หลายวันต่อมา
ในที่สุดหลัวเซียงเซียงก็เข้าใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองกำลังตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน และตอนนี้เธอก็กลายเป็นหลัว เซียงเซียงนางร้ายในนิยายเรื่อง 'ท่านและข้าวาสนาคู่กัน' ไปเรียบร้อย
ฉากนั้นที่นางได้ฟื้นขึ้นมาเป็นฉากที่หลัวเซียงเซียงอ่านยังไม่ถึงเสียด้วย จากคำบอกเล่าของสาวใช้นามหลิงหลิงก็ได้รู้ตัวว่านางร้ายได้วางแผนชั่วเพื่อแย่งพระเอกมาจากนางเอก
ในน้ำชาที่นางเอกมู่ลี่เอ๋อร์นำไปให้ชินอ๋องแฟนของนางดื่มนั้นนางร้ายซึ่งก็คือหลัวเซียงเซียงในตอนนี้ได้ให้สาวใช้วางยานอนหลับโดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว แน่นอนว่าพระเอกย่อมไว้ใจนางเอก เขาดื่มน้ำชาจนหมดและสลบไปพร้อม ๆ กัน
ถึงตอนนั้นนางร้ายก็สั่งให้คนแบกร่างของพระเอกไปไว้ที่เรือนเล็กท้ายจวน ที่ตกแต่งไว้เป็นอย่างดีเพื่อเป็นเรือนหอของคนทั้งสองคน ระหว่างที่หลัวเซียงเซียงคิดทำตามแผนนั้น นางเกรงว่าจะไม่สมจริงจึงได้ดื่มสุราไปเป็นจำนวนมากเพื่อให้ตนเองเมามาย ทว่าระหว่างทางที่เดินไปหลัวเซียงเซียงกลับโง่เขลาเดินตกลงไปในบ่อน้ำ กว่าจะมีคนมาพบและช่วยนางเอาไว้ได้นางร้ายก็ได้จมน้ำลงไปแล้ว
คนของนางช่วยนางขึ้นมาจากบ่อได้ จู่ ๆ นางร้ายก็สะดุ้งฟื้นขึ้นมา ยังผลักคนพวกนั้นออกบอกว่าไม่เป็นอะไร ทั้งโวยวายฟังไม่รู้เรื่อง บ่าวรับใช้จึงรีบทำตามแผน พาคุณหนูไปที่เรือนหลังเล็กเปลื้องผ้าของนางกับเสื้อผ้าของชินอ๋องออกแล้วปิดประตูแน่นหนา
หลัวเซียงเซียงใคร่ครวญ นางพอจะจำเหตุการณ์ได้แล้วว่าก่อนที่จะตื่นมาพบตัวเองอยู่กับชินอ๋องนั้น นางเหมือนได้ฟื้นขึ้นมาครั้งหนึ่ง ตอนนั้นหนาวจนสั่นสะท้านจึงพอจะคาดเดาได้ว่าวิญญาณที่แท้จริงของนางร้ายนั้นคงจะได้สู่ขิตไปแล้ว และตอนนี้ก็เป็นนางที่มาอยู่ในร่างนี้แทน
เอาล่ะทุกอย่างยากแก้ไข ทั้ง ๆ ที่คิดจะหนีห่างทว่ากลับกลายเป็นว่าเรื่องกำลังดำเนินไปเช่นเคย จากสปอยล์ของเพื่อนสาวที่บอกเธอไว้ หลังจากแต่งงานแล้วชินอ๋องจะรับแฟนของเขามาเป็นเมียน้อยและทำให้นางร้ายวางแผนลงมือลอบฆ่าจนถูกจับได้ในที่สุด
