EP 4: น้องผัวรสวาท
หล่อนตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศของไร่สตอเบอรี่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่เห็นมากนัก จนลืมความเสียใจไปเสียสนิท
“สวยจังเลยค่ะ”
“ทุกคนก็พูดแบบนี้ล่ะครับ”
หล่อนอมยิ้ม มองป้ายบอกชื่อไร่สตอเบอรี่ด้านซ้ายมือและอ่านออกเสียง
“ไร่ธีรภัทร์”
“ครับ”
“แหม นี่เอาชื่อตัวเองมาตั้งเป็นชื่อไร่เลยนะคะ”
“ก็มันเป็นไร่ของผมนี่ครับ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆ หยุดเดิน และหันมามองหญิงสาวที่ยืนอยู่ด้านหลัง แสงแดดที่กำลังขึ้นเหนือเส้นขอบฟ้าส่องมากระทบด้านหลังของหญิงสาว ทำให้เจ้าหล่อนไม่ต่างจากนางฟ้าที่เดินลงมาจากสรวงสวรรค์เลยแม้แต่น้อย เขาเผลอตัวเผลอใจมองอยู่นาน จนกระทั่งได้ยินเสียงกระแฮมจากหญิงสาว
“หน้าฉัน... มีอะไรติดเหรอคะ”
“เปล่าครับ... ไม่มีอะไร”
ธีรภัทรรีบมองทางอื่น และก่นด่าตัวเองลั่นอก
ห้ามคิดอะไรไม่ดีกับพี่สะใภ้เด็ดขาด แม้ว่าเธอจะสวยงามขนาดไหนก็ตาม ไอ้ธีร์!
“ผมว่าเรารีบเดินไปให้ถึงบ้านดีกว่าครับ แดดเริ่มแรงแล้ว เดี๋ยวผิวขาวของคุณพี่สะใภ้จะกร้านเสียหมด”
“บอกแล้วไงคะว่าฉันชื่อน้ำ”
“แต่คุณก็เป็นพี่สะใภ้ผมนี่ครับ” เขาออกเดิน และไม่หันมามองคนที่เดินตามหลังอีก
“แต่ฉันอยากให้คุณเรียกว่าน้ำนี่คะ”
“ผมว่าเรียกคุณว่าพี่สะใภ้น่ะดีที่สุดแล้ว”
เพราะมันจะช่วยเตือนใจของเขาให้ไม่กล้าคิดเกินเลยกับหล่อนยังไงล่ะ
“หยุดเดินก่อนสิคะ” มือนุ่มคว้าที่ท่อนแขนสีแทน และรั้งเอาไว้
ธีรภัทรที่หวั่นไหวอยู่แล้ว ก็ยิ่งสะท้านสะเทือน เขาแกะมือของหล่อนออกห่าง ก่อนจะหมุนตัวมาเผชิญหน้ากับพี่สะใภ้คนสวย
“คุณเป็นพี่สะใภ้ของผม... อย่าแตะตัวผมดีกว่า มันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่”
“ฉันไม่ได้คิดอะไรไม่ดีนะคะ ฉันก็แค่อยากให้คุณหยุดคุยด้วย”
นี่เขาพูดอะไรแรงไปหรือเปล่า ทำไมชาลินีน้ำตาไหลออกมาแบบนั้น
“โอเค ผมขอโทษ... ถ้าทำให้คุณเสียใจ”
“ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ คุณไม่ได้ทำอะไรผิด”
เขาเลิกคิ้วดกดำสูงขึ้น มองหล่อนอย่างประหลาดใจ
“แล้วทำไมคุณน้ำตาไหลล่ะครับ”
คนถูกถามเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะยอมพูดความจริงออกมา
“ฉันก็แค่รู้สึกว่าตัวเองน่ารังเกียจน่ะค่ะ”
“ทำไมคิดแบบนั้นล่ะครับ คุณสวยออก ต้องมีผู้ชายหลายคนขายขนมจีบคุณแน่นอน แต่พี่พีร์โชคดีที่เป็นคนที่คุณเลือกเป็นคู่ชีวิต”
ไม่เว้นแม้แต่ผู้ชายที่เพิ่งเห็นหล่อนแค่เพียงสองสามครั้งเช่นเขา
คำพูดของธีรภัทรยิ่งทำให้หล่อนสะเทือนใจ
“พี่ชายของคุณ... อาจจะไม่ได้คิดแบบนั้นก็ได้นะคะ”
“อ้าว ทำไมล่ะครับ ผมว่า...”
“อย่าพูดถึงมันเลยค่ะ...”
