“เหี้ยมลูก!” พลอยใสยกมือทาบอกเมื่อเห็นชุดที่ลูกชายใส่เดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน ชุดนายช่างสีชมพูหวานจ๋า ทำให้นางแทบหน้ามืดตาลายไปเลยทีเดียว ตอนลูกบอกว่าอยากเปิดอู่ซ่อมรถนางกับสามีก็เห็นดีเห็นงามด้วยที่ลูกชายเรียนจบช่างยนต์ก็รักที่จะทำงานในสายที่เรียนมา แต่ที่ทำให้นางกลุ้มกังวลใจทุกวันนี้คือลูกชายชอบสีชมพูมาก ห้องนอนก็ตกแต่งด้วยสีชมพูพาสเทล ปลอกหมอน ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม ทุกอย่างเป็นสีชมพู แล้วอู่ก็ยังตกแต่งทาสีเป็นสีชมพู ซึ่งขัดกับรูปร่างหน้าตาของเจ้าของอู่เหลือเกิน แล้วแถมชุดของพนักงานยังเป็นชุดสีชมพูที่ปักชื่อหลังเสื้อว่า “อู่ไอ้เหี้ยมใจชมพู” แล้วที่มือก็ยังมีลิปสติกมันถือติดมือมาด้วย ลูกชายของนางกำลังเปิดฝาลิปสติกออกแล้วยกขึ้นทาปากให้ชุ่มชื่น เมื่อทาเสร็จก็เม้มปากสองสามทีปิดฝาลิปสติกแล้วเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง ก่อนจะเดินฉีกยิ้มทรงเสน่ห์เดินไปหาพ่อกับแม่ที่นั่งมองมาทางตนอยู่ก่อนแล้ว
“ตายๆ คุณหาญ อิฉันไม่ไหวแล้วค่ะ ลูกเราเป็นใช่ไหม” นางเอนหัวซบไหล่กว้างสามีอย่างรับไม่ได้ แม้ว่าจะเป็นภาพปกติ ภาพที่เห็นทุกๆ วัน แต่คนเป็นแม่อย่างนางก็รับไม่ได้อยู่ดี
“เหี้ยมแมนครับแม่พลอย สบายใจได้ ไม่กินกันเองแน่นอนครับ ลูกออกจะรูปหล่อเคราดกขนาดนี้ไม่มีทางกินพวกเดียวกันแน่นอน” เขาพูดติดตลก ก็แม่ของเขานั้นเป็นแบบนี้ทุกวัน และเขาก็ชอบทำให้ผู้เป็นแม่อดกังวลไม่ได้
เหี้ยม เหล่าทรัพย์ หรือเหี้ยม วัย 31 ปี หนุ่มหน้าโหด เจ้าของอู่เหี้ยมใจชมพูหัวใจฟุ้งฟิ้ง ร่างใหญ่อย่างกับยักษ์มองภายนอกอาจเหมือนกะเทยควายก็จริง แต่เขาไม่ใช่นะ เขาแมนทั้งแท่ง แม้ว่าการใช้ชีวิต การแต่งตัว และรสนิยมจะไม่ค่อยเหมือนผู้ชายทั่วไปก็เถอะ แต่เขาอยากบอกให้รู้ไว้ว่าเขาแมนนะไม่ใช่ไม่แมน อยากรู้ว่าแมนแค่ไหนต้องมาลองกันเอง
หมอหาญ วัย 59 ปี ซึ่งใกล้จะเกษียณแล้วโอบกอดภรรยาผู้อ่อนกว่าตัวเองหนึ่งปี แล้วมองหน้าลูกชายที่ขัดกับชุดแล้วก็อุจาดตาตัวเองเหลือทน
“เหี้ยมลูก”
“ครับพ่อหาญ” เหี้ยมเคลื่อนตัวไปนั่งเบียดข้างผู้เป็นแม่
