หลิวอี้เฟยตกใจยิ่งนัก นางเกรงว่าบ่าวรับใช้ของตนจะได้รับอันตราย แต่ก็ไม่อาจพูดออกไปได้ คนผู้นั้นยังส่งเสียงเรียกไม่หยุด ท่าทางของหลิวอี้เฟยจึงดูประหลาดยิ่ง
นางอยากจะตะโกนกลับไปว่า ‘เหมยลี่เจ้าหุบปาก’ หลิวอี้เฟยไม่ต้องการให้คนผู้นี้รู้ว่านางคือผู้ใด
เสียงนี้ทำให้ซุนป๋อหลันยั้งมือเอาไว้ เขาจ้องใบหน้าของขันทีน้อยชั่วครู่ สำรวจใบหน้าเล็กโดยละเอียด
คนผู้นี้สวมอาภรณ์น้ำเงินของขันทีแต่กลับแต่งกายไม่เรียบร้อยนัก ใบหน้าเล็กงดงามดูบริสุทธิ์ไร้เดียงสาเหมือนคนที่ไม่เคยผ่านชีวิตวุ่นวายภายนอกมาก่อนผิดกับขันทีทั่วไปที่ล้วนเป็นผู้มีกลโกงอยู่ในตัว อีกทั้งน้ำเสียงยามตกใจเห็นได้ชัดว่าเป็นเสียงหวานของสตรี
สายตาคมเปล่งประกายสงสัย ยามวิกาลเช่นนี้ขันทีเหล่านี้ย่อมไม่ได้รับอนุญาตให้เดินเพ่นพ่านไปมาทว่าคนผู้นี้กลับมาหลบอยู่ในมุมมืด เหมือนกำลังวางแผนทำสิ่งใดสักอย่าง
มุมปากของซุนป๋อเหวินโค้งขึ้นทันใด
"เอาเถิด ชีวิตของเจ้าข้าจะละเว้น อย่าลืมคำพูดของตนเองเสีย สักวันเจ้าได้ชดใช้ให้ข้าแน่นอน เรื่องวันนี้หากเจ้าแพร่งพรายออกไปข้าจะเป็นผู้พรากชีวิตของเจ้าด้วยมือของข้าเอง"
หลิวอี้เฟยรีบพยักหน้า
"ข้าไม่พูด ข้าสัญญาด้วยชีวิต คืนนี้ข้าไม่เห็นสิ่งใดจริง ๆ"
"มองหน้าข้า แล้วสาบานออกมา"
หลิวอี้เฟยลืมตาขึ้นทันใด ยามนี้ใบหน้าของคนผู้นั้นห่างกับใบหน้าของนางพียงเล็กน้อย หลิวอี้เฟยผงะออกมาด้วยความตกใจ เขาหัวเราะเหยียดหยามความเขลาของนางผู้นี้
นางกลัวจนร่างชาไปหมดแล้ว เสียงที่เปล่งออกไปจึงสั่นระริก
"ข้าสาบานว่าข้าจะไม่พูด ข้าสาบานว่าต่อไปจะชดใช้ให้ท่านตามที่ท่านต้องการโดยไม่มีบิดพลิ้ว"
เพราะนางต้องเอาตัวรอด ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องรับปากเอาไว้ก่อน ชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะเห็นคนฆ่ากันด้วยตาตนเอง ตกใจจนขวัญผวาไปหมดแล้ว
สิ้นเสียงของนางคนผู้นั้นก็หายไปราวกับภูตผี ร่างของหลิวอี้เฟยอ่อนลงทันใด ยามนี้ไร้เรี่ยวแรงที่จะหนีแล้ว
"องค์หญิง ท่านอยู่ที่นี่เองหรือเพคะ บ่าวตามหาจนทั่ว"
เหมยลี่นางกำนัลคนสนิทโผล่ออกมาจากมุมมืด เมื่อเห็นสภาพไร้กระดูกของหลิวอี้เฟยแล้วต้องตกใจยิ่ง
"องค์หญิง เป็นอันใดเพคะ องค์หญิง"
เหมยลี่ประคองร่างของหลิวอี้เฟยเอาไว้ นางซบใบหน้าเข้าที่อกของนางกำนัลพร้อมกับถอนหายใจยาว บัดนี้ยังมีน้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย
"เหมยลี่ ข้าคิดว่าข้าพบกับพญายมเข้าแล้ว เหมยลี่ข้ายังไม่ตายใช่หรือไม่"
"ยังอยู่เพคะ ยังไม่ตาย องค์หญิงท่านไปเจอสิ่งใดกันแน่"
หลิวอี้เฟยน้ำตาไหลออกมา นางร้องไห้โฮ
"เหมยลี่ อึก! อึก! เขาน่ากลัวยิ่งกว่าผี ข้ากลัวจริง ๆ เหมยลี่"
นางกำนัลเหมยลี่ คิดว่าองค์หญิงของตนเองเจอผีเข้าแล้วจึงบังเกิดอาการขนลุกชัน คืนนี้นางกับองค์หญิงคิดหนีออกจากวังหลวงด้วยกัน ทว่าหัวหน้านางกำนัลกลับไหว้วานให้นางเข้าเวรแทน จึงได้นัดแนะองค์หญิงให้มารอที่นี่
คิดไม่ถึงว่าองค์หญิงจะเจอดีเข้าจนได้ เหมยลี่ก็เป็นคนกลัวผีมากคนหนึ่ง นางจึงมือไม้สั่นในยามที่ประคองร่างเล็กขององค์หญิงขึ้นมา
"พวกเราไปกันเถิดเพคะ ต้องรีบไปเข้ากลุ่มกับขันทีน้อยที่จะออกจากวังหลวงตอนรุ่งสาง ประเดี๋ยวไม่ทันกาล"
หลิวอี้เฟยปาดน้ำตาเหมือนเด็ก ๆ นางลุกขึ้นยืน ครานี้รู้สึกเจ็บแปลบที่เข่าขวา
ให้ตายเถิดเมื่อสักครู่นางเสียหลักล้มลงไป ด้วยความกลัวมากจึงลืมความเจ็บปวด ทว่าบัดนี้ไม่กลัวแล้วความปวดจึงเริ่มทำร้าย สุดท้ายไม่อาจเดินได้อย่างที่ใจคิด
เหมยลี่ประคองหลิวอี้เฟยอย่างระมัดระวัง พวกนางต้องรีบไปรวมตัวกับขันทีน้อยเพื่อแฝงกายออกจากวังหลวงแล้ว
ทว่ายังไม่ถึงที่หมาย จู่ ๆ พวกนางก็ถูกพบตัว ทหารจำนวนหนึ่งถือคบเพลิงกรูเข้ามารุมล้อม สตรีสูงวัยนางหนึ่งในชุดสีเขียวสดปักลายดอกบัวขาว บ่งบอกฐานะว่าคือนางกำนัลชั้นสูงเดินนำหน้าทหารพวกนั้นมา
"องค์หญิง จะเสด็จที่ใดหรือเพคะ"
หลิวอี้เฟยและเหมยลี่กอดกันกลม พวกนางต่างมองหน้ากันคล้ายจะถามกันและกันว่า
คนพวกนี้รู้ได้อย่างไร?
"พวกเจ้า ยังไม่รีบไปประคององค์หญิงอีก"
หวังมามาสั่งการเสียงเย็น นางกำนัลสองคนจึงรีบมาประคองหลิวอี้เฟยพร้อมกับผลักเหมยลี่ออกไป
"พวกเจ้าอย่าทำอะไรเหมยลี่นะ นางไม่เกี่ยวทั้งหมดล้วนเป็นความคิดของข้า"
หลิวอี้เฟยแม้จะเจ็บขาก็ขวางคนพวกนั้นเอาไว้ หวังมามาถอนหายใจยาวเอ่ยข่มขู่วางอำนาจ
"องค์หญิง หากท่านไม่ดื้อรั้นแน่นอนว่าจะไม่มีผู้ใดได้รับบาดเจ็บ หากว่าร่างกายของท่านต้องเก็บไว้ให้ท่านอ๋องชราผู้นั้นป่านนี้ท่านคงถูกโบยจนตายไปแล้ว ด้วยโทษฐานขัดพระราชโองการ แต่เหมยลี่นางกำนัลผู้นี้นอกจากจะไม่รู้จักห้ามปรามองค์หญิง ยังกล้าร่วมกระทำความผิด ไม่อาจปล่อยเอาไว้ได้"
หลิวอี้เฟยน้ำตานองหน้า แผนการของนางถูกวางเอาไว้เป็นอย่างดีไม่คิดมาก่อนว่าจะถูกคนพวกนี้จับได้