หลัวเซียงเซียงคิดว่า การหลีกหนีคู่นี้นั้นง่ายมากนางแค่ต้องทำตัวเสื่อมเสียน่ารังเกียจสักหน่อย หาโอกาสให้ชินอ๋องถอนหมั้นเพราะพฤติกรรมไม่เหมาะสมของนาง จากนั้นก็ปล่อยให้พระเอกรับนางเอกเข้าจวน ส่วนนางร้ายอย่างนางจะขอแยกตัวออกมาอยู่ห่าง ๆ ไม่ยุ่งเกี่ยวกับพวกเขาอีก มีชีวิตจนถึงตอนจบให้พวกเขาแต่งงานมีลูกแล้วนางก็จะกลับไปอยู่ในโลกของนางตามเดิม
ฮ่า ฮ่า ฮ่า เรื่องนี้ง่ายยิ่งกว่าง่ายเสียอีก
ถึงยังไงนิยายเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องแต่งขึ้นมา ชินอ๋องหลงเฟยเยี่ยไม่ใช่คนในชีวิตจริงของนาง หากเขาจะรังเกียจ หรือนางจะทำตัวเสื่อมเสียก็แล้วอย่างไร
หลัวเซียงเซียงจำต้องเข้าวังด้วยเรื่องที่เกิดขึ้น หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้นนางก็ไม่ได้พบชินอ๋องอีก วันนี้เมื่อได้พบกันนางจึงได้แต่ยิ้มแหย ๆ ให้เขา
"ท่านอ๋อง ข้ารับรองว่าจะปฏิเสธเด็ดขาด ไม่ต้องห่วงนะ ท่านไม่จำเป็นต้องพูดอะไร"
หลงเฟยเยี่ยใบหน้าแข็งกร้าว มองนางอย่างดูแคลน
"เจ้าคิดแผนร้ายอันใดอีก"
หลัวเซียงเซียงยิ้มสู้
"ท่านอ๋อง โปรดไว้ใจข้าเถิดน่า ข้าบอกแล้วว่าพวกเราไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้อีก หากข้าบอกว่าไม่ต้องการฝ่าบาทมีหรือจะบังคับข้า ฮ่า ฮ่า ฮ่า สบายใจได้เรื่องนี้ข้าลืมไปแล้วจริง ๆ"
ชินอ๋องหลงเฟยเยี่ยใบหน้าบึ้งตึง เขาไม่แยแสสตรีวิปริตผู้นี้ แม้ว่านางจะรูปโฉมงดงามทว่าจิตใจกลับบิดเบี้ยวน่ารังเกียจ เขาจะคอยดูว่าหลัวเซียงเซียงจะทำเช่นใด
หลัวเซียงเซียงมองไปรอบ ๆ ห้องทรงงานของฝ่าบาท จากในนิยายที่อ่านผู้แต่งบรรยายห้องนี้เอาไว้อย่างวิจิตรงดงาม เมื่อหลัวเซียงเซียงได้เห็นกับตาก็ยิ่งรู้สึกตื่นตะลึงเป็นอย่างยิ่ง เพราะเป็นครั้งแรกที่เคยเห็นของจริงกับตา จึงทำให้หลัวเซียงเซียงค่อนข้างอยู่ในอาการที่ไม่สงบ
"ท่านอ๋อง นั่นอะไร โอ้โหสวยจริง ๆ"
หลงเฟยเยี่ยไม่ตอบ
"อ้ะ ท่านอ๋อง ท่านว่าอันนั้นทำจากทองคำใช่หรือไม่"
เงียบ
"ท่านอ๋อง นั่นท่านดู ดูเหมือนพู่กันนั่นจะเป็นของหายาก ว้าว สุดยอดเลย ท่านรู้หรือเปล่าว่าทำมาจากอะไร"
เขาหรี่ตามองนางแล้วหันหน้าหนี หลัวเซียงเซียงดึงชายแขนเสื้อกว้างของเขา ยังเอ่ยอย่างสนิทสนม ใช่นางคิดตีซี้กับเขา อย่างน้อยเป็นเพื่อนกันเอาไว้ดีกว่า เพราะเพื่อนคงไม่ลงมือฆ่าเพื่อนได้ง่าย ๆ
