แต่ทันทีที่ร่างสูงใหญ่เลี้ยวเข้ามาในประตูบ้านพร้อมรอยยิ้มกว้างและข้าวของพะรุงพะรังทั้งสองมือ รอยยิ้มบนใบหน้าของทิชาก็เริ่มเจื่อนจางลงจนกระทั่งหายไปในที่สุด ดวงตาสดใสกลายเป็นเบิกกว้างอย่างตกใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้สวมแว่นแบบเมื่อก่อน และร่างสูงใหญ่ดูหนาขึ้น กำยำกล้ามแน่นขึ้น แต่เธอก็จำเขาได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม
น้องชายคนใหม่ของเธอคือเด็กมอปลายที่เอาเธอต่อหน้าผู้คนอย่างถึงอกถึงใจในผับคืนนั้นทั้งที่เจอกันไม่ถึงวัน !
“สวัสดีครับทุกคน นี่คงเป็นพี่สาวคนใหม่ของวินใช่ไหมครับ สวัสดีครับพี่สาว ผมวินครับ ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
เขากล่าวทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสพลางวางถุงของฝากบนโต๊ะอาหารแล้วยกมือไหว้ทั้งทิชาและแม่ของเธอ
“ทิชา ทักทายน้องสิ” ลาวรรณต้องกระซิบและเขย่าตัวลูกสาวเมื่อเห็นว่าเธอเอาแต่ก้มหน้าก้มตาอยู่เช่นนั้น
“เอ่อ สะ... สวัสดีค่ะน้อง”
“มาวินครับ เรียกสั้น ๆ ว่าวินก็ได้ครับพี่ทิชา”
เขาพูดพร้อมรอยยิ้มพลางมองอีกฝ่ายไม่หยุด
“อ้าว มองพี่เขาอยู่นั่นแหละเจ้าวิน ไม่มีมารยาทเลย”
“ป๊าก็ เกิดมาไม่เคยมีพี่สาวกับเขาสักทีวินก็ต้องมองสิ ดีใจที่ได้เป็นน้องเล็กนี่นา อีกอย่างพี่สาววินก็ดูหน้าคุ้น ๆ นะ”
ประโยคนั้นทำให้ทิชาใจหายวาบ ตวัดสายตามองเขาอย่างตระหนกตื่น
“อาจจะเคยเห็นเคยเจอกันก็ได้ค่ะน้องวิน เพราะทิชาเองก็เรียนที่วิทยาลัยฝั่งตรงข้ามกับโรงเรียนหนู” ลาวรรณเป็นผู้ตอบ
“หรือไม่ก็อาจจะเคยเห็นผ่าน ๆ กันในผับของป๊า แต่เมื่อก่อนเจ้าวินเขาสวมแว่นเหมือนลุงนี่แหละแต่เดี๋ยวนี้ใส่คอนแท็กเลนส์แล้วเลยจำไม่ได้” มานิตเสริมขึ้น
“นั่นสิครับ วินว่าวินเคยเจอ...”
“ไม่ค่ะ เราไม่เคยเจอกัน !” ทิชารีบปฏิเสธเสียงแข็งตัดบทก่อนที่มาวินจะได้พูดจบ รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาจางลงเล็กน้อยแต่ก็กลับกลายเป็นยิ้มกว้างอีกครั้งเพื่อปกปิดความรู้สึก
“อืม งั้นขอโทษละกันครับ วินคงจำผิดน่ะ งั้นมาทานข้าวกันดีกว่าครับ ทานแล้วเสร็จจะได้มาลองชิมไอติมโฮมเมดกัน อร่อยมากนะครับเจ้านี้ วินซื้อมาทั้งแบบถ้วยแล้วก็แบบแท่ง พี่ทิชาชอบดูดไอติมแท่งไหมครับ”
คำถามนั้นทำให้ทิชาหน้าร้อนฉ่าไปหมด
ไอ้เด็กบ้าเอ๊ย นี่กำลังจงใจทำสงครามประสาทกับเธออยู่ใช่ไหม
“พี่ทิชาชอบทานไอติมมากเลยค่ะน้องวิน ให้เงินไปโรงเรียนตอนเด็ก ๆ ไม่ซื้ออย่างอื่นกินเลยนอกจากไอติม”
คุณลาวรรณตอบไปซื่อ ๆ เพราะไม่รู้ความหมายลึกซึ้งระหว่างลูกสาวและชายหนุ่มตาใสผู้เป็นลูกเลี้ยงกำลังสื่ออยู่
“เหรอครับ พี่ชอบแบบไหนครับ แบบตักหรือว่าแบบดูด ให้วินเดานะชอบแบบอมแล้วดูดใช่ไหมล่า”
ทิชาได้แต่หน้าร้อนผ่าว กระอักกระอ่วนกับคำถามสองแง่สองง่ามนั่นเป็นบ้า
“เอ่อ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยชอบแล้วค่ะ”
