...
“ร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวค่า!” มีนากระเซ้าขึ้นเสียงดังยกแก้วชูเป็นเรื่องเป็นราว เรียกเสียงหัวเราะของทุกคนบนโต๊ะได้อย่างดี
“อีบ้า” มิ้งว่าให้เพื่อนแล้วส่ายหัวอย่างไม่จริงจัง หยิบแก้วนั่งดื่มและพูดคุยกันด้วยความสนิททั้งสี่คนโดยมีภูนั่งข้างกายของเธอ
แม้จะมีส่วนหนึ่งที่เป็นเจตนามาที่นี่เพื่อหวังเจอน้ำเหนือและประชดเขาอย่างไม่ใส่ใจ แต่พอเหล้าเข้าปากเรื่องอื่นก็ไม่สำคัญเท่ากับความสนุกของตัวเองอีกแล้ว
เวลาประมาณตีหนึ่งเป็นช่วงที่ทุกคนกำลังได้ที่ถูกมอมเมาด้วยเหล้าแทบหลงลืมตัวตน ดีเจบนเวทีไม่รอช้าที่จะเปิดจังหวะหนักมันๆ อย่าง EDM สะเทือนถึงหน้าอก
แม้ชั้นสองจะเป็น VIP ดูส่วนตัวกว่าชั้นหนึ่ง แต่มันก็มีส่วนที่เป็นพื้นที่ให้ออกสเตปกันอย่างเมามันไม่ต่างกัน
สาวสามนั่งไม่ติดโต๊ะทันทีเมื่อจังหวะหนักๆ ดังขึ้นปลุกฮือไฟในกายของนักท่องราตรี แก้วในมือคนละใบวางไม่ลง ร่างกายเริ่มขยับเคลื่อนไหวอย่างเมามันบิดพริ้วดูยั่วยวนเชิญชวนไม่น้อย
“มาๆ ลุกเลย!” มิ้งพูดพร้อมกับหันไปดึงแขนของภูให้ลุกขึ้นสนุกกับพวกเธอ
“เราเต้นไม่เป็น” ภูขยับกระซิบบอกข้างหูอย่างไม่ปิดบังเลย เขาเป็นคนที่เต้นไม่เป็น ไม่รู้จะเต้นยังไงมากสุดก็แค่โยกขยับหัวและตัวเบาๆ เท่านั้น
“เดี๋ยวมิ้งสอนให้!” มิ้งพูดแข่งกับเสียงดนตรีก่อนจะจับแขนแกร่งทั้งสองข้างแล้วยกตามจังหวะของเธออย่างนึกสนุก
แต่ท่าทางที่สนุกก่อนหน้านี้ของเธอได้เปลี่ยนไปตามเครื่องที่ร้อนของร่างกายที่ได้ที่ จากสอนภูเต้นเล่นๆ ให้สนุกไปด้วยกันกลายเป็นเธอที่กำลังเต้นใส่คนตรงหน้าตามที่ร่างกายเคลื่อนไหว
เธอสัมผัสเขาบ้าง เบียดเขาบ้าง ใกล้ชิดเขาบ้าง แล้วก็ถอยห่างออกไปบ้าง สายตาที่กรึ่มเมาแสนยั่วยวน รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ดูร้ายกาจ รูปร่างหน้าตาที่ลงตัว ยิ่งอยู่ในการเคลื่อนไหวที่บิดพริ้วยิ่งทำให้คนมองราวกับตกอยู่ในภวังค์จนละสายตาไม่ได้
ภูได้แต่ยืนมองเธอด้วยรอยยิ้มและสายตาแห่งความหลงใหล เขารู้ว่าเธอยังไม่ได้คิดอะไรกับเขาเกินกว่าเพื่อน แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งได้รู้จักและใกล้ชิด ก็อยากคบกับเธอจริงๆ
คบที่ไม่ได้แค่คิดหวังเหมือนผู้ชายส่วนใหญ่คิด
แต่ก็
พรึ่บ!
