EP.4
ปั้นหยาเดินเข้าไปคุกเข่าใกล้ๆ กับฝ่าเท้าของอันนา กำลังจะเปิดขวดน้ำยาทาเล็บอยู่แล้วเชียว แต่เสียงเครื่องยนต์คุ้นหูดังใกล้เข้ามาเสียก่อน
“เสียงรถพี่แม็กนี่”
รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าของอันนา ก่อนที่หล่อนจะยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา เมื่อคิดอะไรขึ้นมาได้
“แกขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ เร็วเข้า”
“เอ่อ... ทำไมล่ะจ๊ะน้องอัน”
ปั้นหยาที่คุกเข่าอยู่กับพื้นเพื่อเตรียมทาเล็บเท้าให้กับอันนาช้อนตามองคนออกคำสั่งอย่างแปลกใจ
“แกไม่ต้องมาถามหรอก ทำตามที่ฉันสั่งก็พอ ขึ้นมานั่งบนเก้าอี้สิ เร็วเข้า!”
ปั้นหยาลุกขึ้นทำตามคำสั่งของอันนาทั้งๆ ที่สมองยังมึนงงไม่เปลี่ยนแปลง
“เอาขาขึ้นมาพาดไว้บนโต๊ะสิ เร็วเข้า”
“เอ่อ... พี่ใส่กระโปรงคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอก”
ปั้นหยาไม่ได้ทำตามคำสั่งนี้ ทำให้อันนาต้องเป็นฝ่ายกระชากขาเรียวของปั้นหยาขึ้นมาด้วยตัวเอง
“น้องอัน... อุ๊ย!”
มือเล็กของปั้นหยาต้องรีบตะครุบชายกระโปรงที่ร่นขึ้นมาถึงขาอ่อนเอาไว้ทันที
“น้องอันจะทำอะไรเนี่ย ปล่อยเท้าพี่เถอะ”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า”
อันนาลงไปนั่งคุกเข่ากับพื้น และตั้งท่าจะทาเล็บเท้าให้กับปั้นหยา
“แต่พี่ไม่อยากทาเล็บนะน้องอัน ปล่อยขาพี่เถอะ”
สมองของปั้นหยาตามการกระทำของอันนาไม่ทัน ไม่รู้ว่าทำไมจู่ๆ อันนาก็ทำแบบนี้ จนกระทั่งร่างสูงใหญ่เกือบร้อยเก้าสิบเซนติเมตรของแม็กซิมัสปรากฏขึ้นนั่นแหละ หล่อนถึงได้เข้าใจทุกอย่าง เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อันนากระทำ
“พี่แม็กทำไมถึงมาเงียบๆ ล่ะคะ ไม่เห็นโทรหาอันก่อนเลย”
แม็กซิมัสมองคนรักของตัวเองที่กำลังคุกเข่าอยู่กับพื้น โดยมีฝ่าเท้าของปั้นหยาอยู่ตรงหน้าด้วยความไม่พอใจ
“อันทำอะไรครับนั่น”
“อ๋อ... พี่หยาอยากทาเล็บเท้าน่ะค่ะ อันก็เลยช่วยทาค่ะ”
“คือ...”
ปั้นหยาตั้งท่าจะอธิบาย แต่ดูเหมือนว่าแม็กซิมัสจะเชื่อคำพูดของอันนาไปแล้วทั้งหมด
“อันไม่ใช่คนใช้ของเธอ ไม่ใช่หรือปั้นหยา”
แม็กซิมัสจ้องมองหน้าไร้เครื่องสำอางของปั้นหยาเขม็ง กรามแกร่งขบกันแน่นจนเป็นสันนูนเป่ง
“เอ่อ... คือว่า...”
“พี่แม็กอย่าพูดเสียงดุกับพี่หยาสิคะ อันเต็มใจทำให้พี่หยาเองแหละค่ะ”
สายตาที่แม็กซิมัสใช้มองมาทำให้ปั้นหยาเจ็บหัวใจเหลือเกิน เพราะเขามองหล่อนด้วยความขยะแขยงและเกลียดชัง
“ขอ... ตัวค่ะ”
และหล่อนก็ไม่อาจจะทนนั่งให้เขาเข่นฆ่าทางสายตาได้อีก จำต้องรีบลุกขึ้น และเดินหนีไปอย่างรวดเร็ว
อันนาลอบยิ้มสะใจ ก่อนจะเดินมาเกาะแขนล่ำสันของแม็กซิมัสเอาไว้ พร้อมกับพูดจาประจบประแจง
“อันดีใจนะคะที่พี่แม็กรักและเป็นห่วงอันมาก แต่อันก็ไม่อยากให้พี่แม็กดุพี่หยาเลยค่ะ” หล่อนแสดงทำเป็นบีบน้ำตา เมื่อแม็กซิมัสเลื่อนสายตามามองสบตา
“ในเมื่อผู้หญิงคนนั้นทำไม่ถูก พี่ก็ต้องตักเตือนสิครับ และอีกอย่าง พี่ทนเห็นอันถูกโขกสับแบบนี้ไม่ได้”
“อันขอบคุณมากนะคะ แต่อันชินแล้วล่ะค่ะ ในเมื่ออันไม่ใช่หลานรักของคุณย่า อันก็ต้องก้มหน้ายอมรับชะตากรรมต่อไปเรื่อยๆ จนกว่า...”