“โตแล้วนี่เนอะ เอ้า อย่ามัวเสียเวลาเลย กินข้าวกันดีกว่านะ กินเสร็จค่อยกินไอติมกัน” คุณมานิตว่าก่อนทุกคนจะลงมือรับประทานอาหาร
ทุกคนกินไปคุยไปยกเว้นก็แต่ทิชาที่ค่อนข้างจะเงียบ หากไม่มีใครตั้งคำถามเธอก็ไม่พูด ส่วนมากจะเป็นมาวินที่เจื้อยแจ้วชวนคนนั้นคุยคนนี้คุย ทำให้บรรยากาศสนุกสนานครึกครื้นอบอุ่นเป็นกันเองจนบางครั้งเธอก็แอบยิ้มไปด้วย
เธอได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับตัวเขาว่าเปิดเทอมนี้เขาจะไปเข้าเรียนปีหนึ่งของมหาวิทยาลัยเดียวกับเธอ คณะเดียวกันแต่เป็นสาขาการตลาด เพื่อที่จะได้นำความรู้มาช่วยบริหารกิจการของคุณพ่อที่มีทั้งผับ ร้านอาหารกึ่งผับ คาเฟ รีสอร์ตติดทะเลอีกสองแห่งและกำลังมีโครงการจะทำรีสอร์ตบนภูเขาที่มีทะเลหมอกอีกหนึ่งแห่ง เรียกได้ว่าบ้านนี้มีฐานะดีกว่าบ้านเธอหลายขุมนัก
“เออ เดี๋ยววีคหน้าเราไปเที่ยวทะเลด้วยกันดีไหม ไปนอนรีสอร์ตของลุงที่สัตหีบ รับรองว่าหนูทิชาจะต้องชอบ” ลุงมานิตเอ่ยปากชวน ทิชารีบปฏิเสธทันที
“หนูอยากไปมากค่ะแต่คงไปไม่ได้เพราะหนูจะอยู่ได้แค่เสาร์อาทิตย์ ทางงานพิเศษที่หนูเคยไปทำเขาไลน์มาขอให้ไปช่วยงานอีกค่ะ” เธอแต่งเรื่องโกหกหาทางหนีเพราะกลัวจะเผยพิรุธออกมาหากได้อยู่กับมาวินบ่อย ๆ
“อ้าว ไหงเป็นงั้นล่ะ เห็นตอนแรกแม่เราบอกว่าจบงานที่ผ่านมาก็จะได้พักยาวนี่นา ลุงสั่งให้คนจัดห้องส่วนตัวที่บ้านนี้ไว้ให้แล้วด้วย”
“ตอนแรกทางพี่หัวหน้าก็บอกมาแบบนั้นแหละค่ะ แต่พอดีมีงานด่วนเขาเลยขอความช่วยเหลือมา”
“หนูต้องพักร่างกายบ้างนะทิชา ทั้งเรียนทั้งทำงานหนักมาก ไอ้ตอนเด็ก ๆ อยู่มันก็ไม่เป็นไรหรอก แต่มันจะไปแย่เอาตอนอายุเยอะขึ้น”
“หนูไม่เหนื่อยหรอกค่ะ แม่เลี้ยงหนูมาคนเดียวเหนื่อยกว่าเยอะ” เธอตอบพร้อมหันไปสบตาผู้เป็นแม่ที่ยิ้มตอบอย่างภูมิใจ
“หนูอยากแบ่งเบาภาระแม่บ้าง” ลุงมานิตยิ้มอย่างใจดี
“แต่เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้วนะ หน้าที่ดูแลหนูกับแม่ก็เป็นของลุงแล้ว ไม่ต้องลำบากแล้ว”
“ไม่ได้หรอกค่ะลุง หนูเกรงใจ”
“เอ่อ เอางี้สิครับ” มาวินสอดขึ้น ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว
“เห็นน้าลาวรรณบอกพี่ทิชาเก่งภาษาอังกฤษ วินเองอยากเรียนเพิ่มก่อนเข้ามหาลัยอยู่พอดี งั้นป๊าจ้างพี่ทิชาแทนครูคนอื่นดีกว่าจะได้สะดวก”
ลุงมานิตพยักหน้าหงึกหงักเห็นดีด้วย
“เออใช่ เห็นบอกเคยรับสอนพิเศษเด็ก ๆ ด้วยไม่ใช่เหรอ”
แต่ทิชาโบกไม้โบกมือพัลวัน
“อุ๊ย แค่สอนเด็กมอต้นค่ะ แกรมมาร์ง่าย ๆ ทิชาไม่สามารถ...”
“วินก็ไม่ได้อยากเรียนขั้นสูงอะไร แค่อยากทบทวนแกรมมาร์พื้นฐาน ตรงกับที่วินต้องการพอดีเลยครับ”
“โอเคตามนี้นะหนูทิชา สอนน้องนี่แหละไม่ต้องกลับไปยืนทำงานขาแข็งหรอก ลุงจะจ่ายให้หนูมากกว่าที่ทำงานนั่นหนึ่งเท่าตัวไปเลย ตกลงนะ ถือว่าลุงขอร้อง”
“เอ่อ... ค่ะ” ในที่สุดทิชาก็ต้องรับปากทั้งที่ลำบากใจอย่างที่สุด