“ไม่เป็นไรหรอกครับผมยินดี คืนนี้ผมอาจจะกลับดึก คุณอยู่ได้ใช่ไหม” นายแพทย์หนุ่มพูดพร้อมกับนั่งลงที่ม้าหินอ่อนฝั่งตรงข้ามหญิงสาว
“ฝน... เอ่อ ฉันอยู่ได้ค่ะ” เมื่อหญิงสาวรู้ตัวว่าเธอกำลังใช้คำพูดเรียกแทนตัวเองอย่างคุ้นเคยจนเกินไป ฝนสุดาจึงรีบเลี่ยงใช้คำเรียกแทนตัวเองใหม่ในทันที
“เรียกแทนตัวเองว่าฝนดีแล้ว เราต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน ไม่ต้องทำตัวห่างเหินก็ได้ ผมสนิทกับคนง่าย” คำว่าเราทำให้ฝนสุดาแอบรู้สึกดีไม่น้อย แต่ทุกถ้อยคำของนายแพทย์หนุ่มช่างสวนทางกับการแสดงออกทางสีหน้าโดยสิ้นเชิง เพราะน้อยคนที่จะเข้าหน้าเขาติด เนื่องจากหมอจิรายุค่อนข้างจะมีใบหน้าเคร่งขรึมดูราบเรียบตลอดเวลา จนไม่สามารถเดาความคิดของเขาได้เลย
“คุณหมอต้องมาลำบาก เพราะคนไข้อย่างฝนแท้ๆ ถ้าคลอดเมื่อไหร่ฝนจะรีบย้ายออกไปทันที ขอบคุณมากนะคะ สำหรับทุกอย่างที่คุณหมอหยิบยื่นมาให้” ฝนสุดาพูดพร้อมกับใช้ส้อมจิ้มผลไม้ชิ้นพอดีคำเข้าปาก เมื่อเธอไม่รู้ว่าจะคุยอะไรต่อดี เพราะยังไม่คุ้นเคยกับเขาเท่าไหร่ “ใครบอกว่าผมลำบาก คุณคิดจะพาลูกออกไปจากบ้านหลังนี้ ทั้งที่เพิ่งย้ายเข้ามาอยู่เนี่ยนะ ผมทำให้คุณรู้สึกอึดอัดหรือเปล่า” น้ำเสียงและแววตาของชายตรงหน้า ทำให้ฝนสุดารู้สึกผิด ที่พูดออกไปไม่คิดให้ดีเสียก่อน
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ฝนก็แค่เกรงใจ”
“ผมบอกแล้วไงว่าเต็มใจ ที่จะดูแลคุณกับลูกให้ดีที่สุด ผมจะไปเตรียมมื้อเย็นไว้ให้ อย่าลืมดื่มนมอุ่นๆ ก่อนนอนด้วยนะ” พูดจบประโยคนายแพทย์หนุ่มก็เดินออกไปทันที ฝนสุดาแอบเหลือบมองตามแผ่นหลังด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ เมื่อเธอรู้สึกดีเวลาที่ได้ใกล้ชิดกับนายแพทย์หนุ่มแบบนี้
หลังจากที่นายแพทย์จิรายุเตรียมมื้อเย็นเสร็จ เขาได้ขับรถออกไปจากบ้าน เมื่อมารดาโทรเรียกให้ไปหา คงไม่พ้นเรื่องของนุชวรา ที่สำคัญเขาจำเป็นต้องไปงานประมูลเครื่องเพชรเพื่อการกุศล แน่นอนนายแพทย์จิรายุไม่เคยชอบที่ต้องไปพบปะกับผู้คนมากมายแบบนั้น ซึ่งเขาไม่มีทางเลือกเมื่อมารดาได้ยื่นคำขาด
รถยนต์คันหรูแล่นเข้ามาจอดที่โรงรถ ก่อนที่เขาจะก้าวเท้าลงมา ตรงไปยังข้างในบ้าน ซึ่งเวลานี้บิดามารดาของนายแพทย์หนุ่ม คนทั้งคู่ได้นั่งรอเขาอยู่ในห้องนั่งเล่น