“จนกว่าอะไรหรือครับ”
“จนกว่าอันจะย้ายออกไปจากที่นี่ไงล่ะคะ”
แม็กซิมัสเข้าใจความหมายของอันนาดีว่าหญิงสาวต้องการให้เขาทำอะไร ซึ่งเขาก็เต็มใจที่จะช่วยเหลือหล่อน ให้หลุดพ้นจากขุมนรกนี้เสียที
“พี่สัญญานะครับว่าปลายปีนี้จะให้ที่บ้านมาเจรจาสู่ขอน้องอัน”
“ปลายปีเลยเหรอคะ นี่เพิ่งมีนาเองนะคะ”
“พี่ก็อยากแต่งเสียวันนี้พรุ่งนี้ แต่ว่าพี่ต้องเคลียร์งานที่โรงพยาบาลให้เบาลงก่อน แล้วอีกอย่างคุณพ่อกับคุณแม่ของพี่ก็ยังไม่สะดวกเดินทางมาเมืองไทยตอนนี้ด้วย”
อันนาฝืนยิ้มให้กับแม็กซิมัส ก่อนจะซบหน้ากับแผงอกกว้างกำยำของเขา
‘บ้าจริง อันรอนานขนาดนั้นไม่ไหวหรอกนะพี่แม็ก’
เพราะหล่อนระแคะระคายมาว่ามีหมอสาวสวยที่เพิ่งย้ายมาจากลอนดอนมาตามติดแม็กซิมัส ซึ่งหล่อนเกรงว่าคนรักของตนเองจะหวั่นไหว
“อันตามใจพี่แม็กค่ะ”
“พี่ชอบที่อันว่านอนสอนง่ายแบบนี้จัง”
แม็กซิมัสยกมือขึ้นลูบหัวทุยของอันนาแผ่วเบา ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“ก็อันไม่อยากทำให้พี่แม็กไม่สบายใจนี่คะ” อันนาดันตัวออกห่างจากเขา และช้อนตาขึ้นมองด้วยแววตาหวานฉ่ำ
“อันรักพี่แม็กมาก อันอยากให้พี่แม็กมีความสุขที่สุดตอนที่อยู่กับอันค่ะ”
“พี่ก็รักอันครับ”
อันนากำลังจะเขย่งปลายเท้าขึ้นเพื่อจะจูบปากของแฟนหนุ่ม แต่เสียงของตกแตกดังลั่นขึ้นเสียก่อน และมันก็ทำให้อารมณ์โรแมนติกหายไปจนหมด
“ใครทำบ้าอะไรเนี่ย?!”
หล่อนตวาดลั่นอย่างลืมตัว แต่พอเห็นสายตาเคลือบแคลงที่แม็กซิมัสมองจ้องมา อันนาก็รีบปั้นยิ้ม และแก้ตัวไปข้างๆ คูๆ ซึ่งแม็กซิมัสก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
“เอ่อ... ใครนะซุ่มซ่ามจังเลย เดี๋ยวอันขอตัวไปดูหน่อยนะคะ”
“พี่ไปด้วย”
“ค่ะ”
แม็กซิมัสก้าวตามร่างของอันนาที่เดินนำหน้าไปติดๆ ก่อนจะพบว่าเสียงดังกังวานเกิดขึ้นในห้องครัว และคนก่อให้เกิดเสียงนั้นก็คือปั้นหยานั่นเอง
เขาเห็นปั้นหยากำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเศษแก้วบนพื้นด้วยความรีบร้อน และทันทีที่หล่อนเงยหน้าขึ้นมาเห็นเขากับอันนา นิ้วเรียวสีขาวสะอาดก็ถูกเศษแก้วบาดจนเลือดสีแดงสดไหลซึมออกมา
“แก... เอ่อ... พี่หยาทำแก้วตกแตกเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ น้องอันพาคุณ... แม็กออกไปเถอะ เดี๋ยวจะถูกเศษแก้วบาดเอาได้”
อันนายิ้มหยันให้ ก่อนจะหันไปหาแม็กซิมัสที่ยืนอยู่ข้างๆ
“เราออกไปรอข้างนอกกันเถอะค่ะพี่แม็ก”
“อันออกไปรอพี่ที่ห้องโถงก่อนนะครับ เดี๋ยวพี่ตามไป”
“คะ?” อันนาแปลกใจมากที่แม็กซิมัสจะอยู่ต่อ
“พี่จะทำแผลให้กับปั้นหยาน่ะ นิ้วเธอถูกเศษแก้วบาด”
“ตะ... แต่มันไม่ใช่หน้าที่ของพี่แม็กเลยนะคะ แล้วอีกอย่างแผลก็นิดเดียวเอง อันว่า...”
