ศิวดลแค่นขำเมื่อเห็นท่าทีของอาอี้ที่ทั้งโกรธ โมโห สับสน ไร้ทางเลือก ในเมื่อสงสัยเขาก็จะตอบให้ จะได้เลิกโวยวาย “เพราะว่าเธอต้องอยู่ในสายตาฉัน ไม่งั้นเธอจะไปก่อความวุ่นวายให้เพื่อนฉันอีก เธอมันเด็กเอาแต่ใจ ไม่มีหัวคิด สมองทำงานแต่ด้านแย่ ๆ พูดสั้น ๆ ก็ฉันไม่ไว้ใจเธอ สรุปจะยังไง จะเรียนไหม ถ้าไม่เรียนก็ทำงานบ้านใช้หนี้ฉันมา”
“...” อาอี้ยืนจ้องหน้าเจ้าหนี้ หนี้ที่เธอไม่ได้ก่อและไม่ได้ใช้สักบาท ถึงคนอื่นจะมองว่าเธอเป็นเด็กใจแตก แต่แล้วยังไง เธอรู้ตัวเองดีว่าเธอเป็นแบบไหน เธอไม่ได้สนใจผู้ชายคนอื่นด้วยซ้ำ ที่เธอสนใจมีแค่พี่นิก ที่เธอต้องการมีแค่พี่นิก เธอแค่ทุ่มรักให้พี่นิกแล้วก็อยากให้พี่นิกรักเธอ อยากให้เขาเป็นของเธอ สนใจเธอ เพราะอยากได้เขามากกลัวเขาจะคืนดีกับแฟน กลัวจะไม่มีโอกาสอีกเธอถึงได้เลือกทำในเรื่องที่ไม่ควรทำ
“อย่าคิดที่จะพูดว่าจะออกไปทำงานข้างนอกเอาเงินมาใช้หนี้ฉัน เธอไม่ได้สิทธิ์นั้น ทางเลือกเธอมีแค่สองทาง อยู่บ้านตลอด 24 ชั่วโมงและไปเรียน อ้อ ถ้าเธอเลือกไปเรียนแล้วฉันรู้ว่าเธอกลับไปก่อความวุ่นวายให้เพื่อนฉัน ฉันจะให้เธอออกจากมหาวิทยาลัยทันที คงรู้ใช่ไหมว่าฉันไม่ได้แค่ขู่”
“...” การเลือกทางเดินชีวิตที่คิดนานไม่ได้ทำให้อาอี้เลือกที่จะเซ็นชื่อลงในใบสัญญาเงินกู้เป็นคำตอบว่าเธอเลือกจะเรียน อย่างน้อยเธอควรมีอนาคตที่ดี วันข้างหน้าเมื่อหมดหนี้ชีวิตของเธอคงดีขึ้น ทุกเรื่องในชีวิตของเธอคงไม่แย่ไปตลอดมั้ง
“ถือว่ายังมีความฉลาดอยู่บ้าง” ศิวดลแสยะยิ้มก่อนจะเปิดลิ้นชัก โยนเงินสดสองแสนลงที่โต๊ะทำงาน ปึก! “ฉันให้เธอกู้แค่นี้ เทอมต่อ ๆ ไปเธอต้องรู้จักเก็บเอาเอง แล้วอย่าคิดหนีล่ะเพราะมันไม่มีทางเป็นไปได้”
“ขอบคุณค่ะ” อาอี้รับเงินมาถือแล้วยกมือไหว้
จะว่าเขาใจร้ายใจดำกับเธอก็ไม่ใช่ เขายังให้โอกาสเธอได้เรียน มีงานให้เธอทำทั้งที่เธอเป็นลูกหนี้ที่ไม่มีปัญญาหาเงินมาคืนเขาได้ในเร็ววัน แต่ใจก็ส่วนใจดี ใจร้ายก็ส่วนใจร้าย เขาน่ะชอบแดกดัน ชอบมองด้วยสายตาขยะแขยงเธอมาก ๆ
“แล้วอย่าคิดอ่อยเด็กที่มาทำงานให้ฉัน ฉันไม่ชอบเรื่องวุ่นวาย ถ้าเธอคิดจะมีแฟนก็เลือกที่ไม่มีเจ้าของ เธอจะทำชีวิตเธอยังไงก็ได้ แต่อย่าให้เรื่องยุ่งยากมาถึงฉัน อย่าลืมว่าพ่อเธอขายเธอให้ฉันแล้ว”
“ค่ะ” ก็ไม่ได้คิดจะมีความรักอีกแล้วเถอะ รักที่แอบรักมาหลายปี รักที่ทำให้เธอกล้าทำเรื่องไร้ศักดิ์ศรี ความรู้สึกแบบนั้นไม่เอาอีกแล้ว ต่อไปนี้จะตั้งใจเรียนตั้งใจทำงานใช้หนี้ให้จบ ๆ ไป
“ไปได้แล้ว”
“แล้วรูปอี้...”
