เขายักไหล่ ราวกับต้องการกวนอารมณ์อีกฝ่าย เวลาเรอาโมโห มันน่าสนุก ยิ่งเห็นแก้มที่กำลังแดงขึ้น ยิ่งอยากเข้าไปหยิกเล่นเสียจริง
“อะไรกัน เธอโมโหงั้นเหรอ”
“นายกล้าดียังไง เอาฉันไปเปรียบเทียบ กับพวกนั้น!”
“หรือเธอไม่เหมือน!”
“ฉันไม่เหมือนเลยสักนิด” คนพูดเชิดหน้าขึ้น “คนอย่างฉัน ต่อให้ตาย ก็ไม่เคยคิดลดคุณค่าตัวเอง!”
“งั้นก็หยิ่งให้ได้ตลอดก็แล้วกัน” เขาทิ้งท้าย แล้วออกจากห้องไป
โซฟียากัดริมฝีปากแน่น ต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้ ไม่ใช่ว่าอยากแต่งาน แต่ไม่ต้องการถูกผู้ชายอย่างนีเอลดูถูก ให้ตายเถอะ มันน่าโมโหจริง ๆ
เสียงประตูห้องเปิดออก ชายรูปร่างสูงกำยำก้าวเข้ามา หยุดยืนตรงหน้าก้มศีรษะ ดวงตาสองคนสบกัน เซร์คิโอเอนกายพิงพนักเก้าอี้ มือผสานด้านหน้า
“ได้เรื่องไหม”
“ครับ วิตาลีกำลังตามหาคุณหนูเรอากันอยู่ครับในตอนนี้”
คนฟังกระตุกยิ้มมุมปาก แววตาเยือกเย็น
“แล้วทางมันคูโซ่ล่ะ”
“เบทริคออกตามหาคุณหนูเรอาด้วยตัวเองครับ” อาเรลรายงาน
“คอยจับตาดูพวกมันต่อไป ฉันจะรอจนกว่าจะผ่านวันแต่ง ฉันไม่มีวันยอมให้สองตระกูลดองกันเด็ดขาด!” แววตาคนพูดหมายมาด
“คุณชายรู้จักกับคุณหนูเรอาตั้งแต่เด็กไม่ใช่เหรอครับ ทำไมไม่บอกเธอตามตรง” อาเรลถามสีหน้าสงสัย
คนฟังระบายลมหายใจ เมื่อก่อนเราสองตระกูลอาจสนิทสนม แต่พอบิดากับมารดาเสียไป จากอุบัติเหตุ ความเคลือบแคลงสงสัยต่อกันเกิดขึ้น เพราะสองตระกูลประกอบธุรกิจคล้ายกัน เลยทำให้คนอื่นคิดว่า ตระกูลวิตาลี อาจเป็นผู้ทำให้เกิดอุบัติเหตุในครั้งนั้น สองตระกูลค่อย ๆ เหินห่างกันไป ระหว่างเขากับเรอาเอง ก็เหมือนเส้นขนาน ทั้งที่แน่ใจว่า ทางวิตาลี ไม่มีทางทำร้ายบิดามารดาของเขาแน่นอน แต่พอทำเช่นนี้ มันเลยอดคิดไม่ได้
“นายไปทำงานต่อเถอะ”
“ครับ” เขาก้มศีรษะแล้วออกจากห้องไป
เซร์คิโอจ้องมองนาฬิกา เกือบเที่ยงแล้ว ป่านนี้คนในห้องเป็นเช่นไรบ้างหนอ ลุกยืนสาวเท้าเปิดประตูเข้าด้านใน ได้ยินเสียงโซ่ตรวน คนโดนล่ามลุกยืน จ้องเขม็งแววตาแข็งกร้าว เซร์คิโอมองเห็นอาหารที่วางอยู่ เขากอดอกจ้องมอง
“ไม่กินอะไรเลยเหรอ” เขาเอ่ยถาม แล้วยิ้มกว้าง
“จะขังฉันไปถึงเมื่อไหร่!”
“จนกว่าฉันจะพอใจ”
“แล้วเมื่อไหร่นายจะพอใจ ฉันเบื่อเต็มทนแล้ว ฉันอยากอาบน้ำ นายล่ามโซ่ฉันไว้แบบนี้ ฉันทำอะไรไม่ได้เลย!”
สีหน้าคนฟังครุ่นคิดครู่หนึ่ง “ได้ ฉันจะไม่ล่ามโซ่เธอ ถ้าเธอยอมให้ฉันเฝ้าเวลาเธออาบน้ำ”
“ทำไมนายต้องเฝ้าฉันด้วย!”