หล่อนตัดบทด้วยความเศร้าหมอง
“ก็ได้ครับ ผมจะไม่ถามอีก งั้นเราเข้าบ้านกันเถอะ”
“เดี๋ยวก่อนค่ะ”
หล่อนรั้งเขาเอาไว้อีกครั้งด้วยการแตะที่ท่อนแขนกำยำ ก่อนจะปล่อยเมื่อเขาหันกลับมา
“เรียกฉันว่าน้ำได้ไหมคะ อย่าเรียกว่าพี่สะใภ้เลย ถือว่าฉันขอร้องล่ะค่ะ”
ธีรภัทรอยากจะถามออกไปว่าทำไม แต่ก็ยั้งปากเอาไว้ได้ทันที
ดูท่าทางผู้หญิงตรงหน้าน่าจะกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ เขาไม่ควรกดดันหล่อน
“ก็ได้ครับ... คุณน้ำ...”
หล่อนยิ้มกว้าง ยิ้มหวานด้วยความดีใจ และรอยยิ้มนั้นก็ทำให้เขาตะลึงไปหลายวินาทีเลยทีเดียว
ทำไมเจ้าก้อนเนื้อในอกข้างซ้ายถึงต้องเต้นแรงแบบนี้ด้วย ทำไมจะต้องรู้สึกอยากให้ผู้หญิงตรงหน้าไม่ได้อยู่ในฐานะพี่สะใภ้
มันบ้า! เขาบ้าไปแล้ว!
“เอ่อ... ผมว่าเราเข้าไปในบ้านกันเถอะครับ คุณน้ำจะได้พักผ่อนด้วย”
“ขอบคุณนะคะคุณธีร์”
“ด้วยความยินดีครับ”
แล้วชายหนุ่มก็ตัดสินใจหมุนตัวหันหลังให้กับหญิงสาว และเดินนำเข้าตรงเข้าไปภายในไร่สตอเบอรี่กว้างใหญ่ เพื่อไปยังบ้านพักที่อยู่ห่างออกไปไม่ถึงร้อยเมตรทันที
ชาลินีมองตามแผ่นหลังของธีรภัทรไปด้วยความหวัง อย่างน้อยๆ ตอนอยู่ที่นี่ หล่อนก็คงจะมีความสุขมากกว่าการอยู่ใกล้กับคนใจร้ายอย่างพีรวัตรแน่นอน
“ขอบคุณนะคะ คุณธีร์...”
หล่อนพูดเบาๆ ก่อนจะรีบก้าวเดินตามร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มไปติดๆ
บ้านไม้สองชั้นอยู่ตรงหน้า มองในระยะไกลดูหลังไม่ใหญ่นัก แต่เมื่อมาหยุดมองดูใกล้ๆ บ้านไม้หลังนี้ใหญ่โตไม่น้อยเลยทีเดียว
หล่อนหมุนตัวมองไปรอบๆ มองด้วยความชื่นชม ชายหนุ่มตกแต่งบ้านได้น่าอยู่มากเลยทีเดียว เสมือนยืนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติไม่มีผิด
ธีรภัทรอมยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของแขกสาวมีความพึงพอใจเคลือบทับอยู่
“ผมหวังว่าคุณน้ำจะพออยู่ได้นะครับ”
หญิงสาวรีบละสายตาจากรอบๆ ตัวมามองเขา ผู้ชายที่ยิ่งมองก็ยิ่งหล่ออย่างธีรภัทร วูบหนึ่งก็อดหวั่นไหวไม่ได้ แต่ก็จำต้องซ่อนความรู้สึกแปลกประหลาดนั้นเอาไว้ในอก
หล่อนระบายยิ้มบางๆ ออกมา “อยู่ได้สิคะ ชอบมากด้วยล่ะค่ะ”
ธีรภัทรยิ้มเขินๆ “ชอบบ้านของผมใช่ไหมครับ”
“ก็ใช่น่ะสิคะ คุณธีร์คิดว่าน้ำจะชอบอะไรเหรอคะ” หญิงสาวยิ้มกว้างมากขึ้น จนเห็นลักยิ้มเล็กๆ ที่สองมุมปาก ชายหนุ่มรีบเสหลบสายตา
“เปล่าหรอกครับ”
ชายหนุ่มปฏิเสธ และรีบเดินเข้าไปหาแม่บ้านที่ยืนยิ้มรออยู่ หญิงสาวเดินตามไป
“ป้าพิณครับ นี่คุณน้ำ... เธอจะมาพักที่ไร่ชั่วคราวครับ”
