“แกเป็นห่วงฉันเหรอเฟรนเชสโก้!” ดันเต้หันมาประชันหน้า ส่งสายตาถากถาง มือกำด้ามปืนแน่นกว่าครั้งไหน
อีกฝ่ายยังคงสีหน้าเรียบนิ่งพร้อมรอยยิ้มจาง ๆ
นึกว่าหมาป่าคลั่งน่าจะทรุดโทรมกว่านี้แต่กลับแข็งแรงจนไล่ยิงคนได้ รวมถึงคำพูดแฝงนัยยะกับภาษากายที่เปลี่ยนไปคืออะไรกัน
มันประหลาดเกินไปจริง ๆ
“ผมแจ้งข่าวให้สมาชิกได้รับทราบแล้วนะครับว่าดอน…”
“ยังไม่ตายห่าสินะ!” ดันเต้แย่งพูดจนคนฟังไม่กล้าสบตาเลยทีเดียว
“ทะ ทุกคนเป็นห่วงดอนนะครับ พะ พวกเขารอกลับมาของดอนนะครับ” พวกปากหวานก้นเปรี้ยวแถไปเรื่อย
ชาติก่อนฟรานเชสโก้ลวงดันเต้ให้ไปติดกับในฟลอเรนซ์ นอกจากนี้เป็นยุยงให้คู่ค้าพากันเแข็งข้อจนสายพานการผลิตไวท์หยุดชะงัก แต่ที่อภัยให้ไม่ได้คือการอยู่เบื้องหลังการโค่นอำนาจของแก๊งเดอ ลูก้า
แล้วงี้ควรเด็ดหัวเลยหรือปล่อยไว้สืบความต่อ
“ที่ผ่านมาหนอนบ่อนไส้มีจุดจบยังไง…แกเคยเห็นใช่มั้ย” หมาป่าคลั่งแยกเขี้ยวและจ่อปืนใต้คางคนทรยศ เหล่าบอดีการ์ดทำอะไรไม่ถูกเลยได้แต่มองหน้ากัน
“เอกสารของมารีญา ปากาโร่พร้อมแล้วครับ เครื่องบินส่วนตัวจะเดินทางในอีกหนึ่งชั่วโมง ถ้าดอนไม่รีบ ผมเกรงว่าไม่ทันการครับ” โชคเข้าข้างที่เสียงไซเรนรถตำรวจมาช่วยไว้ได้ทัน
ไม่งั้นดันเต้เอาตายแน่
เมื่อหตุการณ์สงบมิรินถูกพาออกจากห้องเก็บของไปขึ้นรถยนต์ทันที พอทิ้งตัวนั่งเบาะข้างคนขับก็โดนยิงคำถามเข้าใส่
“สำนักงานพวกเงินกู้นอกระบบไปทางไหนครับ”
“เอ่อ…จะ จะไปทำไมเหรอคะ”
“ถ้าคุณผู้หญิงทราบรบกวนนำทางด้วยนะครับ”
“เอ่อ…อ๋อ ไปอีกสองซอยถัดไปค่ะ แล้วจะไปทำไมเหรอคะ”
ปึ๊ง!
เสียงเหมือนมีอะไรกระแทกแบบไม่พอใจนักจากเบาะหลัง คนขับรถสะดุ้งโหยงแล้วออกรถทันที
มิรินลอบมองมาเฟียหนุ่มในท่านั่งไขว้ห้างก้มหน้าจุดซิกก้า เธอคลี่ยิ้มน้อย ๆ ในความสลัวเพราะสิ่งที่เห็นเท่สุด ๆ อย่างกับหลุดมาจากหนังมาเฟีย
รอยยิ้มโง่ ๆ ไม่อาจเล็ดลอดสายตาหมาป่าไปได้
ไม่นานนักก็เดินทางมาถึงศูนย์รับจำนำรถยนต์แห่งหนึ่ง
“ที่นี่นะครับ” คนขับรถให้สัญญาณยืนยันเหล่าบอดีการ์ดก็กรูกันมาเตรียมการบางอย่าง
“มา…ทำไมเหรอคะ กรี๊ด!”
