“ถ้าเอยไม่รู้สึกอะไรพี่จะถอย พี่สัญญาว่าพี่จะยอมรับความจริง”
“พี่ลุค...ยอมรับความจริงได้เหรอคะ”
“พี่รับได้ทุกอย่างเอยก็รู้”
“...”
“เอย” ขวัญเอยน้ำตาคลอผมเลยรีบกุมมือเธอเอาไว้แล้วบีบเบา ๆ
ไม่อยากเห็นขวัญเอยเจ็บเลยว่ะ ไม่อยากเห็นเธอจมอยู่กับฝันร้ายอย่างที่ผ่านมาเลยแม้แต่นิดเดียว
“...เอยน่าสงสารมากใช่ไหมคะพี่ลุค”
“ไม่เลยเอย พี่ไม่ได้รู้สึกกับเอยเพราะพี่สงสาร ลืมเรื่องนั้นไปแล้วเริ่มต้นใหม่ได้ไหม”
“...” สายตาที่มองผมมีน้ำตาไหลออกมาช้า ๆ เจ็บว่ะ ทำไมเธอต้องเจ็บปวดเพราะเรื่องเลวระยำพวกนั้นด้วยวะ!
“เอย มันก็แค่ฝันร้าย”
“...มันไม่ใช่ฝันร้ายค่ะพี่ลุค” เสียงขวัญเอยพูดออกมาช้า ๆ แต่ฟังดูแข็งกระด้างอย่างที่เธอไม่ค่อยใช้น้ำเสียงนี้กับผมหรือกับใครทำให้ใจผมกระตุก
“พี่รู้ แต่พี่อยากให้เอยก้าวออกมา”
“เอยรู้ว่าต้องก้าวออกไปแต่เอยทำไม่ได้ ไม่มีใครอยากจมกับอดีตที่เลวร้ายแต่มันทำไม่ได้ค่ะพี่ลุค”
“...ครับ”
“ถ้าไอ้เลวคนนั้นมันตาย!”
“ไม่พูดนะเอย อย่าพูดเลยนะ” ผมไม่อยากให้ขวัญเอยเป็นแบบนั้นอีก ไม่อยากเห็นภาพที่เธออาละวาดคลุ้มคลั่งที่ผมได้เห็นคนเดียวอีกครั้งเพราะมันไม่เหมาะกับเธอเลย
ขวัญเอยของผมควรที่จะเป็นผู้หญิงที่มีความสุขและมีรอยยิ้มที่สดใสมากกว่าจมอยู่กับความทุกข์อย่างที่เป็นอยู่
“...ไม่มีใครอยากจำเรื่องที่ควรลืมที่สุดหรอกนะคะพี่ลุค ถึงที่ลุคไม่ให้เอยพูดถึงเรื่องนั้นแต่เอยก็ไม่มีทางลืม...ตลอดชีวิตของเอย”
“...” ผมมองเธอที่น้ำตาไหลออกมา สายตาของขวัญเอยมีแต่ความเจ็บปวดทำให้ผมทนมองไม่ไหว
หมับ!
“สักวันเอยจะมีความสุข พี่อยากทำให้เอยมีความสุขนะ”
“เอยน่ารังเกียจมากเลยนะคะพี่ลุครับได้เหรอ” เสียงที่มีแต่ความเจ็บปวดเอ่ยออกมายิ่งบีบหัวใจผม
“พี่ยังยืนยันคำเดิม ให้พี่ลองทำให้เอยมีความสุขได้ไหม” ผมกอดเธอให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้
“...”
“พี่ไม่เร่งก็ได้เอย ให้เอยค่อย ๆ ใช้เวลาคิดก็ได้ไม่ว่ายังไงพี่ก็รอ”
“...มีเวลาเหลือ ไปทะเลได้ไหมคะ” ขวัญเอยเงียบไปนิดหน่อยก่อนจะเอ่ยออกมาช้า ๆ ทำให้ผมที่กอดเธอไว้ผละออกเพราะกำลังงง
“ไปทะเล?”