เขาเอ่ยขึ้นเสียงสุภาพกับหญิงวัยกลางคนหน้าตาใจดี ก่อนจะหันมาหาหล่อน
“คุณน้ำครับ นี่ป้าพิณครับ”
“สวัสดีค่ะป้าพิณ น้ำขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ” หญิงสาวรีบยกมือไหว้
ป้าพิณแทบยกมือรับไหว้ไม่ทัน “สวัสดีค่ะ ไม่ต้องไหว้ป้าหรอกค่ะ”
“ต้องไหว้สิคะ ป้าพิณเป็นผู้ใหญ่กว่าน้ำอีก”
“แหม... คุณน้ำน่ารักจังนะคะ” ป้าพิณเอ่ยชม ก่อนจะจ้องหน้าธีรภัทร
“คุณธีร์นี่ตาถึงนะคะ”
“ผมเหรอครับ”
ชายหนุ่มเบิกตากว้าง ก่อนจะหันไปสบตากับชาลินี และรีบปฏิเสธทันที
“ไม่ใช่อย่างที่ป้าพิณคิดนะครับ”
“แหม ไม่ต้องเขินหรอกค่ะ” ป้าพิณยังคงแซ็วไม่หยุด
“จริงๆ นะครับป้า ผมกับคุณน้ำ... ไม่ใช่อย่างที่ป้าพิณคิดนะครับ”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ค่ะ แหม... แซ็วแค่นี้ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะคะ”
ชายหนุ่มทำตัวไม่ถูก ไม่รู้จะวางหน้ายังไง จึงรีบตัดบทเอ่ยขอตัว
“เดี๋ยวคุณน้ำไปห้องพักกับป้าพิณนะครับ”
“อ้าว แล้วคุณธีร์จะไปไหนล่ะคะ”
หญิงสาวอดรู้สึกใจหายไม่ได้ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเหมือนกัน
“ผมจะออกไปดูคนงานในไร่หน่อยน่ะครับ” ธีรภัทรระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปหาป้าพิณ “ผมรบกวนป้าพิณดูแลคุณน้ำด้วยนะครับ”
“ด้วยความยินดีค่ะคุณธีร์”
ธีรภัทรกล่าวขอบคุณป้าพิณ ก่อนจะหันมาหาหญิงสาวอีกครั้ง
“งั้นผมไปก่อนนะครับ เดี๋ยวเจอกันตอนค่ำๆ”
“ค่ะ คุณธีร์”
หล่อนเอียงคอมองตามร่างสูงใหญ่บึกบึนของธีรภัทรไปจนลับตา
“คุณธีร์เป็นคนขยันน่ะค่ะ ผู้หญิงคนไหนได้เป็นสามีคงสบายไปทั้งชาติ”
ป้าพิณอดที่จะชื่นชมเจ้านายของตัวเองอย่างออกหน้าออกตาไม่ได้
“คุณธีร์ยังไม่มีแฟนเหรอคะ”
หญิงสาวเต็มไปด้วยความแปลกใจ เพราะชายหนุ่มทั้งหล่อ ทั้งสุภาพ นี่แหละสเป็คของผู้หญิงทั้งหลายล่ะ
ป้าพิณส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะเดินนำหญิงสาวขึ้นบันไดไปช้าๆ
“โอ๊ย... ยังไม่มีหรอกค่ะ วันๆ ทำแต่งาน แถมพอมีสาวมาหาก็เอาแต่หนีหัวซุกหัวซุน”
“หนีเลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ สาวๆ ในเมืองนี้แอบชอบคุณธีร์หลายคนค่ะ มาอ่อยในไร่เป็นสิบ แต่คุณธีร์ก็หนีตลอด”
ชาลินีได้ฟังก็อดแปลกใจไม่ได้ “คุณธีร์ของป้าพิณอาจจะมีคนที่แอบรักอยู่แล้วก็ได้นะคะ ก็เลยไม่ชอบผู้หญิงที่มาตามตื้อ”
“โอ๊ย... คุณน้ำขา... คุณธีร์เธอจะไปแอบชอบผู้หญิงที่ไหนคะ วันๆ อยู่แต่กับไร่สตอเบอรี่ นี่ถ้าไม่ได้เห็นมาแต่เล็กแต่น้อย ป้าคงอดคิดไม่ได้ว่าคุณธีร์อาจจะเป็นอีแอบ”
“อีแอบ...?”
