สิบเอ็ดโมงตรงพอดิบพอดี..
“ยายพราวออกไปไหนแต่เช้าหรือป้าอ่อน จะให้ทาเล็บเท้าให้หน่อย”
แพรวดาวที่พึ่งจะตื่นนอน ถามหาน้องสาวเมื่อตามหารอบบ้านแล้วไม่พบ
ป้าอ่อนยังไม่ทันจะตอบ แพรวดาวก็พูดขึ้นมาอย่างหัวเสียซะก่อน
“สงสัยไปอ่อยพี่รามอีกแล้วแน่เลย ยายเด็กนี่ ทำไมต้องมาแย่งผู้ชายของฉันด้วยนะ”
“คุณแพรวมีผู้ชายในสต็อกตั้งเป็นสิบคน แบ่งให้น้องให้นุ่งสักคนไม่ได้หรือคะ เดี๋ยวบ่ายสามคุณรณนสุดหล่อพ่อรวยก็จะมารับคุณแพรวแล้วนี่คะ”
คำพูดประชดประชันของป้าอ่อน คนรับใช้เก่าแก่ที่แม้แต่พ่อของหล่อนยังไม่กล้าไล่ออก ทำให้หญิงสาวเดือดดาล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ป้าจะรู้อะไร... ยายพราวน่ะมันไม่ได้ไร้เดียงสาแบบที่มันชอบแสดงออกหรอกนะ”
“ป้าว่าคุณแพรวไปแต่งตัวดีกว่าค่ะ มัวแต่กัดจิกน้องตัวเอง จะแต่งตัวสวย ๆ ไม่ทันนะคะ”
“นี่ป้า... ฝากไว้ก่อนเถอะ...”
แพรวดาวรีบสะบัดก้นขึ้นไปบันไดไปยังห้องนอนของตัวเองทันที พลางมองเวลาที่ฝาผนังห้องตัวเองอย่างกังวลใจ
วันนี้หล่อนนัดไปเที่ยวกับคุณรณนลูกชายมหาเศรษฐีประจำจังหวัด กว่าจะกลับมาก็คงดึกดื่น และก็คงมาตามนัดพี่รามไม่ทันแน่ แล้วหล่อนจะทำยังไงดีนะ
“ปวดหัวจริงโว้ย รถไฟชนกันอีกแล้ว...” บ่นอย่างหัวเสีย ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงแรง ๆ สมองคิดหาหนทางไม่หยุด และสุดท้ายก็คิดออกจนได้
“นังพราว... มีแต่แกคนเดียวจะช่วยฉันได้...”
แพรวดาวระบายยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะรีบลุกขึ้นเข้าห้องน้ำชำระล้างร่างกายจนสะอาดเอี่ยม ก่อนจะแต่งตัวมานั่งรอพราวฟ้าที่โต๊ะหน้าบ้าน
ในสวนมะม่วง...
พราวฟ้ากำลังปีนป่ายต้นมะม่วงเพื่อจะเก็บผลมะม่วงที่เหลืองอร่ามมากิน โดยมีรามิลพรวนดินอยู่ที่ใต้ต้น
“เดี๋ยวก็ตกลงมาแข้งขาหักกันพอดี ลงมาเถอะ...”
รามิลพูดอย่างอดห่วงไม่ได้ ก็แม่สาวน้อยเล่นเป็นลิงเป็นค่างอยู่ข้างบนต้นมะม่วงที่ถึงแม้จะไม่สูงเท่าไหร่ แต่หากตกลงมาก็เจ็บไม่น้อย
“พราวกับต้นไม้เป็นของคู่กัน ไม่มีตกหรอก ปีนมาตั้งแต่เกิด...”
โอ้อวดด้วยความเชื่อมั่นในฝีมือของตัวเอง แต่เหมือนพระเจ้าลงโทษ เพราะเท้าบอบบางขาวสะอาดในรองเท้าผ้าใบดันก้าวพลาด และผลก็คือร่างบอบบางในชุดเสื้อยืดตัวใหญ่กับกางเกงขาสั้นร่วงตุบลงมาตรงหน้าของรามิลอย่างไม่มีการเตือนล่วงหน้า
“โอ๊ย!...”