เขายิ้มเย็น “คนอย่างเธอไว้ใจได้ที่ไหนกัน เราไม่ใช่ไม่เคยเจอกันสักหน่อยคุณหนูเรอา”
“แต่เราสองคนก็ไม่ได้รู้ใจกันขนาดนั้นหรอก นายไม่รู้เรื่องของฉันทุกเรื่อง!” โซฟียาแย้ง
“ก็ใช่ แต่เรื่องอื่น ฉันคิดว่าพอรู้”
“ฉันไม่หนีนายไปไหนหรอก”
“ฉันไม่เชื่อ!” ดวงตาคมกริบวาววับ “เราสองคนต่างรู้นิสัยกันดีเรอา คนอย่างฉัน ถ้าไม่ก็คือไม่!”
ดวงตาเรียวสวยตวัดมอง คนคุมเกมกอดอก จ้องมองว่าอีกฝ่าย จะทำเช่นไร
“ก็ได้!”
“ถ้างั้นฉันจะให้แม่บ้านเอาเสื้อผ้ามาให้”
สองเท้าก้าวเดินไปยัง โทรศัพท์ตรงโต๊ะหัวเตียง เรอาเหลือบมอง คิดว่าเขาต้องมีกุญแจโซ่อยู่ที่ตัวแน่นอน มองหาอาวุธ ต้องหาอะไรสักอย่าง เพื่อจัดการกับนีเอลให้ได้ สายตาหยุดตรงแจกัน จังหวะชายหนุ่มยกหูโทรศัพท์เพื่อให้แม่บ้าน นำเสื้อผ้ามา โซฟียาเห็นช่องทางเลยคว้าแจกัน
เพล้ง!
เสียงแจกันกระทบพื้น จนแตกกระจาย หญิงสาวชะงักดวงตาเบิกกว้าง ยกมือปิดปากสีหน้าตื่นตระหนก เซร์คิโอยิ้มเย็น หันมาสบตา ถ้าไม่ได้ฝึกการต่อสู้มา คงไม่มีทางหลบทันแน่ โชคดีที่รู้ตัว ทำให้ไม่โดนทุบหัวแตกเสียก่อน เขาเอียงคอมองคนทำร้าย เห็นเธอก้าวถอยหลัง สีหน้าเผือดลง ร่างสูงใหญ่ก้าวเข้าใกล้อีกคนถอยหลัง
“อย่าเข้ามานะ!” หญิงสาวร้องลั่น
“คิดทำร้ายฉันเหรอเรอา”
“นายบังคับให้ฉันทำเองนะ!”
ดวงตาคมกริบวาววับ กระโจนเข้าหาคนตัวเล็ก แล้วรวบเอวบาง เหวี่ยงลงบนเตียง
“กรี๊ด!” เธอกรีดร้องเสียงหลงดิ้นรนสุดกำลัง
ทว่าเขากลับใช้ร่างกายทาบทับ ไม่ให้คนใต้ร่าง หนีไปไหนได้ กราบถูกขบแน่น เมื่อเธอยกมือทุบตีผลักดันไม่หยุดหย่อน เลยรวบข้อมือบางไว้เหนือศีรษะ โซฟียาหอบหายใจสะท้าน รู้สึกอึดอัดเมื่อร่างกายไม่อาจขยับได้ตามใจปรารถนา
“ปล่อยฉันนะนีเอล!” เธอส่งเสียงลั่น ใบหน้าแดงก่ำ
“ถ้าเมื่อกี้ ฉันหลบไปทัน คงหัวเบะไปแล้ว!”
“นายไม่ตายหรอกมั้ง แค่นี้!”
“ก็ใช่ ฉันคงไม่ตายหรอก” เขายิ้มกว้าง แล้วหุบยิ้ม สายตาจดจ้องไปยังใบหน้าสวย ใช้มือลูบไล้ คนโดนกระทำสีหน้าตระหนก ดวงตาไหววูบ
“นายจะทำอะไร!”
“คิดว่าทำอะไรล่ะ”
“ออกไปนะนีเอล อย่ามาคิดบ้า ๆ!”
“เธอคิดว่าฉันคิดอะไรล่ะเรอา”
เห็นรอยยิ้มเย้ยหยัน เหมือนตนเองได้รับชัยชนะ ทำเอาโซฟียาพูดไม่ออก ยิ่งตอนนี้ ยิ่งรู้สึกเหมือนร่ายกายกำลังบดเบียด จนแนบสนิท
“หยุดฉวยโอกาสกับฉันนะนีเอล!”
“อะไรกัน แค่นี้ว่าฉวยโอกาสงั้นเหรอเรอา ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเธอเลย เธอต่างหากที่คิดฆ่าฉัน ฉันที่เป็นถึงผู้นำตระกูลซาเน็ตติ!”
ริมฝีปากบางเม้มแน่น ชักสีหน้า