"ท่านอ๋อง ดูภาพวาดนั้นสิ ข้าพอมีความรู้อยู่บ้าง หากเอาไปขายในโลกของข้าโอ้โห ไม่ต้องทำมาหากินก็อยู่ได้อย่างสบายไปทั้งชาติ"
อาการอยู่ไม่สงบของหลัวเซียงเซียงทำให้หลงเฟยเยี่ยถึงกับถอนหายใจ เขาเริ่มรู้สึกรำคาญสตรีนางนี้แล้ว
"หนวกหู ไยพูดมากเช่นนี้เจ้าไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ยามนี้แสดงตัวตนออกมาแล้วไม่เกรงข้าจะไม่ชอบหรือ"
หลัวเซียงเซียงนิ่วหน้าพร้อมกับย่นคิ้ว
"ท่านอ๋อง พวกเราเป็นเพื่อนกันอ่ะ ไม่ใช่สิ เป็นสหายกันแล้ว ข้าคิดว่าไม่จำเป็นต้องโกหก ท่านก็เลิกเครียดเถอะน่า วางใจข้าเถอะข้าจะจัดการเอง"
"ข้าไม่ได้เครียดเช่นเจ้าว่า อีกอย่างข้ามิใช่สหายของเจ้า พวกเราไม่สนิทกันเลยแม้แต่น้อย"
แน่ล่ะ เพราะเขาไม่รู้ว่าเครียดคือสิ่งใด หลัวเซียงเซียงหัวเราะขบขัน นางขยับเข้ามาใกล้แล้วป้องปากกระซิบพูดคุยกับเขาเบา ๆ
"ท่านอ๋อง ข้ากับท่านใกล้ชิดกันปานนั้น ร่างกายของท่านข้าได้สัมผัสได้กอดมาแล้ว ส่วนร่างกายของข้าท่านก็จับมาทั้งหมดแล้ว สนิทยิ่งกว่าคนอื่นอีก เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านก็ใจกว้างกับข้าหน่อยเถอะน่า"
เพราะคำพูดของนางทำให้เขาสำลักน้ำลายและไอออกมา เขากำมือแน่นทั้งสองข้าง หน้าแดงก่ำแล้วแค่นเสียงออกมา
"สตรีไร้ยางอาย"
กิริยาของเขาดูน่ากลัวเป็นอันมาก เหมือนกับว่าตนเองถูกบีบบังคับจนเกิดเรื่องเช่นนี้ ทว่าหลัวเซียงเซียงกลับไม่เกรงกลัว ยังยืดตัวตรงประชันหน้ากับเขาอย่างองอาจ
"ป่านนี้ยังจะคิดอายอะไรอีก เรื่องทั้งหมดก็เกิดขึ้นแล้ว แต่ข้ายืนกรานกับท่านว่าข้าจะไม่แต่งกับท่านโดยเด็ดขาด"
หลงเฟยเยี่ยเกือบจะถามออกไปแล้วว่าเพราะเหตุใด ทว่าเขายั้งปากเอาไว้ทัน มือหนึ่งของหลัวเซียงเซียงยังจับชายแขนเสื้อกว้างของเขาเอาไว้ ยังยืนแนบชิดสนิทกับเขาเช่นนั้นกระทั่งฝ่าบาทและบิดาของนางเข้ามาโดยที่ทั้งสองคนไม่ทันรู้ตัว
คนชราสองคนต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มให้กันและกันด้วยความยินดีกับภาพความใกล้ชิดสนิทสนมนี้
หลงเฟยเยี่ยเป็นหลานชายคนโปรดของฝ่าบาท บิดาชินอ๋องก็คือน้องชายร่วมอุทรที่จากไปเพราะสงครามตั้งแต่หลงเฟยเยี่ยยังเด็กนัก ดังนั้นฝ่าบาทจึงเลี้ยงเขามาประดุจบุตรชายผู้หนึ่ง การคัดเลือกพระชายาให้เขาจึงต้องพิถีพิถันเป็นอย่างยิ่ง