“อยู่ที่ฉัน แต่รับรองได้ว่าฉันไม่เปิดดูและไม่คิดเผยแพร่ถ้าเธอไม่คิดหนี”
“อี้ไม่คิดจะหนีอยู่แล้ว เฮียลบได้ไหมคะ”
“ฉันไม่มีความจำเป็นต้องเชื่อคำพูดของเด็กขี้โกหกอย่างเธอ”
“...” อาอี้ยืนมองหน้าเฮียหิน เธอกัดฟันแน่น ดวงตาเริ่มเอ่อคลอด้วยความเจ็บใจ ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าถ้าเธอยอมพูดความจริงกับเพื่อนของเขา เขาจะลบรูปไม่น่ามองพวกนั้นออก เขาพูดดิบดีแต่พอเอาเข้าจริงก็เปลี่ยนประเด็น เป็นผู้ใหญ่ที่น่านับถือจริงเหรอ ทำไมพูดกลับกลอกแบบนี้
“เริ่มงานคิดบัญชีเย็นนี้เลยนะ งานบ้านเธอค่อยเริ่มพรุ่งนี้ ถ้าเปิดเรียนเมื่อไหร่เธอก็ต้องจัดเวลาให้เป็น อย่าให้การเรียนของเธอมากระทบงานฉัน เรื่องง่าย ๆ แค่นี้เธอคงจะทำเป็นนะ”
“ค่ะ” อาอี้ก้มหัวให้เฮียหินหนึ่งครั้งแล้วหันหลังเดินออกจากห้อง แต่แล้วเธอก็ฉุกคิดบางอย่างจึงหันกลับมาถาม “เฮียหมายถึงให้อี้ย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้เหรอคะ”
“ใช่ แม่บ้านก็ต้องอยู่ทำงานบ้าน เธอเข้าใจอะไรยากขนาดนั้น”
“อี้ขออยู่หอเหมือนเดิมได้ไหมคะ”
“เงินเดือนเธอหักแล้วเหลือเจ็ดพัน ค่าห้องเธอเท่าไหร่น้ำไฟอีก ค่ากินค่าอยู่เธอคิดว่าจะพอไหม คิดสิคิด”
“อี้ทำพาร์ทไทม์อยู่ค่ะ อี้ว่าน่าจะ...”
“นี่เด็กน้อย เธอเป็นลูกหนี้ฉัน เธอคิดว่าการที่ฉันอนุญาตให้เธอเรียนคือฉันใจดีมากหรือไง ฉันให้เวลาย้ายสัมภาระเข้ามาให้เรียบร้อยภายในสี่โมงเย็น ห้าโมงเธอต้องมาทำงาน ไปจัดการลาออกจากที่ทำงานของเธอให้ครบทุกที่ด้วย”
“บางที่เขาก็จะไม่จ่ายเงินถ้าทำไม่ครบ”
“ที่หอบอยู่น่ะอะไร อย่าขัดคำสั่ง อย่าให้ต้องพูดบ่อย ๆ ได้ไหมวะ”
“ขอโทษค่ะ” อาอี้ถอนลมหายใจแล้วเดินออกจากห้องทำงาน