เช้าวันต่อมา... หลังจากไปจดทะเบียนสมรสกันเงียบๆ ที่สำนักงานเขตฯ เรียบร้อยแล้ว ภัทรดนัยก็ตั้งใจจะไปส่งก้านแก้วที่บ้าน
“เหมือนทางกลับบ้านเลยนะคะ”
“ใช่ ฉันกำลังจะไปส่งเธอที่บ้าน”
คำตอบของเขาทำให้ก้านแก้วถึงกับต้องส่ายหน้าร้องคัดค้าน
“อ้าว ไหงจะไปส่งฉันที่บ้านล่ะคะ”
“ก็ถ้าเธอไม่ไปบ้าน แล้วเธอจะไปไหน หรือว่าจะไปห้างสรรพสินค้า”
“ไม่ใช่ค่ะ ฉันจะไปทำงานกับคุณด้วยไง”
คนที่ขับรถอยู่หันขวับมามองหล่อนชั่วขณะ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ไม่ใช่วันนี้”
“อ้าว ทำไมล่ะคะ ฉันอยากทำงานนี่ อยากได้เงินเดือนด้วย”
หล่อนได้ยินเสียงเขาถอนใจออกมา ก่อนที่จะพูดตัดบท
“เธอได้ทำงานแน่ แต่ไม่ใช่วันนี้ ฉันต้องไปคุยกับฝ่ายบุคคลก่อน”
“งั้นก็ให้ฉันเข้าไปเดินสำรวจดูก่อนได้ไหมคะ” หล่อนพูดด้วยน้ำเสียงสดใส แววตาเต็มไปด้วยความซุกซนอยากรู้อยากเห็น
“เธอมีอภิสิทธิ์อะไรล่ะถึงจะเข้าไปเดินดูงานในบริษัทของฉันน่ะ ลืมไปแล้วหรือไงว่าเราต้องปกปิดความสัมพันธ์ระหว่างกันเอาไว้จากทุกคนที่บริษัท”
“ฉันรู้แล้วล่ะค่ะ แต่แค่ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ มันเหงา” หล่อนตอบเสียงอ่อย สีหน้าเจื่อนลง
“ถ้าเหงาก็หาอะไรทำไปก่อน เดี๋ยววันนี้ฉันเข้าไปที่บริษัทจะรีบดูตำแหน่งว่างให้กับเธอเลย”
แม้จะไม่อยากยอมทำตามในสิ่งที่ภัทรดนัยต้องการ แต่หล่อนมีทางเลือกที่ไหนกันล่ะ ในเมื่อรถยนต์หรูของเขาแล่นผ่านรั้วบ้านเข้ามาแล้ว
“คุณสัญญาแล้วนะว่าจะรีบดูตำแหน่งว่างให้ฉันน่ะ”
“อืม”
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนฉีกยิ้มออกมาอย่างดีใจ มันคือรอยยิ้มสดใส ในแบบที่ภัทรดนัยไม่เคยเห็นจากใครมาก่อน
เขามองแบบอึ้งๆ อยู่สักพัก ก่อนจะตัดบทด้วยการไล่หล่อนลงจากรถ
“ลงไปได้แล้ว ฉันจะรีบไปทำงาน”
“อ๋อ ค่ะ ไว้เจอกันตอนเย็นนะคะ” หล่อนยิ้มให้กับอีกครั้ง ก่อนจะลงไปจากรถ
ก้านแก้วยืนมองจนท้ายรถคันงามของภัทรดนัยหายไปจากสายตา จึงหมุนตัวและเดินเข้ามาภายในตัวตึกใหญ่
“หนูแก้ว เป็นไงบ้างลูก”
คุณนายสายสมรทักทายหล่อนด้วยน้ำเสียงเป็นมิตรเช่นเคย
“คุณแม่...”
หล่อนรีบเดินเข้าไปหา พร้อมกับหย่อนตัวลงนั่งบนโซฟาตัวข้างๆ กับท่าน
“ไหนให้แม่ดูทะเบียนสมรสหน่อยสิ”
“นี่ค่ะคุณแม่”
หล่อนรีบยื่นทะเบียนสมรสทั้งสองแผ่นให้กับคุณนายสายสมร
“ตอนนี้หนูแก้วก็เป็นลูกสะใภ้ของฉันทั้งทางนิตินัยและพฤตินัยแล้วสินะ”
“เอ่อ...”
ก้านแก้วอึกอัก ก่อนจะแย้งออกไปเสียงอ่อยเบาๆ
“หนูกับคุณภัทร... เอ่อ... เรายังไม่ได้... เอ่อ... แบบนั้น... กันน่ะค่ะ...”