“อ้าวหมอ! มาแล้วเหรอ พ่อกับแม่กำลังดูว่าเครื่องเพชรชุดไหนเหมาะกับหนูนุช ลูกประมูลมาให้ได้นะ” มารดาของนายแพทย์หนุ่มพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ในขณะที่สายตาจับจ้องไปที่หน้าจอสมาร์ตโฟน ซึ่งนุชวราได้ส่งแบบเครื่องเพชรที่จะประมูลในค่ำคืนนี้ มาให้กับนางศศิมารดาของนายแพทย์หนุ่มได้เลือก ก่อนจะตัดสินใจให้ลูกชายไปประมูล แต่ละชิ้นนั้นราคาสูงลิ่ว
“แม่ว่าชุดนี้สวยดี เหมาะกับหนูนุชมาก หมอว่าไง ชอบไหม” หญิงสูงวัยเอ่ยถามขึ้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่ได้สนใจว่าลูกชายกำลังรู้สึกยังไง เมื่อเขานั้นถูกมัดมือชก จำใจต้องไปงานนี้ เพราะขัดใจบุพการีทั้งสองไม่ได้
“แม่ว่าสวยก็คงสวยแหละครับ ผมไม่ใช่คนสัดทัดในเรื่องนี้ แม่อยากให้ประมูลชิ้นไหนก็เลือกมาได้เลย” นายแพทย์หนุ่มพูดแบบขอไปที เมื่อเขาคิดที่จะเลือกให้กับนุชวราอยู่แล้ว
“แม่ชอบชุดนี้ คุณทศพลว่าไงคะ ประมูลเริ่มต้นที่ห้าสิบล้าน”หญิงสูงวัยละสายตาจากจอสมาร์ตโฟนเงยหน้าขึ้นมา พร้อมกับหันไปถามความคิดเห็นจากผู้เป็นสามี
“ราคาไม่ใช่ปัญหาสำหรับว่าที่สะใภ้ของบ้านพลพิพัฒกุลวานิช ถ้าคุณชอบและเห็นว่ามันเหมาะกับหนูนุชผมก็ไม่ขัดข้องอยู่แล้ว” ชายสูงวัยละสายตาจากวรสารในมือ พร้อมกับคำตอบที่ทำให้ภรรยาของเขารู้สึกชอบใจ
“ถ้าการประมูลมีการแข่งขันกันสูง ราคาแตะร้อยล้าน คุณแม่ยังคิดที่จะให้ผมประมูลต่อไปอีกหรือเปล่าครับ” นายแพทย์หนุ่มเอ่ยถามมารดาออกมา เพื่อความแน่ใจ สำหรับตัวเขาแล้วร้อยบาทหรือร้อยล้านค่าของมันไม่อยู่ที่ราคาของเครื่องเพชร แต่มันอยู่คนสวมใส่มากกว่า
“กี่ร้อยล้านก็ประมูลมาสิหมอ จะยอมเสียหน้าทำไม เดี๋ยวทุกคนในงานก็แอบไปซุบซิบนินทาหาว่าบ้านเรารวยไม่จริง แม่เบื่อคนพวกนั้น สังคมที่เต็มไปด้วยเปลือกนอก หมอก็ควรใส่หน้ากากเข้าหา ที่นั่นไม่ใช่ห้องผ่าตัดไม่ต้องให้ใจใครไปเต็มร้อยก็ได้” หญิงสูงวัยพูดจาออกมาอย่างไม่ชอบใจ เนื่องจากนางกลัวว่าลูกชายคนเล็กจะทำตัวใสซื่อเกินไป เพราะทุกคนต่างก็เห็นผลประโยชน์ในธุรกิจของตัวเองเป็นหลักอยู่แล้ว ไม่มีใครแสดงเจตจำนงห่วงใยคนรอบข้างอย่างจริงใจสักราย
“ตกลงจะให้ผมประมูลชุดนี้ใช่ไหมครับ” นายแพทย์หนุ่มเอี้ยวตัวเข้าหามารดา เพื่อดูตัวอย่างของเครื่องเพชรในจอสมาร์ตโฟน เพราะเขาไม่อยากทำตัวมีปัญหา
“เพชรชุดนี้เหมาะกับหนูนุชมาก ของจริงคงน้ำงามมาก”
“ถ้าอย่างนั้นผมขอตัวนะครับ เดี๋ยวงานก็เริ่มแล้ว” นายแพทย์หนุ่มพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืน เตรียมตัวเดินออกไปจากบ้าน
“หมอ! อย่าลืมไปรับน้องด้วยนะ หนูนุชรออยู่ที่บ้าน”
