพี่อ้อย ที่รักได้ค่าแรงวันนี้มาตั้งสามร้อย”
ตอบอ้อยเสียงดังฟังชัดโดยที่กำลังโกหกแม่ของตนไปด้วย
ขอโทษนะจ๊ะแม่ ที่รักขอโทษที่ต้องโกหก
“เก่งจริง ๆ ลูกสาวแม่ แม่ขอโทษนะที่ทำให้หนูต้องลำบากแบบนี้”
จับมือน้อยของลูกสาวมากุมไว้ก่อนที่น้ำตาจะเริ่มคลอเบ้าอย่างห้ามไม่อยู่ที่ทำให้ลูกสาวต้องลำบากทั้ง ๆ ที่ที่รักเพิ่งจะอายุเพียงเท่านี้
“ไม่เป็นไรหรอกจ้ะแม่ ที่รักไหว อีกเดี๋ยวบ่าย ๆ ที่รักก็ต้องไปช่วยพี่นิดขายของที่ตลาดโต้รุ่งแล้วนะแม่ ขายเสร็จก็ดึก ๆ เลย ระหว่างนี้ให้พี่อ้อยเฝ้าแม่ไปก่อนนะจ๊ะแม่จ๋า ที่รักขอหาเงินมารักษาแม่ก่อนน้า”
ที่รักกุมมือแม่ไว้แน่นก่อนที่จะยกขึ้นมาแนบแก้มอย่างรักสุดหัวใจ
“ขอบใจนะที่รักที่อดทนยอมลำบากเพื่อแม่ขนาดนี้”
ผกามองหน้าที่รักอย่างซาบซึ้งใจในตัวลูกสาวที่ทุ่มเทยอมลำบากเพื่อเธอขนาดนี้
“เรามีกันแค่สองคนนะจ๊ะแม่ ถ้าไม่มีแม่ที่รักจะอยู่กับใครยังไงแม่ก็ต้องได้ผ่าตัดแล้วอยู่กับที่รักไปนาน ๆ นะจ๊ะ”
บอกแม่ก่อนที่จะก้มลงกอดเอวแม่เอาไว้อย่างออดอ้อน
“สองคนที่ไหนกันล่ะ ยังมีพี่อีกคนนะที่รัก ต่อให้วันข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้นพี่จะอยู่กับที่รักแล้วก็ป้าผกาจนตายกันไปข้างเลย”
อ้อยยิ้มร่าพร้อมถือจานผลไม้ที่ปอกแล้วเดินเข้ามาหาสองแม่ลูกก่อนที่ทั้งสามคนจะมองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมาด้วยความสุข ถึงแม้พวกเธอจะไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่มีอันจะกินแต่พวกเธอแค่มีกันและกันและคอยช่วยเหลือกันแค่นี้ก็สุขใจแล้ว
“หืม มะเร็งกระเพาะอาหารเหรอ”
กฤษฎิ์ก้มลงอ่านข้อมูลในแฟ้มเอกสารอย่างสนใจเมื่อเกริกพลหาข้อมูลมาให้ตามที่เขาสั่งงานไป
“ครับนาย อีกสองวันก็ผ่าตัดแล้วครับ ค่ารักษาที่ต้องจ่ายก็ประมาณสามแสนกว่าบาทครับ”
เกริกพลรายงานผู้เป็นนายถึงข้อมูลที่เขาไปเสาะหามาให้ เมื่อผู้เป็นนายรู้สึกสงสัยว่าเด็กที่ดูแลตัวเองอยู่แม่ป่วยจริงตามที่พูดหรือเปล่า
“แล้วครอบครัวล่ะ”
ถามเกริกพลอย่างต้องการรู้ให้มากกว่านี้ถึงประวัติครอบครัวของที่รัก
“อยู่กับแม่แค่สองคนครับนาย อันที่จริง เอ่อคือ คือว่า”
เกริกพลอ้ำอึ้งเมื่อต้องพูดในเรื่องที่อาจจะทำให้นายเขาตกใจและโมโหมากก็เป็นได้
“อ้ำอึ้งอยู่ได้พูดมาสักทีสิฉันรอฟังอยู่”
มองมาที่เกริกพลที่กำลังลังเลอยู่อย่างกดดันก่อนที่เกริกพลจะยอมพูดออกมา
“คือว่าที่จริงแล้วเด็กนี่อายุ 18 ครับนาย เพิ่งจบม.6 กำลังเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ครับ”
พูดจบก็ก้มหน้าลงเพื่อรอรับคำด่าจากผู้เป็นนายทันที
“ฮะ อะไรนะ เวรแล้วไหมล่ะกู นี่เอาเด็ก 18 มาดูแลฉันเนี่ยนะ”
กฤษฎิ์สบถอย่างหัวเสียเมื่อรู้อายุที่แท้จริงของที่รัก