“ก็พวกแต๋ว พวกเกย์อะไรอย่างนี้น่ะค่ะ ชอบไม้ป่าเดียวกันน่ะ”
ชาลินีตกใจ เบิกตากว้าง “คุณธีร์เป็นอย่างนั้นจริงๆ เหรอคะ”
“ไม่น่าจะใช่ แต่แปลกไม่รู้ทำไม ไม่มองผู้หญิงเลย”
ป้าพิณยังคงมึนงง ก่อนจะหันมามองหน้าชาลินี
“นี่รู้ไหมคะว่าคุณน้ำเป็นผู้หญิงคนแรกที่คุณธีร์พาเข้ามาในไร่ด้วยตัวเอง”
“จริงเหรอคะ”
“จริงที่สุดเลยค่ะ”
ชาลินีได้ฟังก็ยิ่งแปลกใจ “เอ่อ แล้วที่ไร่นี้คุณธีร์อยู่คนเดียวเหรอคะ”
“เมื่อก่อนน่ะมีคุณท่านอยู่ด้วยค่ะ พ่อของคุณธีร์... แต่ว่าตอนนี้ท่านย้ายไปอยู่ในเมืองแล้วค่ะ ใกล้โรงพยาบาล ใกล้หมอหน่อย”
“อ๋อ... แล้วแบบนี้ใครดูแลท่านล่ะคะ”
หล่อนถามขณะเดินตามป้าพิณมาหยุดที่หน้าห้องหนึ่ง
ป้าพิณดันประตูเข้าไปภายใน และก็ตอบคำถามของหล่อนพร้อมๆ กัน
“มีแม่เลี้ยงของคุณธีร์คอยดูแลน่ะค่ะ”
ชาลินีพยักหน้ารับน้อยๆ ขณะหมุนตัวมองไปรอบๆ ห้องกว้าง
“พออยู่ได้ไหมคะคุณน้ำ”
“ยิ่งกว่าอยู่ได้อีกค่ะ ร่มรื่น และทำให้สดชื่นจังเลยค่ะ”
ป้าพิณอมยิ้ม “คุณธีร์เป็นคนชอบอะไรที่เป็นธรรมชาติน่ะค่ะ ก็เลยแต่งห้องหับด้วยสไตล์เป็นธรรมชาติแบบนี้ สีสันก็ออกไปทางเขียวๆ หน่อย”
“ดีงามค่ะ บรรยากาศแบบนี้หาที่กรุงเทพฯ ไม่มีเลยค่ะป้าพิณ”
“คุณธีร์คงดีใจที่คุณน้ำชอบ”
หญิงสาวระบายยิ้มกว้าง และก็อดมองไปรอบๆ ตัวอีกครั้งและอีกครั้งไม่ได้
ลมเย็นๆ ที่พัดเอาความหนาวมาจากเทือกเขาไกลลิบทำให้สดชื่นเหลือเกิน
“ถ้าน้ำได้อยู่ที่นี่ตลอดไปก็คงดีนะคะ”
“ก็อยู่สิคะ คุณธีร์คงดีใจ”
คำพูดของป้าพิณทำให้ชาลินีน้ำตาซึม “น้ำก็คงอยู่ได้แค่สักพักน่ะค่ะ พออะไรๆ ที่กรุงเทพฯ คลี่คลายแล้ว น้ำก็คงต้องกลับไป...”
น้ำเสียงเศร้าหมองของคู่สนทนาทำให้ป้าพิณแปลกใจ แต่ก็ไม่ได้เสียมารยาทถามออกไป
“งั้นคุณน้ำพักผ่อนนะคะ เดินทางมาเหนื่อยๆ ป้าขอตัวออกไปดูแลความเรียบร้อยของบ้านก่อนค่ะ”
ชาลินีที่มองออกไปนอกหน้าต่างรีบหมุนตัวกลับมา และยกมือไหว้หญิงวัยกลางคนตรงหน้า
“ขอบคุณมากนะคะป้าพิณ”
“ด้วยความยินดีค่ะ”
ป้าพิณระบายยิ้ม
“งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ”
หล่อนยิ้มให้กับหญิงวัยกลางคน ก่อนที่ร่างท้วมนั้นจะหายไปจากบานประตู
ชาลินีถอนใจแผ่วเบา ขณะเดินไปทรุดตัวนั่งบนเตียงนุ่มขนาดกำลังดี
“หวังว่าอากาศดีๆ ของที่นี่จะทำให้เราลืมเรื่องน่าอับอายที่ทำเอาไว้ที่กรุงเทพฯ ลงได้นะ”
หล่อนระบายยิ้มเศร้าหมอง และก็อดที่จะหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดดูไม่ได้ ไม่มีวี่แววว่าพีรวัตรจะโทรมาตามหาหล่อน
น้ำตาร่วงลงมาอาบแก้ม ก่อนจะรีบป้ายทิ้งและพยายามเข้มแข็ง
“พี่พีร์คงมีคนที่รักอยู่แล้วจริงๆ”
หล่อนสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ เกลียดตัวเองที่เข้มแข็งกว่านี้อีกไม่ได้
“แล้วแบบนี้ มาขอน้ำแต่งงานทำไม”
หล่อนเจ็บปวดทรมานไปทั้งหัวใจ น้ำตาไหลไม่ยอมหยุด