“ถ้าลูกจะแต่งตัวชมพูจ๋าขนาดนี้ พ่อว่าเราไปโกนหนวดโกนเคราออกบ้างก็ดีนะเหี้ยม เนี่ยมองเห็นแค่ตากับรูจมูกและปากแล้วตอนนี้ หน้ารกยิ่งกว่าลิง แล้วดูชุดสิลูก ลูกเป็นถึงช่าง เป็นถึงเจ้าของอู่นะลูก”
“พ่อก็พูดกับเหี้ยมแบบนี้ทุกวันแล้วเหี้ยมเคยทำตามไหม ก็ไม่ แล้วจะพูดทำไมครับ พ่อไปทำงานเถอะ ลูกจะไปอู่ ไปดูเด็กๆ ที่อู่ซิว่าแต่งตัวเรียบร้อยไหม” ก็เด็กในอู่ของเขาไม่ชอบชุดที่เขาสั่งตัดมาให้ จึงต้องไปบังคับให้ใส่ ใครไม่ใส่ชุดฟอร์มของทางอู่ตัดให้คนนั้นก็ลาออกไปซะ เนี่ยแหละความเด็ดขาดของเขา กฎก็ต้องเป็นกฎ ไม่มีข้อยกเว้น
“ไปกันเถอะคุณหาญ ฉันต้องรีบไปเข้าเวรด้วย” พลอยใสเหนื่อยใจแล้ว เหนื่อยจะทนดูสภาพลูกชายที่ตัดชุดไม่เข้ากับสารรูปตัวเอง ร่างก็ใหญ่บึกบึน แถมดำอีกต่างหาก แล้วชุดที่ใส่ก็ช่างตัดกับผิวดำๆ เข้มๆ ดีเหลือเกิน
“ไปกันคุณพลอย”
หาญและพลอยใส ทั้งคู่เป็นหมอเฉพาะทางด้านโรคหัวใจเหมือนกัน ทั้งสองพบรักกันสมัยย้ายมาทำงานประจำโรงพยาบาลของบ้านเกิด เมื่อแต่งงานกันแล้วจึงทำงานประจำที่โรงพยาบาลในตัวจังหวัดพิษณุโลกตลอดมา จนตอนนี้มีลูกชายด้วยกัน แล้วลูกชายก็ไม่ค่อยสมประกอบหรือว่าสมประกอบอันนี้ก็ดูไม่ออก เพราะเหี้ยมเป็นคนแปลก เวลาอยู่กับพ่อและแม่จะชอบทำตัวน่ารักหวานๆ ซึ่งขัดกับหน้าตา แต่เวลาอยู่ที่อู่จะหน้านิ่งเคร่งขรึม และที่สำคัญหน้ากับชุดไม่ให้ความร่วมมือกันเสียเลย ชุดไปทาง หน้าตาไปทาง นั่นแหละลูกชายของนางและสามี แต่ที่แปลกทำไมสาวๆ ต่างมาติดลูกชายของเขา ทั้งๆ ที่มองยังไงก็เหมือนกะเทยควาย ยิ่งตอนนี้ล้วงเอาลิปสติกจากกระเป๋ากางเกงออกมาทาปากอีกแล้ว นางมองแล้วก็เบะปากคว่ำทันที
“ปากแห้งครับแม่พลอย” เขาเห็นผู้เป็นแม่เบะปากคว่ำใส่ก็เลยตอบเย้าแหย่ผู้เป็นแม่ทันทีเมื่อทาลิปสติกเสร็จ
“จ้ะ! ทั้งๆ ที่เพิ่งจะทาก่อนเดินมานั่งเนี่ยนะ”
หึหึ
เหี้ยมทำเพียงยิ้มขำในลำคอกับคำพูดของผู้เป็นแม่ ก่อนจะลุกขึ้นหอมแก้มของแม่ผู้ให้กำเนิดและพ่อที่เคารพรักก่อนจะไปทำงานที่อู่
หาญกับภรรยายิ้มให้ลูกชายจนลับสายตา ก่อนจะประคองกันลุกขึ้นเพื่อจะไปทำงานที่โรงพยาบาลเหมือนกัน แม้ว่าทั้งสองจะแต่งงานมีลูกโต แต่ก็ยังคงความหวานและความเอาใจใส่ซึ่งกันและกันให้เห็นอยู่ตลอดเวลา