“น้องอันไปรอพี่ข้างนอกนะครับ ไม่เกินห้านาทีพี่จะตามไป”
สีหน้าจริงจังไม่ต่างจากน้ำเสียงของแม็กซิมัส ทำให้อันนาไม่กล้าที่จะขัดใจเพราะเดี๋ยวเสียภาพพจน์ที่เพียรสร้างมาหลายปี
“ก็ได้ค่ะ พี่แม็กรีบออกมานะคะ”
“ครับ”
อันนาเดินออกไปแล้ว แม็กซิมัสก็ก้าวเข้ามาหยุดใกล้ๆ ร่างของปั้นหยา และรั้งให้หล่อนลุกขึ้นยืนด้วยการตะปบบ่าแบบบาง
“อ๊ะ...”
ร่างของปั้นหยาแทบจะปลิวติดมือของแม็กซิมัสขึ้นมาเลยทีเดียว
“ซุ่มซ่ามจริงๆ เลยนะ ปล่อยให้แก้วแตก แล้วยังไม่ระวังอีก”
ปั้นหยาดิ้นรนเพื่อให้บ่าของตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการของคนที่ตัวโตกว่ามาก แต่ก็ไม่เป็นผล
“ปล่อยหยาเถอะค่ะ หยาจะรีบเก็บเศษแก้ว”
“นิ้วเธอถูกบาดมองไม่เห็นหรือไง หรือว่าอยากตาย”
“แผลเล็กแค่นี้ คงไม่ทำให้หยาตายหรอกค่ะ ปล่อยหยาเถอะค่ะ”
เขาส่ายหน้าไปมา มองหล่อนด้วยแววตาสังเวช “เธอนี่มันทั้งดื้อทั้งรั้นเลยนะ ไม่เห็นเหมือนกับน้องอันเลยสักนิด”
คนที่ถูกนำไปเปรียบเทียบเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ และก็แทบซ่อนความรู้สึกนี้เอาไว้ในอกไม่มิด
“หยาขอโทษค่ะที่ทำตัวไม่ดีเหมือนน้องอัน ปล่อยหยาได้แล้วค่ะ”
“ไม่ จนกว่าเธอจะทำแผลเสร็จ”
เขาผลักหล่อนให้ลงนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่ห่างจากบริเวณที่แก้วตกแตก ก่อนจะเอ่ยถามหากล่องปฐมพยาบาล
“ที่ทำแผลอยู่ไหน”
“เอ่อ... หยาทำเองได้ค่ะ ไม่รบกวนคุณแม็กดีกว่า”
“ตอบ... ที่ทำแผลอยู่ไหน”
น้ำเสียงของแม็กซิมัสดุดันมาก ทำให้ปั้นหยาไม่กล้าพอที่จะขัดคำสั่ง
“อยู่... ตรงนั้นค่ะ” หล่อนชี้ไปที่ลิ้นชักมุมห้องที่มีกล่องปฐมพยาบาลซ่อนอยู่ในนั้น
แม็กซิมัสมองหน้าหล่อนเล็กน้อยด้วยสายตาไม่เป็นมิตร ก่อนจะเดินไปหยิบสิ่งที่เขาต้องการ และเดินกลับมาในเสี้ยวนาทีต่อมา
“ฉันเป็นหมอ ดังนั้นสัญชาตญาณของฉันก็คือช่วยเหลือคนอื่น ไม่ว่าคนคนนั้นจะเป็นใครก็ตาม หรือจะพูดให้ตรงประเด็น ต่อให้เป็นหมาเป็นแมวฉันก็ต้องช่วย”
นี่หล่อนควรจะยินดีใช่ไหมที่แม็กซิมัสช่วยเหลือทำแผลที่ปลายนิ้วให้อยู่
ทำไมนะ ผู้ชายคนนี้ถึงได้จงเกลียดจงชังหล่อนนัก หล่อนไปทำอะไรให้กัน
“เสร็จแล้ว และก็ไม่ต้องสร้างแผลเพิ่มนะ เพราะฉันไม่ว่างมากพอที่จะย้อนกลับมาทำแผลให้เธออีก”
เขาเลื่อนกล่องปฐมพยาบาลที่ภายในมียาสามัญประจำบ้านอยู่เต็มเอียดออกห่าง จากนั้นก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้ตัวที่นั่งอยู่ แต่สายตายังคงจ้องมองมา
“ระหว่างนี้ก็อย่าเพิ่งให้แผลโดนน้ำล่ะ แล้วก็หมั่นล้างแผลด้วย ถ้าไม่อยากให้แผลเน่า”
“ขอบ... คุณค่ะ”
“ไม่เป็นไร ก็อย่างที่บอกไง ต่อให้เป็นหมาเป็นแมวฉันก็ต้องยื่นมือเข้ามาช่วย เพราะฉันเป็นหมอ”
เขาพูดได้น่าฟังที่สุด
ปั้นหยาเจ็บปวดแต่ก็ยกมือไหว้เขาในที่สุด แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ใส่ใจเลย เพราะหลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็เดินออกไปจากห้องครัวอย่างไม่ไยดี
หล่อนมองตามแผ่นหลังกว้างของเขาไปทั้งน้ำตา กลีบปากอวบอิ่มสั่นไหวด้วยความปวดร้าวทรมาน