“โอ๊ย เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ยังไงพ่อภัทรก็ไม่ใช่พระอิฐพระปูนหรอก นี่เอาจริงๆ นะ ฉันคาดหวังว่าหนูกับพ่อภัทรจะครองคู่กันจนแก่เฒ่าเลยล่ะ”
มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นได้หรอก เพราะภัทรดนัยมองหล่อนเป็นเด็กกะโปโลอยู่เลย
ก้านแก้วคัดค้านในใจ
“เอ่อ... คุณแม่คะ คือพรุ่งนี้แก้วจะไปทำงานกับคุณภัทรที่บริษัทนะคะ”
“อ๋อ ได้สิ ไปเลย... หนูแก้วจะได้เรียนรู้งานเอาไว้ด้วย จะได้ช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อภัทรด้วย ดีๆ แม่สนับสนุน”
ก้านแก้วฉีกยิ้ม แต่ภายในใจไม่ได้ยิ้มด้วยเลยสักนิด
นี่ถ้าคุณนายสายสมรรู้ว่า ภัทรดนัยไม่ต้องการให้คนในบริษัทรู้ว่าเขากับหล่อนแต่งงานกัน ท่านจะว่ายังไงบ้างนะ
“ค่ะคุณแม่”
“เอ่อ แล้ววันนี้หนูแก้วอยากออกไปไหนไหมจ๊ะ แม่จะพาไป”
“แก้ว... ยังไม่รู้เลยค่ะ”
“งั้นเอาอย่างนี้นะ เราไปช็อปปิ้งกันดีกว่า พรุ่งนี้หนูแก้วจะไปทำงานนี่ ไปซื้อชุดทำงานกัน”
สิ่งที่คุณนายสายสมรพูดนั้นคือความคิดที่ดีมากเลยทีเดียว
“ได้ค่ะคุณแม่ งั้นแก้วขอเอาทะเบียนสมรสไปเก็บบนห้องก่อนนะคะ เดี๋ยวแก้วลงมาค่ะ”
“จ้ะ งั้นแม่นั่งรออยู่ที่นี่แหละ”
“ค่ะคุณแม่”
ก้านแก้วลุกขึ้นจากโซฟา และเดินขึ้นบันไดไป ระหว่างทางก็อดมองใบทะเบียนสมรสในมือไม่ได้
ในกระดาษใบนี้เขียนเอาไว้ว่า หล่อนกับภัทรดนัยเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว แต่ทำไมนะ หล่อนถึงรู้สึกว่ามันไม่ใช่เลย
เฮ้ออออ...
หญิงสาวก้าวเข้ามาภายในห้องนอน เปิดลิ้นชักหัวเตียง และวางใบทะเบียนสมรสทั้งสองใบเข้าไปในนั้นก่อนจะดึงลิ้นชักปิด
ได้แต่งงานกับผู้ชายในฝัน แต่ทำไมนะ กลับรู้สึกเหมือนกำลังดำดิ่งลงสู่เหวมืดดำไม่มีผิดเลยนะ
ก้านแก้วกับคุณนายสายสมรเดินซื้อเสื้อผ้ากันอย่างสนุกสนาน จนสองแขนของก้านแก้วเต็มไปด้วยถุงช็อปปิ้ง
“คุณแม่คะ เดี๋ยวขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ คุณแม่ดูเสื้อผ้ารอที่นี่นะคะ”
“ได้สิ แต่หนูแก้ววางถุงไว้ตรงนี้แหละ เดี๋ยวแม่เฝ้าถุงให้”
“ได้ค่ะ งั้นเดี๋ยวแก้วมานะคะ”
ก้านแก้ววางถุงกระดาษที่หอบอยู่ลงกับพื้นใกล้ๆ กับที่คุณนายสายสมรยืนอยู่ ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังห้องน้ำ
คงเพราะความรีบร้อน ทำให้หล่อนไม่ทันได้ระวัง เดินชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่งเข้า
“อ๊ะ... ขอโทษค่ะ คุณเป็นอะไรมากไหมคะ”
หล่อนรีบเอ่ยขอโทษตามมารยาททันที แม้จะไม่ได้ชนกันแรงก็ตาม
“เด็กบ้านี่ เดินประสาอะไรเนี่ย จะรีบไปตามควายที่ไหนกันยะ”
ก้านแก้วที่กำลังสำนึกผิดเพราะเดินชน ตอนนี้เริ่มอารมณ์คุกรุ่น
“ในเมืองแบบนี้ไม่น่ามีควายให้ตามนะคะพี่สาว หรือถ้าจะมีควายจริงๆ ก็อาจจะเป็นพี่สาวหรือเปล่า อุ้ยยย หยอกๆ นะคะ อย่าหน้าบูดสิคะ”
“อีเด็กประสาท นี่แกว่าฉันเป็นควายเหรอ”
“อย่าโกรธสิคะ เดี๋ยวโบท็อกที่ฉีดเอาไว้เสื่อมหมดพอดี หยอกเล่นน่ะค่ะ ขอตัวนะคะ”
ก้านแก้วไม่อยากมีปัญหามากไปกว่านี้จึงเลือกที่จะเดินหนี แต่แขนถูกคว้าเอาไว้เสียก่อน
“ด่าฉันเป็นควายแล้วจะเดินหนีไปง่ายๆ แบบนี้เหรอนังเด็กบ้า”
“ปล่อยแขนฉันนะพี่สาวคนสวย”
“ฉันไม่ปล่อยแกหรอก จะตบแกให้คว่ำด้วย”
ก้านแก้วได้ยินแบบนั้นก็ยกมือขึ้นตั้งการ์ดเป็นหมัดทันที
“ถ้าตบ ฉันต่อยนะพี่สาวคนสวย”
“นี่แกกล้าเหรอ อีเด็กบ้า”