แม้ชื่อเสียงของหลัวเซียงเซียงจะไม่ดี แต่ด้วยอำนาจของบิดาของนาง หลัวเซียงเซียงจึงกลายเป็นตัวเลือกที่สำคัญในครานี้ เป็นหลงเฟยเยี่ยที่เห็นว่าฝ่าบาทเสด็จก่อน เขากระตุกข้อมือของหลัวเซียงเซียงเบา ๆ นางมองเขาด้วยท่าทางงงงวยกระทั่งได้ยินเสียงกระแอมของแม่ทัพหลัว
หลัวเซียงเซียงย่อมให้คนฝึกฝนตนเองก่อนเข้าวัง นางถวายบังคมฝ่าบาทด้วยท่าทางที่ถูกต้อง แม้ว่าจะดูเก้ ๆ กัง ๆ อยู่บ้างฝ่าบาทกลับไม่ถือสา
ฝ่าบาทเองก็ไม่รอช้ารีบเอ่ยถึงเรื่องที่เรียกคนสองคนเข้าเฝ้าทันใด
"เรื่องของพวกเจ้าทั้งสองต้องรีบจัดการ ชื่อเสียงของคุณหนูรองสกุลหลัวเสื่อมเสียเพราะเจ้าแล้ว อย่างไรก็ต้องรับนางมาเป็นพระชายา"
หลงเฟยเยี่ยกำลังจะเอ่ยปากเอ่ยคำ หลัวเซียงเซียงกลับพูดขึ้นเสียก่อน
"กราบทูลฝ่าบาทเพคะ เรื่องทั้งหมดคืนนั้นเป็นความเข้าใจผิด ไม่มีอะไรเกิดขึ้นจริง ๆ เพคะ หม่อมฉันไม่อยากแต่งกับชินอ๋อง เขาไม่ใช่สเปก เอ๊ย ไม่ใช่คนในแบบที่หม่อมฉันชอบ ขอฝ่าบาทอย่าให้หม่อมฉันแต่งกับเขาเลยนะเพคะ"
เรื่องนี้ทำให้ทุกคนล้วนตกตะลึง หลงเฟยเยี่ยคาดไม่ถึงว่าหลัวเซียงเซียงจะพูดขึ้นมาจริง ๆ ในขณะที่บิดาก็ไม่เข้าใจ เรื่องนี้หลัวเซียงเซียงเป็นคนจัดการด้วยตนเอง ยามนี้ไยจึงปฏิเสธ
ฝ่าบาทกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ก่อนที่พระองค์จะตรัสหลัวเซียงเซียงก็เอ่ยขึ้นมารัวเร็ว
"อีกอย่าง ฝ่าบาทหม่อมฉันมิใช่คนที่ชินอ๋องมีใจให้เสียหน่อย เขารักกับพี่สาวของหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่กล้ายื่นมือเข้าไปแทรกกลาง ฝ่าบาทหากหม่อมฉันทำเช่นนี้ก็มิเท่ากับไร้ศีลธรรมหรือเพคะ"
หลงเฟยเยี่ยหัวเราะในใจ สตรีนางนี้รู้จักคำว่าศีลธรรมด้วยหรือ การกระทำของนางทำให้เขารู้สึกสับสนเป็นอย่างยิ่ง ทว่าฝ่าบาทกลับหัวเราะขบขันคล้ายพึงพอใจ
"แม่ทัพหลัว ท่านดูสิบุตรสาวของท่านช่างกล้าหาญยิ่งนัก ดี เราชอบสตรีเช่นนี้ช่างเป็นคนที่กล้าหาญเช่นบิดาของเจ้าจริง ๆ หลัวเซียงเซียงตำแหน่งพระชายาชินอ๋องเหมาะกับเจ้าเป็นอย่างยิ่ง"
หลัวเซียงเซียงแทบไม่อยากจะเชื่อ ไม่ว่านางจะทำอะไรเลวทรามนอกจากครอบครัวที่สนับสนุนแล้ว ฝ่าบาทคนนี้ยังกระโดดมาร่วมวงเห็นดีเห็นงามด้วย นี่มันนิยายประเภทไหนกันแน่ ในเมื่อนางพูดไม่ออกแล้วฝ่าบาทจึงหันไปตรัสถามชินอ๋อง