หวังมามาผู้นี้ถูกฮองเฮาส่งมาควบคุมนางเอาไว้ อำนาจบารมีมากยิ่งกว่าองค์หญิงเช่นนางเสียอีก หลิวอี้เฟยดันร่างของเหมยลี่ไปด้านหลัง
แม้จะกลัวเพราะถูกจับได้แต่นางต้องไม่ทำให้เหมยลี่ลำบาก องค์หญิงน้อยปาดน้ำตาออกโรงปกป้องสาวใช้ของตนเอง
"หวังมามา ท่านจะทำอะไรนาง ข้าเป็นคนบังคับนาง นางไม่มีความผิด"
หวังมามาหรี่ดวงตาแหลมเล็ก ภายใต้แสงจากคบเพลิงนี้ยิ่งทำให้ใบหน้าของหญิงชรา ดูน่าหวาดกลัวราวกับปีศาจพันปีตนหนึ่ง นางกรีดเสียงแหลมแล้วเอ่ยว่า
"ความผิดมีหรือไม่ ไม่ใช่เรื่องที่องค์หญิงต้องมาตัดสิน โทษฐานนี้หม่อมฉันบอกได้เลยว่าต้องโบยให้ตาย ทั้งหมดล้วนเป็นกฎของวังหลวง"
เหมยลี่ตัวสั่น น้ำตาไหลพรากกลัวจนเอ่ยไม่ออก เข่าทรุดลงไปบนพื้น
หลิวอี้เฟยกัดฟันแน่น นางไม่ยอมให้ผู้ใดทำโทษเหมยลี่เป็นแน่
"หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องนาง ข้าจะทำร้ายตัวเอง คอยดูเถิดว่าหากร่างกายข้าบอบช้ำเป็นแผลพวกเขาจะยังกล้าส่งตัวข้าไปแต่งงานอีกหรือไม่ หากฝ่าบาททรงทราบเรื่องนี้ ข้าจะคอยดูว่าพวกเจ้าจะแก้ต่างให้ตนเองอย่างไร"
หลิวอี้เฟยรู้ดีว่าในบรรดาองค์หญิงทั้งหลายนั้นไม่มีผู้ใดที่ยินยอมแต่งให้อ๋องผู้นั้น เพราะนางไม่มีมารดาคอยออกหน้า เป็นเพียงองค์หญิงที่เสด็จพ่อไม่เหลียวแล จึงกลายเป็นคนที่ต้องรับหน้าที่นี้ด้วยความจำยอม
หวังมามาดวงตาวาวโรจน์ไม่คิดว่าองค์หญิงน้อยที่ดูบอบบางอ่อนแอผู้นี้จะกล้าเอาตัวเข้าแลกเพื่อสาวใช้ผู้หนึ่ง
หวังมามาใคร่ครวญ เรื่องคิดหนีองค์หญิงยังกล้า หากองค์หญิงคิดทำจริงเช่นนี้คนที่ถูกลงโทษคงเป็นตัวนางแล้ว
เช่นนี้ หวังมามาจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
"เพื่อเห็นแก่หน้าองค์หญิง ข้าจะยอมปล่อยไปสักครั้ง แต่อย่าให้มีคราวหน้าอีกไม่เช่นนั้นข้าจะส่งตัวองค์หญิงให้ฮองเฮาตัดสิน"
จากนั้นหวังมามาจึงตะโกนเสียงดัง
"พวกเจ้า ทำสิ่งใดอยู่พาองค์หญิงกลับตำหนัก เฝ้าเอาไว้ให้ดีหากปล่อยให้หนีอีก ยามนั้นคนที่หัวหลุดจากบ่าก็คงเป็นพวกเราแล้ว"
ราตรีอันเงียบสงัด หลิวอี้เฟยและนางกำนัลของนางถูกนำตัวกลับตำหนักไปแล้ว ในความมืดมิดยังมุมหนึ่ง หลังจากจัดการกำจัดศพขันทีผู้นั้นไปแล้ว บุรุษผู้หนึ่งจึงเอ่ยขึ้น
"คุณชายท่านไม่กลัวหรือขอรับ หากขันทีน้อยผู้นั้นไม่รักษาคำพูด ยังคิดเปิดปากเรื่องเราสังหารคนออกไป ย่อมทำให้พวกเราวุ่นวายนะขอรับ"
แววตาของซุนป๋อเหวินเต็มไปด้วยไอสังหาร แค่นเสียงเย็นชาไร้ปรานี
"หากคนผู้นั้นกล้าก็ฆ่าทิ้งเสีย"