“อ๊ะ!” แรงกระชากอย่างแรงดึงมิ้งจนแทบหงายไปอย่างไม่ตั้งตัว ดีที่เธอชนเข้ากับคนกระชากนั่นแหละเลยไม่ล้มลงไป “น้ำเหนือ”
พอหันไปมองถึงได้รู้ว่าใครจะหยาบคายกับเธอได้เท่ากับคู่หมั้นของเธออีกแล้วล่ะ
น้ำเหนือเห็นตั้งแต่มิ้งนั่งดื่มแล้ว ตอนแรกว่าจะไม่สนใจ แต่พอหันมาอีกทีก็เห็นเธอลุกขึ้นเต้นกับเพื่อนอย่างสนุกสนาน ก็ยังเลือกจะไม่แยแสอะไรแม้เพื่อนร่วมโต๊ะจะกวนบาทาไม่หยุด
“ไอ้นั่นแทบจะอุ้มเมียมึงเกยตักแล้วนะ” สิงหา
“ไม่สนจริงดิ” เพลิน
“เมินเขามากระวังเขาหนีไปเอาผัวใหม่จริงๆ นะ” ภัทร
พวกแม่งเอาแต่พูดน่ารำคาญทั้งที่เขาไม่คิดจะสนใอจะไร แค่เห็น รับรู้ แล้วก็ปล่อยไป
จนพวกมันไม่หยุดพูด
“เชี้ย! มองเมียมึงขนาดนั้นไม่ลากกลับด้วยเลยหรอวะ” สิงหา
“มิ้งแม่งก็เซ็กซี่ชิบหาย ไม่รู้จักระวังตัวกับผู้ชายเลย” เพลิน
“เป็นกูเจอแบบนั้นก็ไม่ทนนะ” ภัทร
ปึก! เสียงแก้วเหล้าในมือของเขากระแทกลงโต๊ะด้วยความรำคาญเสียงของเพื่อนทั้งสามคน สายตาที่มันมองไปยังโต๊ะของมิ้งอยู่ตลอดกลับมามองเขาอีกครั้ง
“หนวกหู!” น้ำเหนือว่าขึ้นก่อนจะก้าวออกจากโต๊ะประจำบนชั้นสอง
“ไปตามเมียกลับบ้านหรอ!” เสียงสิงหาไล่หลังมา
แต่เขาไม่ได้ตอบอะไร ทำได้เพียงเดินตรงมายังโต๊ะของผู้หญิงน่ารำคาญที่ไม่รู้จักไว้หน้าเขาด้วยความหงุดหงิด
“ร่านดีจังเลยนะ” เขาว่าออกมาด้วยเสียงเย็นสะท้าน
“ถ้าจะมาแล้วปากหมาแบบนี้ก็ไปไกลๆ ไป!” มิ้งว่าอย่างหงุดหงิดพยายามดึงมือตัวเองออกจากมือใหญ่ที่บีบเธอไว้แน่นจนเจ็บ
“ก็แรดเกินมิ้ง พาชู้มายั่วกันในคลับผัวน่ะ” น้ำเหนือยังพูดไม่หยุดกับการกระทำของเธอ
“ผัว?” มิ้งถึงกับทวนขึ้นอย่างเก็บอาการและแสดงออกไปแค่ความไม่แยแส “ไม่เห็นจำได้ว่ามี”
ปฏิเสธความเป็นผัวเมียกับเธอมาตลอด วันนี้ผีเข้าอะไรมาประกาศต่อหน้าคนอื่นว่าเป็นผัวเธอ
“แล้วไอ้ที่รอให้กลับไปกระแทกทุกคืนคืออะไร” น้ำเหนือย้อนกลับอย่างเริ่มหัวเสียกับท่าทางของคนตรงหน้า
“พูดให้มันดีๆ หน่อยน้ำเหนือ” แต่ละคำที่ออกมามีแต่ดูถูกเธอทั้งนั้น โกรธเกลียดอะไรขนาดนั้น “แล้วถ้าแค่เซ็กซ์นับผัวเมีย นายไม่มีเมียค่อนมอแล้วหรือไง”
ไม่ลืมแขวะกลับอย่างหมั่นไส้ แสร้งทำเป็นไม่สนใจการมีตัวตนของเขาเหมือนที่ผ่านมานี้
“จะให้ทำไง ในเมื่อนี่เสียค่าดองไปแล้ว” เขายังสรรหาคำยอกย้อนได้อย่างรวดเร็วเหมือนคิดไว้ล่วงหน้า
“ไปไกลๆ น้ำเหนือ บอกเองต่างคนต่างอยู่” เธอย้ำสิ่งสุดท้ายที่เขาพูดไว้
“มึงนั่นแหละที่ต้องไปไกลๆ ถ้าไม่อยากให้ยุ่งพาชู้มายั่วคลับกูเพื่อ?” น้ำเหนือสวนกลับ “หรือประชด?”