เสียงของมารดาดังก้องออกมาตามหลัง ซึ่งแพทย์หนุ่มไม่ได้ปฏิเสธหรือตอบรับแต่อย่างใด เขารีบสาวเท้าออกไปให้ถึงรถโดยเร็ว เพราะไม่อยากทำตามในสิ่งที่มารดาต้องการ แค่เขาไปงานประมูลเพชรก็ฝืนใจจะแย่แล้ว แต่ที่ยอมเพราะไม่อยากให้ที่บ้านสงสัย เมื่อเขากำลังซ่อนผู้หญิงอีกคนเอาไว้ ซึ่งนายแพทย์หนุ่มไม่ปรารถนาที่จะให้ฝนสุดาเดือดร้อน ที่สำคัญมันยังไม่ถึงเวลาที่เขาจะเปิดตัวลูกและภรรยา
นายแพทย์หนุ่มไม่ได้ไปรับนุชวราตามคำสั่งของมารดา ซึ่งในเวลานี้เขาได้นั่งอยู่ในงานนานแล้ว ส่วนชุดเครื่องเพชรที่มารดาอยากได้นักหนา แม้ว่าราคาของมันจะเฉียดร้อยล้าน เขาก็ประมูลมาได้ ขณะที่ภายในของเขาได้ภาวนาอย่าให้ราคาเกินมากกว่านี้เลย
“นานๆ ทีเราจะเจอกัน แม้ว่าแอนนี่จะหมั้นแล้ว แต่เราก็ยังคงเป็นเพื่อนกันได้ไม่ใช่เหรอคะคุณหมอ” หญิงสาวสวยหุ่นเซ็กซี่ ในชุดราตรีสีแดงสดช่างดูโฉบเฉี่ยวปราดเปรียว จนทุกคนในงานต่างก็จับจ้องมองมาที่เธอ เมื่อชุดที่แอนนี่สวมใส่ มันขัดผิวแลดูขาวผ่องเป็นยองใย โชว์แผ่นหลังเปลือยให้เห็นเนื้อหนังมังสา จนแทบจะละสายตาไปมองหญิงอื่นได้ คอเสื้อเว้าลึกจนเห็นร่องอกขาวอวบนูนจนมันล้นบรา แต่ทว่านายแพทย์หนุ่มกลับไม่รู้สึกต้องตาตรึงใจเลยสักนิด
“ขอบคุณครับ” นายแพทย์จิรายุรับแก้วจากหญิงสาวมาตามมารยาท ก่อนจะค่อยๆ จิบ แต่ความจริงเขาดื่มกับเพื่อนร่วมโต๊ะไปหลายแก้วแล้วหลายแก้ว
“หมอ ถ้าวันหนึ่งแอนนี่เป็นอิสระ คุณคิดจะคบกับแอนนี่หรือเปล่า” หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ก่อนจะเบียดแนบชิดกระซิบลงไปที่ข้างใบหูของนายแพทย์หนุ่ม
หมับ!!
“อย่ายุ่งกับว่าที่คู่หมั้นของฉัน” นุชวราคว้าไปที่ข้อมือของแอนนี่ ก่อนจะกระชากออกอย่างแรง เมื่อแอนนี่คิดจะอ่อยว่าที่คู่หมั้นของเธอ
“อย่าทำเป็นหวงก้างหน่อยเลย ฉันไม่เห็นว่าหมอเขาจะสนใจหล่อนสักนิด ขนาดมางานนี้เขายังไม่แวะไปหล่อนด้วยซ้ำ หน้าไม่อาย ผู้ชายไม่เอา แล้วยังคิดที่จะจับเขาด้วยวิธีโง่ๆ” แอนนี่รู้ทุกอย่างเกี่ยวกับนุชวรา แม้ว่าหล่อนจะหมั้นกับไมเคิล นักธุรกิจชาวอังกฤษไปแล้ว แต่นั่นหล่อนแค่ทำเพื่อผลประโยชน์ไม่ใช่ความรัก เมื่อหัวใจของแอนนี่ยังคงเต็มไปด้วยนายแพทย์จิรายุทุกลมหายใจเข้าออก
“ยังไงฉันก็มีแต้มเหนือกว่า เพราะคุณลุงคุณป้า เห็นดีเห็นงามอยากได้ฉันไปเป็นสะใภ้ของบ้าน หลังจากที่หลงผิด เกือบไปคว้าเอาตะกั่วที่มองยังไง ก็แตกต่างจากเพชรโดยสิ้นเชิง” สองคนยังคงใช้คารมห้ำหั่นกันอย่างไม่มีใครยอมใคร จนนายแพทย์หนุ่มรู้สึกรำคาญ