รามิลถามขึ้นเมื่อทั้งคู่เลิกกอดจูบกันเรียบร้อยแล้ว ดวงตาคมกล้าจ้องมองอย่างรอคำตอบ แพรวดาวอึกอักไม่รู้จะตอบยังไง จนสุดท้ายหล่อนก็โยนความผิดให้กับพราวฟ้าอีกครั้ง
“ยายพราวจ้ะ อยากได้... แพรวรักน้อง ก็เลยต้องให้ไป... ทั้งที่แพรวรักสร้อยเส้นนี้มาก พี่รามอย่าโกรธแพรวนะ แพรวพยายามแล้ว...”
น้ำตาหยดแหมะออกมาจากตาราวกับสั่งได้ และรามิลที่รับฟังเรื่องเสีย ๆ หา ยๆ ของพราวฟ้าจากปากของแพรวดาวมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็เริ่มจะคล้อยตาม ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนไม่เคยคิดจะเชื่อแม้แต่นิดเดียว
“พรุ่งนี้พี่จะคุยกับพราวให้รู้เรื่อง...”
แพรวดาวหน้าตาตื่น “อย่านะพี่ราม...” รามิลตวัดสายตาคมมองหญิงคนรักด้วยความเคลือบแคลง
“ทำไมล่ะ แพรวกลัวอะไร...”
“เอ่อ...แพรว... แพรวไม่อยากทะเลาะกับน้อง และอีกอย่างถ้ายายพราวโกรธ เราก็จะพบกันไม่ได้ เพราะยายพราวต้องไปฟ้องพ่อ”
ใบหน้าของรามิลกระด้าง แววชิงชังกระเด็นออกมา “แต่พี่ตั้งใจซื้อให้แพรว เพราะพี่รักแพรว”
มือบางของแพรวดาวแกล้งแตะต้นแขนกำยำของผู้ชายที่ทำหน้าบึ้งโกรธเคืองพราวฟ้าสมใจหล่อนอย่างนุ่มนวล ก่อนจะพูดเสียงอ่อนหวาน
“แพรวไม่เคยเห็นของใดมีค่าเท่าหัวใจของพี่รามเลยนะคะ แค่พี่รามรักแพรวคนเดียว แค่นี้แพรวก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว...”
“โธ่ คนดีของพี่...”
รามิลจ้องมองสาวคนรักอย่างรักใคร่ ก่อนจะดึงเข้ามากอดแน่น พราวฟ้าแอบชำเลืองมองด้วยหัวใจที่แตกสลาย สมเพชตัวเองที่สุด
“แพรวต้องขอตัวกลับก่อนนะพี่ราม ดึกมากแล้วเดี๋ยวพ่อกลับจากงานบวชซะก่อน...”
ชายหนุ่มรูปหล่อคลายอ้อมกอด ระบายยิ้ม จ้องมองหญิงสาวที่ทำเขินอายตรงหน้าด้วยสายตารักใคร่
“แต่พี่ยังไม่หายคิดถึงแพรวเลย... ไม่อยากให้กลับ...”
แพรวดาวอมยิ้ม รู้สึกภูมิใจนักที่ไม่มีชายใดต้านเสน่ห์นางจากหล่อนได้สักคน “แพรวต้องไปจริง ๆ จ้ะ พี่รามอย่าเกเรสิจ๊ะ...”
“งั้นพรุ่งนี้เรามาเจอกันที่นี่ใหม่นะ...”
รามิลเอ่ยขึ้นจ้องมองใบหน้างามของแพรวดาวอย่างคาดหวัง หญิงสาวอึกอักไปทันที เพราะพรุ่งนี้หล่อนมีนัดกับผู้ชายอีกคนหนึ่ง คนที่บิดาหมายมั่นปั้นมือจะให้เป็นคู่ครอง แถมเขาคนนั้นก็หล่อเหลาไม่แพ้รามิล และก็ยังรวยล้นฟ้าอีกต่างหาก
“เอ่อ... คือ...แพรว...”
“แพรวไม่คิดถึงพี่เหรอ หรือว่านัดกับหนุ่มคนไหนไว้...”