“พาไปล้างใจหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้สิ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ แค่เอยบอกพี่พาไปได้ทุกที่นั่นล่ะ” ผมยิ้มให้เธอบาง ๆ ก่อนจะเช็ดน้ำตาให้แล้วขับรถพร้อมกับเปลี่ยนจุดหมายจากการไปส่งเธอที่หอพักเป็นพาไปทะเลด้วยความเต็มใจ
พาไปล้างใจหน่อยงั้นเหรอ ได้สิทำไมจะไม่ได้ จะให้พาไปที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นบนโลกนี้ถ้ามันทำให้เธอมีความสุขได้
-เวลาต่อมา-
กว่าจะมาถึงทะเลก็เย็นแล้ว ขวัญเอยอารมณ์ดีขึ้นในระหว่างที่ขับรถมายิ่งพอเห็นทะเลเด็กน้อยของผมก็ยิ้มกว้างจนผมที่เป็นคนมองยังเผลอลืมไปเลยว่าเธอเพิ่งร้องไห้เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อน
“พี่ว่าเราหาร้านอาหารริมทะเลนั่งกันไหม” ผมเดินตามหลังเธอที่เดินกึ่งวิ่งไปตามชายหาดแล้วเอาเท้าแตะน้ำทะเลเล่นอย่างกับเด็ก ๆ ซึ่งก็ไม่แปลกหรอกเพราะขวัญเอยของผมชอบทะเลมากมาตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว
“นั่งร้านอาหาร?” ขวัญเอยหมุนตัวมาถามผมระหว่างนี้ก็ไม่ได้หยุดเดินเพราะเธอกำลังเดินถอยหลังช้า ๆ โดยที่ผมกำลังเดินตาม
“อื้ม มาถึงทะเลจะไม่กินข้าวเย็นที่นี่หน่อยรึไงเรา”
“กินค่ะแต่ไม่อยากนั่งร้านอาหาร”
“เวลานี้ไม่มีเตียงผ้าใบบริการแล้วครับ” ผมยิ้มเอ็นดูให้เธอแต่ขวัญเอยกับย่นจมูกทำหน้าตาน่ารักใส่
...น่ารักว่ะ น่ารักจนไม่รู้จะรักยังไงแล้ว
“แล้วใครบอกว่าเอยจะนั่งเตียงผ้าใบคะคุณลุค”
“หึ ๆๆ แล้วคุณเอยจะนั่งอะไรครับ นั่งตักพี่ไหมล่ะ”
“ชิส์~ ใครจะนั่ง โน่นค่ะ เอยอยากนั่งแบบนั้น” ขวัญเอยทำหน้าตาน่ารักแล้วขยับมายืนข้างผมก่อนจะชี้ไปที่คู่รักคู่หนึ่งที่นั่งอยู่ริมหาดจากนั้นเธอก็หันมาเงยหน้ามองด้วยสายตาอ้อนเหมือนลูกแมว
“เรานั่งเสื่อแบบคู่นั้นได้ไหมคะ”
“...”
“น้า~ เอยอยากนั่งเสื่อริมหาด แล้วเราก็ไปเดินซื้ออาหารรถเข็นริมหาดมากินกัน นะคะ~”
“...” ผมไม่อยากกินข้าวกับขวัญเอยแล้วว่ะ อยากกินอย่างอื่นมากกว่า
“พี่ลุค พี่ลุคคะ”
“...ครับ”
“นั่งไม่ได้เหรอคะ” คงเพราะผมนิ่งไม่ตอบตกลงสักทีขวัญเอยเลยถามคำนี้ออกมาพร้อมสีหน้าหงอยลงไป
“หึ ๆๆ ได้สิทำไมจะไม่ได้ พี่เคยไม่ตามใจเราด้วยรึไงเด็กน้อย” ผมยิ้มตอบแล้วก็อดเอามือไปขยี้ผมเธอเบา ๆ ด้วยความเอ็นดูไม่ได้ แต่ถึงหยุดขยี้แล้วก็เอามือลูบผมของขวัญเอยให้เข้าทรงไม่งั้นเดี๋ยวเธองอนผม
“ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อาจจะมีแต่จำไม่ได้เพราะส่วนมากพี่ลุคจะตามใจเอยมากกว่า” ขวัญเอยยิ้มอ้อน เธอคงไม่รู้ว่าการได้เห็นเธอยิ้มมันทำให้ผมมีความสุขมากแค่ไหน
หลายปีที่ผ่านมาสิ่งที่หวังที่สุดไม่ใช่การให้เธอมองมาที่ผมหรือลืมไอ้แทนแต่เป็นการเห็นเธอยิ้มที่เรียกว่ายิ้มจากใจต่างหาก
ผมอยากเห็นขวัญเอยยิ้มมีความสุข สุขที่เรียกว่าสุขจริง ๆ เพราะตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่เคยยิ้มจริง ๆ อีกเลย ตั้งแต่วันที่เธอ...โดนไอ้สัตว์นรกข่มขืน
ไอ้สัตว์นรกที่ชื่อ...