"เรื่องวันนั้นมีคนเห็นเป็นจำนวนมาก เล่าขานปากต่อปากออกมานอกจวน ในฐานะหลานชายของเรา เจ้าเห็นควรประการใด"
ชินอ๋องสูดลมหายใจเข้าลึก สตรีนางนั้นพยายามที่จะปฏิเสธเขาคงเพราะรู้จิตใจของฝ่าบาทกระมัง แผนชั่วนั้นย่อมเป็นนางที่ถนัด สุดท้ายแล้วเขาก็ไม่อาจหลีกหนีพ้น
"หลานทำสิ่งใดลงไปย่อมยอมรับโดยไม่มีข้อโต้แย้งพ่ะย่ะค่ะ"
หลัวเซียงเซียงตะโกนออกมาทันใด
"ท่านอ๋อง ท่านเองก็ไม่ได้รักหม่อมฉัน แล้วท่านจะมาแต่งงานกับหม่อมฉันทำไม คนไร้หัวใจคิดทอดทิ้งพี่สาวหม่อมฉันหรือ"
หลงเฟยเยี่ยหัวเราะเย็น
"เลิกเสแสร้งเสียเถิด อย่างไรเรื่องก็เกิดแล้วในเมื่อได้ตามที่เจ้าต้องการแล้วก็หุบปากเสียที สมรสพระราชทาน ราชโองการฝ่าบาทมิใช่เรื่องที่ผู้ใดจะมาล้อเล่นได้"
"เอาล่ะ ในเมื่อชินอ๋องไม่ขัดข้อง เช่นนั้นเราจะออกราชโองการส่งไปยังจวนของท่านแม่ทัพหลัวในเร็ววัน"
แม่ทัพหลัวยิ้มจนหน้าบาน กล่าวขอบพระทัยฝ่าบาทด้วยความกระตือรือร้น
จู่ ๆ ชินอ๋องกลับยอมรับสมรสพระราชทานโดยง่าย เป็นไปได้อย่างไรท่าทางเขาเหมือนไม่ต้องการแต่งกับนางแม้แต่น้อย
หลัวเซียงเซียงตกตะลึง คิดในใจว่า เดี๋ยวก่อน หากแต่งงานกันก็เท่ากับว่าเส้นเรื่องกำลังดำเนินไปในทิศทางเดิม ถ้าเป็นแบบนี้โอกาสที่นางจะตายก็มีสูงมากกว่าห้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว
ให้ตายเถอะ นี่ฉันจะตายจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่เอา ไม่ยอม ฉันไม่อยากแต่ง ฉันยังไม่อยากตาย
แม้จะทัดทานเพียงใด สมรสพระราชทานก็ยังถูกกำหนดลงมาแต่โดยดี ดูเหมือนว่าแม้หลัวเซียงเซียงจะพยายามถอยหนี แต่มีบางสิ่งบางอย่างที่อยู่เบื้องหลังทำให้เธอต้องดำเนินตามเส้นเรื่องที่ผู้แต่งเขียนเอาไว้อยู่ดี
หรือว่าเธอจะไม่สามารถหนีออกจากชะตานี้ได้กัน แต่อย่างไรหลัวเซียงเซียงก็ไม่ยอมแพ้ นางยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย สีหน้าเบิกบาน
แต่งแล้วอย่างไร แต่งได้ก็หย่าได้ ยามนี้สิ่งที่นางต้องทำคือกลับไปทำดีกับญาติผู้พี่ของตนเอง เพื่อลดความบาดหมางทั้งหมดที่เคยเกิดขึ้นเป็นการกันไว้ดีกว่าแก้จะดีกว่า