ดันเต้ลงจากรถแล้วยิงระเบิดใส่รถยนต์ที่จอดเรียงรายนับสิบคัน ลานจอดกลายเป็นทะเลเพลิงในพริบตา ทุกอย่างเกิดขึ้นแล้วจบลงในเวลาอันสั้น
“เมื่อกี้…น่ากลัวจังเลยค่ะแล้วจะมีใครเป็นอะไรมั้ยคะ” มิรินยังใจเต้นแรงไม่หายต่างกับอีกคนที่ดูเฉยชาเหมือนเป็นเรื่องปกติ
“ยิงใส่รถอย่างเดียวเพื่อไม่ให้เกิดความสูญเสียครับ” ฟังดูไม่ช่วยให้โล่งใจสักนิด
“เอ่อ…จากนี้เราจะไหนกันเหรอคะ”
“สนามบินขึ้นเครื่องไปโรมครับ”
“อะไรนะ ระ โรม ประเทศอิตาลีเหรอคะ แต่…รินไม่มีพาสปอร์ตนะคะ”
“จัดการให้เรียบร้อยแล้วครับ เอกสารส่วนตัวของคุณผู้หญิงอยู่นี้ครับ” ในซองเอกสารมีหนังสือเดินทาง บัตรประชาชนเและเอกสารอื่น ๆ โดยใช้ชื่อมารีญา ปากาโน่
“อย่าบอกนะว่า…รินกลายเป็นคนอิตาเลี่ยนแล้ว” มิรินขยี้ตาและหยิกแขนซ้ำ ๆ ให้มั่นใจว่าไม่ได้ฝันไปแต่คงลืมไปว่าที่นี่คือโลกนิยาย
“ถูกต้องครับ”
“พวกคุณทำเรื่องแบบนี้ได้ด้วยเหรอคะ”
“ดอนทำได้ทุกอย่างครับ”
“อ๋อ อย่างงั้นเหรอคะ” เธอเลิกคิ้วพยักหน้าหงึก ๆ แค่อย่างเดียวที่ดันเต้ทำไม่ได้คือเป็นคนดี
“ภาษอิตาเลี่ยนของคุณผู้หญิงดีมากเลยครับ ไม่ทราบว่าเคย…”
“เห้ย!!!”
แค่เสียงเตือนเท่านั้นเอง
คนขับรถขออภัยเจ้านายหนุ่มแล้วปิดปากเงียบไปตลอดทางจนถึงสนามบิน เครื่องบินส่วนตัวพร้อมออกเดินทางแล้ว ฟรานเชสโก้มารอส่งขึ้นเครื่องตามมารยาท ดันเต้ส่งสายตาอาฆาตแค้น รวบคอเสื้อเข้ามาพูดบางอย่างกับเขาแล้วผลักให้พ้นทาง
มิรินวิ่งตามมาก็รู้ว่าชายคนนี้มีบทบาทอย่างไรในเรื่อง
“เดินทางโดยสวัสดิภาพนะครับดอน ไอ้หมาบ้าเดนตาย ไอ้ชั่ว ไอ้ซาตาน หน๊อย!” ฟรานเชสโก้กระทืบเท้าซ้ำ ๆ ระบายอารมณ์หลังโดนเหยียดหยามแรง
‘จะส่งกูไปหาพ่อมึงในนรกเหรอ ฝันไปเถอะ’
ภารกิจล่าหมาป่าอาจยากกว่าเดิม
การที่องค์กรมาเฟียจะให้อะไรกับใครต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสำคัญเสมอ ฉะนั้นต้องรู้ให้ได้ว่าหญิงปริศนาคนนั้นมีความสำคัญขนาดไหน ดันเต้ถึงหิ้วมาด้วยทั้งที่ควรจะยิงทิ้งเสีย
“มันรู้แผนของเราครับท่านอาจารย์ แต่รู้ได้ไงผมไม่ทราบจริง ๆ” เขารายงานสถานการณ์กับหัวเรือใหญ่ทันที