คำพูดที่แทงใจดำสุด ๆ ของผู้ชายตรงหน้าทำให้แพรวดาวต้องรีบส่ายหน้า และรับปากส่ง ๆ ไป
“คิดถึงสิจ๊ะ แพรวจะมาจ้ะ”
ปากหยักสวยของรามิลฉีกยิ้มกว้าง
“สัญญานะแพรว อย่าให้พี่รอเก้อเหมือนเมื่อสองวันก่อน พี่ทรมานเพราะคิดว่าแพรวไม่รัก...”
“สัญญาจ้ะ แพรวสัญญา งั้น... แพรวไปก่อนนะจ๊ะ”
รามิลพยักหน้ารับ ก่อนจะก้มลงจรดจมูกโด่งเป็นสันกับแก้มนวลฟอดใหญ่
“ระวังตัวด้วยนะพี่เป็นห่วง...”
แพรวดาวทำเอียงอาย “ขอบคุณจ้ะพี่ราม... ยอดรักของแพรว...”
พราวฟ้าที่ยืนรอด้านนอกไม่ไหวเดินเข้ามาตาม เพราะเห็นว่าใกล้เวลาที่กำนันพลกิจจะกลับบ้านแล้ว และหากถูกจับได้ว่าออกมาหาผู้ชาย แพรวดาวหรือแม้กระทั่งหล่อนก็ต้องถูกเฆี่ยน
“ล่ำลากันเสร็จหรือยังล่ะ พ่อจะมาแล้วนะ”
ทั้งรามิลและแพรวดาวหันมาทางเสียงห้วนคล้ายไม่พอใจของพราวฟ้า
“รู้แล้วล่ะน่า กำลังจะกลับนี่แหละ...”
น้ำเสียงของแพรวดาวที่พูดกับน้องสาวไม่นุ่มนวลเหมือนกับตอนที่พูดกับรามิลแม้แต่น้อย
รามิลชำเลืองมองใบหน้านวลของเด็กพราวฟ้าด้วยสายตาไม่ค่อยชอบใจนัก ยิ่งได้เห็นสร้อยคอที่ตัวเองใช้เงินทั้งหมดที่มีซื้อไปให้แพรวดาวหญิงคนรัก แต่สุดท้ายก็ดันไปอยู่บนคอระหงของพราวฟ้าอย่างน่าเจ็บใจ
พราวฟ้าที่เห็นสายตาของรามิลจับจ้องอยู่ที่สร้อยคอ หล่อนจึงรีบดึงมือพี่สาวให้รีบเดินออกมาอย่างรวดเร็ว เพราะหากรามิลถามหล่อนก็ไม่กล้าพอที่จะบอกว่าแพรวดาวไม่ต้องการสร้อยเส้นนั้น
“ไปเถอะพี่แพรว...”
ชายหนุ่มมองตามร่างของสองสาวพี่น้องที่คนหนึ่งงดงาม อ่อนหวาน แต่อีกคนหนึ่งแก่นแก้ว ร้ายกาจ ไปจนลับสายตา ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปยังบ้านพักหลังกะทัดรัดของตนที่ปลูกอยู่ในสวนมะม่วงของกำนันพลกิจในทันที
พราวฟ้าเดินนำพี่สาวของตนเองมาได้สักระยะหนึ่ง ก็หันไปถามแพรวดาวด้วยความสงสัย เพราะเห็นรามิลมองสร้อยที่คอของหล่อน แล้วทำหน้าแปลก ๆ
“พี่แพรว พี่บอกอะไรกับพี่ราม ทำไมเขาถึงมองฉันแปลก ๆ แถมยังมองสร้อยที่คอฉันอีก...”
แพรวดาวเหยียดยิ้มในความมืด
“ก็เปล่านี่ เขาถามว่าสร้อยไปไหน ฉันก็บอกว่าให้แกไป เพราะแกอยากได้ก็เท่านั้น...”
พราวฟ้าตกใจแทบช็อก
“นี่พี่จะบ้าเหรอ ฉันนี่นะอยากได้ พี่ให้ฉันเองไม่ใช่เหรอ พูดยังนี้ได้ยังไง พี่รามก็เกลียดฉันแย่นะสิ”
เมื่อเห็นน้องสาวที่อ่อนกว่าถึงสามปีโวยวายลั่นทุ่ง แพรวดาวก็หัวเราะออกมาอย่างขบขัน
“ทำไมต้องกลัวพี่รามเกลียดด้วยล่ะ แอบรักเขาอยู่หรือไง...”