เลิกคิ้วถามพร้อมกระตุกยิ้มเย้ยหยัน
“ไร้สาระว่ะมิ้ง ลองไปทำแบบนี้ที่อื่นกูไม่สนหรอก แต่เพื่อนกูที่นั่งอยู่รู้ว่ามึงหมั้นกับกู ทำแบบนี้มันหักหน้ากันเลยต้องมายับยั้งความแรดเนี่ย” เขาพูดยาวเหยียดบอกให้เธอรู้ว่าที่มาไม่ได้สนใจการกระทำประชดกับชายอื่นของเธอ แต่แค่รักษาหน้าตัวเองเท่านั้น
“เออ ถ้าพูดจบแล้วก็ปล่อยจะไปที่อื่นแทน” พูดพร้อมกับผลักเขาให้ห่างจากตัว แต่เขาก็ยังไม่ยอมปล่อยมือเธอเหมือนเดิม
“แล้วมันต่างกันตรงไหน เพื่อนรู้เห็นหมดแล้ว ให้เดินออกไปพร้อมชู้ขายหน้าคนอื่นแย่” ยังคงมีเหตุผลที่ดูฟังขึ้นไม่น้อย
แต่สิ่งที่พูดกับสิ่งที่คิดตรงกันไหมไม่มีใครรู้ได้
“นายรู้จักอายด้วยหรอ ฉันก็เห็นนายมั่วอยู่กับผู้หญิงคนอื่นออกสื่ออยู่นี่” มิ้งอดไม่ได้จะย้อนการกระทำของเขา
“หึง?”
“ฉันย้อนสิ่งที่นายว่าฉันแต่ตัวเองทำอยู่” สีหน้าและน้ำเสียงดูนิ่งขณะพูด ไม่ให้เขารับรู้ว่าหึงจริงๆ
“หรอ” ตอบรับสั้นๆ ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย “แล้วดูแต่งตัวดิ ออกจากคลับไปยืนข้างทางคงไม่ถึงห้อง”
“น้ำเหนือ!”
หมับ! ภูที่ยืนฟังและดูเหตุการณ์มาตั้งแต่แรกทนไม่ไหวดึงมืออีกข้างของมิ้งเข้าหาตัวทันที แต่ก็ไม่ได้หลุดออกไปเพราะน้ำเหนือยิ่งบีบมือมิ้งไว้แน่น
“ถ้าบอกว่าเป็นผัวแล้วเอาแต่ด่าเมียตัวเองก็อย่าพูดคำนั้นออกมาดีกว่า” ภูพูดขึ้นจ้องมองน้ำเหนือไม่วางตา
“เสือก?” น้ำเหนือเลิกคิ้วถาม “คิดว่าที่ทำนี่เป็นพระเอกหรือไง”
“ที่แน่ๆ ภูไม่ใช่ตัวร้ายเหมือนนายแน่นอนน้ำเหนือ” เป็นมิ้งที่แทรกขึ้น
“เก็บอาการหน่อยมิ้ง ถ้าหวงชู้ขนาดนั้นก็ไปบอกพ่อให้ถอนหมั้น” น้ำเหนือพูดเสียงเรียบ แต่ฝ่ามือกลับออกแรงบีบแรงขึ้นเหมือนระบายอารมณ์ใส่คนปั่น
“รอให้ผู้ใหญ่อารมณ์ดีก่อน แล้วถึงตอนนั้นเดี๋ยวบอกเอง” ความหมายก็คือเรื่องธุรกิจที่ผู้ใหญ่กำลังทำกันอยู่ ซึ่งเขาก็น่าจะรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
“งั้นก็ต้องเก็บความแรดไว้ก่อน รอถอนหมั้นแล้วจะมั่วกับมันหรือใครกูไม่ยุ่ง”
ผั๊วะ!