ชายหนุ่มตกใจ รีบเข้าไปดูร่างบอบบางที่นอนแอ้งแม้งอยู่ห่างแค่ไม้บรรทัดเดียวตรงหน้าอย่างตกใจ ปนห่วงจนหน้าซีด
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า พี่เตือนแล้วก็ไม่ฟัง ไหนดูขาสิ...”
มือหนาใหญ่สีแทนค่อย ๆ จับที่ข้อเท้าเบา แต่กระนั้นมันก็ทำให้เด็กสาวร้องลั่น
“เจ็บพี่ ราม... เจ็บ...”
“สงสัยขาหักแล้วมั้งเนี่ย...”
ชายหนุ่มแกล้งพูด แต่พราวฟ้าตกใจจริง ๆ ร้องเสียงหลง
“ไม่นะ...! หักไม่ได้ แล้วพราวจะปีนต้นไม้ได้ยังไงกันล่ะ”
รามิลส่ายหน้า พูดเสียงดุ
“นี่แม่คุณ พึ่งตกต้นไม้ แล้วยังคิดจะปีนขึ้นไปอีกหรือ...”
พราวฟ้ายิ้มแหย ๆ
“ก็คนมันชอบนี่...”
ชายหนุ่มพ่นลมออกจากปากอย่างหนักใจ กับความซนของสาวน้อย
“เอาเถอะ รักษาให้หายซะก่อน มานี่พี่จะพาไปทายา”
ว่าแล้วก็อุ้มร่างเล็ก ๆ แต่หนักเอาการของพราวฟ้าขึ้นมาแนบอก หญิงสาวอายจนหน้าแดงก่ำ
“เห็นตัวเล็ก ๆ บาง ๆ ไม่นึกว่าจะหนักขนาดนี้ นี่กินหมูเข้าไปทั้งตัวหรือไงนะ...”
แซวไปหัวเราะไป ขณะเดินมุ่งหน้าไปยังบ้านของตนเอง พราวฟ้าเขินจัดจนพูดไม่ออก ได้แต่ซบหน้ากับแผงอกกว้างที่เคยเฝ้าฝันมานานอย่างปลื้มใจ
บ่ายสองโมงครึ่ง...
พราวฟ้าเดินกะเผลกเข้ามาในบ้าน แพรวดาวที่รณนยังไม่มารับมา เห็นก็รีบวิ่งมากระชากน้องสาวให้หลบไปคุยที่ริมท่าน้ำข้างบ้านอย่างรวดเร็ว
“ช้าสิพี่แพรว พราวเจ็บขาอยู่นะ...”
สะบัดมือออกจากการจับกุมของพี่สาว พร้อมกับเบ้หน้าด้วยความเจ็บ ก่อนจะนั่งลงกับเก้าอี้อย่างหมดแรง
“อย่ามาทำสำออยเลยน่า ที่เจ็บขานี่ก็เพราะไปเฝ้าพี่รามที่สวนมะม่วงมาใช่ไหม”
“ถ้าใช่แล้วจะทำไม... พี่แพรวจะมาหึงอะไรพราว ในเมื่อพี่รามเขารักพี่แพรวคนเดียว ไม่เหมือนกับพี่แพรวหรอกที่รักได้ทุกคน”
เพี๊ยะ!...
เสียงฝ่ามือแหวกอากาศกระทบลงบนเนื้อดังสนั่น พราวฟ้าหันไปตามแรงกระแทกนั้น มือบางยกขึ้นกุมแก้มที่ชาดิกของตนเองทั้งน้ำตา ก่อนจะลุกขึ้นยืน กำลังจะเดินหนีไปแต่แพรวดาวก็ข่มขู่ซะก่อน
“จำไว้อย่ามาปากดีกับฉัน และหากแกยังอยากให้พี่รามอยู่ในสวนมะม่วงต่อไป แกก็ต้องทำตามคำสั่งของฉัน”
“พี่แพรวจะให้ฉันทำอะไรอีกล่ะ ฉันเจ็บขาเห็นไหม”
แพรวดาวยิ้มหยัน มองข้อเท้าที่มีผ้าเช็ดหน้าที่หล่อนพอจะเดาได้ว่ามันเป็นของใคร ก่อนจะเงยหน้าขึ้นประสานสายตากับน้องสาว