พราวฟ้านิ่งไปชั่วขณะ พูดไม่ออก แพรวดาวจึงพูดขึ้นต่อและมันก็ถูกต้องทุกอย่าง
“อย่าคิดนะว่าฉันดูไม่ออก และที่แกวนเวียนไปที่สวนบ่อย ๆ นะ ก็เพราะอยากอยู่ใกล้ ๆ พี่รามใช่ไหมล่ะ...”
“มะ ไม่ใช่... พี่...พี่แพรวคิดมาก...”
แพรวดาวเหยียดยิ้มหยัน
“โอ๊ย... ฉันไม่ได้หึงหวงอะไรหรอก แค่อยากจะเตือนแกไว้เท่านั้นเอง ว่าในสายตาของพี่รามน่ะมีฉันเพียงคนเดียว แกมันก็แค่เด็กเหลือขอที่ไล่ตามตื๊อเขาเท่านั้น และอย่าคิดนะว่าการที่พี่รามไม่พูดกับแกแรง ๆ ยามที่แกไปหาน่ะเพราะเขาพิศวาสแก แต่ที่เขาไม่พูดไม่ว่า ก็เพราะบารมีพ่อยังไงล่ะ...”
เจ็บแปลบเข้าไปในอกลึก พยายามซ่อนน้ำตาเอาไว้สุดฤทธิ์ ก่อนจะโต้ตอบออกไปเสียงแข็ง เพื่อปิดบังความร้าวรานในใจของตนเอง
“พี่จะคิดยังไงก็ช่าง... แต่ฉันบริสุทธิ์ใจซะอย่าง ฉันไม่เคยคิดจะแย่งพี่ราม หรือแม้แต่ผู้ชายคนอื่น ๆ ของพี่แพรวแม้แต่คนเดียว ถึงแม้จะรู้อยู่เต็มอกว่าพวกเขาถูกพี่แพรวหลอกก็ตาม”
แพรวดาวกัดฟัน กระชากไหล่น้องสาวที่เดินนำอยู่ข้างหน้าให้หยุดเดิน ก่อนจะเดินอ้อมไปเผชิญหน้า พราวฟ้าเบือนหน้าหนีสายตาที่เต็มไปด้วยโทสะของพี่สาวอย่างเบื่อหน่าย
แพรวดาวคือลูกรักของพ่อ ส่วนหล่อนคือลูกที่พ่อไม่รัก ไม่ว่าแพรวดาวจะพูดอะไร ทำอะไร พ่อจะเห็นดีไปด้วยทุกอย่าง ส่วนหล่อนไม่เคยทำอะไรเข้าตาพ่อเลย
“แกด่าฉันงั้นเหรอนังพราว!...” เงื้อมือจะฟาดหน้าของน้องสาว
“ถ้าพี่ตบฉัน... รับรองได้เลยว่า ฉันจะไม่มาเป็นคนดูต้นทางให้พี่อีก”
มือบางชะงักกลางอากาศ ก่อนจะสะบัดลงอย่างลำตัวอย่างเดือดดาล
พราวฟ้ามองพี่สาวอย่างระอา ก่อนจะหมุนตัวเดินมุ่งไปยังบ้านของตนโดยไม่หันกลับมามองแพรวดาวแม้แต่ครั้งเดียว
“แกคิดว่าฉันกลัวแกหรือไงนังพราว!...”
ร้องออกมาด้วยความเจ็บแค้น ขณะกระทืบเท้าเร่า ๆ ด้วยความเกรี้ยวกราด ก่อนจะรีบวิ่งตามน้องสาวไปอย่างรวดเร็ว
ตอนนี้คราบนางเอกผู้อ่อนหวาน อ่อนแอ ไม่หลงเหลืออยู่เลย มีแต่คราบนางมารร้าย ที่กำลังจะขย้ำหัวน้องสาวแท้ ๆ ของตนเอง