“ผมขอโทษครับนายที่ทำงานสะเพร่าไม่ตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะส่งเธอให้นาย”
เกริกพลก้มหน้าอย่างรู้สึกผิดที่เอาเด็กม.ปลายไปดูแลปรนนิบัตินายของตน
“เฮ้อ จริง ๆ เลยนะเกริกพลแล้วนี่ฉันเสือกเปิดซิงเด็กมันด้วย”
กฤษฎิ์ส่ายหน้าน้อย ๆ เมื่อคิดไปถึงเรื่องเมื่อคืนที่ตนได้เปิดซิงเป็นผู้ชายคนแรกของที่รักไปแล้ว
“ผมขอโทษครับนายเดี๋ยวผมจะรีบจัดการเรื่องนี้แล้วหาเด็กมาเปลี่ยนให้นายนะครับ”
บอกกฤษฎิ์อย่างสำนึกผิดในขณะที่กฤษฎิ์โบกไม้โบกมือเป็นเชิงบอกว่าไม่ต้อง
“หึ ช่างมันเถอะ เด็กก็เด็ก เอากับเด็กดูสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นไรนี่ กินแต่พวกมากประสบการณ์แล้วมันน่าเบื่อสู้ลองกินเด็กแบบที่รักแล้วมันเร้าใจดีแล้วก็ค่ารักษาพยาบาลเด็กนี่จัดการเคลียร์ให้ด้วยแล้วกัน นี่คงเป็นเหตุผลที่ต้องมาทำอะไรแบบนี้สินะ คงต้องการหาเงินมารักษาแม่นี่เอง”
ประโยคหลังพึมพำเสียงเบาอยู่คนเดียวก่อนที่จะลุกขึ้นเดินออกจากห้องไปเพื่อเดินทางกลับที่พักนี่ก็ห้าโมงเย็นแล้วเขาอยากทานอาหารเหนือเป็นมื้อเย็นสักหน่อย หนีบเด็กนั่นไปนั่งกินข้าวเป็นเพื่อนดีกว่า คิดได้ดังนั้นก็หยิบโทรศัพท์มากดโทรหาที่รักทันที
กริ๊ง กริ๊ง
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นอยู่ไม่ไกล ที่รักรีบคว้ามากดรับสายทันที
“ฮัลโหลค่ะ คุณหมอ อ๋อ ได้ค่ะ ที่รักจะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
เมื่อวางสายแล้วที่รักก็เตรียมตัวกลับไปหากฤษฎิ์ทันที
“คุณเขาโทรตามแล้วเหรอที่รัก”
อ้อยถามทันทีเมื่อเห็นที่รักเตรียมตัวจะออกไปแล้ว
“จ้ะพี่อ้อย ที่รักฝากแม่ด้วยนะ พรุ่งนี้ที่รักจะขอคุณหมอมาใหม่นะจ๊ะ”
ยิ้มให้อ้อยก่อนที่จะรีบเดินออกมาหากฤษฎิ์ที่รออยู่หน้าห้องแล้ว ก่อนที่กฤษฏิ์จะโอบเอวที่รักเดินออกไปจากตรงนี้ทันทีโดยมีสายตาของนางพยาบาลสองคนมองตามจนสุดสายตา
“เอ๊ะ นั่นมันท่านประธานนี่ มากับใครอะแก”
ส้มรีบถามเพื่อนนางพยาบาลทันทีที่เห็นกฤษฎิ์เดินโอบเอวที่รักเดินผ่านไปอย่างไม่แคร์สายตาของคนที่เดินสวนไปสวนมาเลยสักนิด
“เด็กท่านไหมล่ะส้ม ท่านประธานเจ้าชู้จะตาย ชื่อเสียงเรื่องผู้หญิงออกจะดังในแวดวงไฮโซ ฉายาหมอคาสโนว่าไม่ได้ได้มาเล่น ๆ นะได้ยินมาว่าฟันหญิงเป็นว่าเล่นเลยแก”
หมิวนางพยาบาลที่มาด้วยกันรีบบอกส้มถึงกิตติศัพท์ของกฤษฎิ์ที่เธอได้ยินมารวมถึงติดตามข่าวคราวทางทีวีด้วย
“อ๊าย หมิวฉันอยากเป็นเด็กท่านจังเลย ให้ได้สักทีจะดีมาก ผู้ชายอะไรไม่รู้ โคตรหล่อ ยิ้มทีฉันละลายอะแก เมื่อวานเห็นครั้งแรกฉันแทบกรี๊ดในความโอปป้าของท่าน เบ้าหน้าโคตรเกาหลีแถมหุ่นเฟิร์มมากอยากเอานมไปซบที่อกแน่น ๆ นั่นเลยแก”
หมิวพูดถึงกฤษฎิ์อย่างเพ้อฝันในขณะที่ส้มส่ายหน้าอย่างเอือมระอากับความมโนเพ้อของเพื่อนสาวก่อนที่จะรีบเดินกลับวอร์ดเพื่อทำงานตามหน้าที่ทันที