ใครก็ว่าเธอเป็นนางร้ายข้างกายพระเอก เธอสวย เธอหุ่นดี เธอฉลาดเเละทำงานเก่งมาก เเต่ว่าเธอดันร้ายขั้นสุด ใครจะคิดว่าเลขาคนสวยจะทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้เจ้านายตัวเองมีความรัก
"ทำหน้าเเบบนี้หมายความว่ายังไงวะท่านประธาน"เพื่อนเก่าเพื่อนเเก่ตั้งเเต่สมัยมัธยมเอ่ยถามบุคคลข้างๆพอมาถึงก็เอาเเต่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ กินเหล้าเหมือนเเดกน้ำเปล่า จนเขาอดถามออกไปไม่ได้
"เหมือนเดิม"คำตอบสั้นๆได้ใจความทำเอาคนถามนิ่งไปสักพัก
"เฮ้ย อีกเเล้วหรอว่ะ" เฟย ติณภพ อุทานออกมาด้วยความตกใจไม่เเพ้กันเเต่ใบหน้าที่เเสดงออกมาออกจะพึงพอใจจนคนที่เอาเต่ก้มหน้าก้มตาดื่มเหล้าต้องเงยหน้าขึ้นมอง
"อีกเเล้ว มึงว่ากูควรทำยังไงดี?"ท่าทางเครียดๆของเพื่อนทำเอานักลงทุนหุ่มอย่างเฟยต้องส่ายหน้า เรื่องเเบบนี้ไม่ใช่ว่าพึ่งเคยได้ยินหรือเคยเกิดขึ้นสักหน่อย
เพราะประวัติเลขาสาวพราวเสน่ห์ของเพื่อนเขานั้น เขาได้ยินกิตติมศักดิ์ความร้ายมาเยอะ ไม่รู้จะสงสารเพื่อนตัวเองหรือจะขอบคุณเลขาคนสวยของมันดีเหมือนกัน
"นี้ก็คนที่ห้าเเล้วนะเว้ย"นักลงทุนหนุมยิ้มขัน
"หกต่างหาก!"
เเววตาเรียบนิ่งหันไปมองเพื่อนตัวเอง เขาไม่รู้จะทำยังไงดีเหมือนกันกับเหตุการณ์เเบบนี้ ไม่หรอกที่จริงเขาจัดการไม่ได้เลยต่างหาก เเก้วเเล้วเเก้วเล่าถูกกระดกพรวดลงคอยังกับน้ำเปล่า ไม่รู้ว่าคนดื่มหวังให้ไอ้รสชาติฝาดๆนี้ล้างคอลงไปหรืออยากล้างเลขาคนสวยออกไปจากชีวิตกันเเน่
"มึงปลูกต้นรักกับเธอก็จบ"เฟยเสนอทางเลือกให้คนที่มีสีหน้าเหมือนเเบกโลกนี้ไว้เต็มที่เเล้ว
"มึงเอาหัวเเม้เท้าคิดหรือไง ใครจะไปชอบลงร้ายขนาดนั้น"เฟยนั่งยิ้มให้กับคำพูดนั้นของเพื่อน มันก็จริงเพราะผู้ชายเราทำงานก็เหนื่อยเเล้ว กลับบ้านไปก็อยากเจอภรรยาพูดจาเพราะๆ ยิ้มหวานๆส่งมาให้
"เอางี้ ไล่ออก!"เขาก็ไม่รู้ว่าจะเเนะนำเพื่อนยังไงเเล้ว คงเหลือทางเลือกสุดท้ายเเต่ก็ไม่ท้ายสุด
"เเม่กูจะโอนหุ้นบริษัทให้เธอถ้าไล่เธอออก"สองหนุ่มถึงกับกุมขมับ ไม่รู้ว่าทำไมผู้หญิงร้ายๆเเบบนั้นเเม่เขาถึงชอบเธอนักชอบเธอหนาก็ไม่รู้
"จบ"นักลงทุนหนุ่มก็หมดหนทางจะเเนะนำเพื่อนเเล้วเหมือนกัน กี่ครั้งที่เพื่อนเขาออกมานั่งเมาเเบบนี้เพราะว่า 'อกหักทิพย์'
ใช่ครับ ผมขออธิบายเเทนคนอกหักก็คือว่า มันมีเลขาข้างกายที่เเอบชอบมันอยู่ เเค่นั้นยังไม่พอนะครับเธอยังขัดขวางทุกคนที่จะเข้ามาปลูกต้นรักกับมันด้วย จะไล่ออกก็ไม่ได้เพราะว่ามีเเม่ของมันหนุนหลังอยู่ ใจหนึ่งผมก็เห็นใจนะครับ เเต่อีกใจหนึ่งทำไมมันไม่ลองเปิดใจให้เลขาของมันดูก็ไม่รู้ ถ้าลองเปิดใจคุยกันไปกันไม่ได้มันก็จบใช่ไหมครับ?
---------------------------------
"สวัสดีคุณน้องพราว วันนี้ท่านประธานบอกว่าไม่อยากพบหน้าคุณช่วงเช้านะคะ"ประโยคตรงไปตรงมาทำให้คนเดินมาใหม่ถึงกับชะงัก ดวงตากลมโตกวาดตามองคนพูดตั้งเเต่หัวจรดปลายเท้าอยู่หลายครั้ง
"เธอเป็นใคร?"เลขาคนสวยถามออกไปเสียงเรียบ เเต่เธอก็ยังไม่ลืมมนุษย์สัมพันธ์ที่มนุษย์ทั่วไปต้องมีรอยยิ้มจางๆเลยปรากฎให้คนตรงหน้าได้เห็น
"ลืมเเนะนำตัวไปเลยค่ะ ฉัน พิมพ์ดา ค่ะ เป็นผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธาน"รอยยิ้มที่คนมองตั้งเเต่ดาวอังคารยังดูออกว่าตอเเหลส่งไปให้เลขาคนสวยของท่านประธาน
"ผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธาน?"ใบหน้าเรียบนิ่งพยักหน้ารับเบาๆ ครั้งนี้บอสเธอถึงขั้นหาผู้ช่วยมาทำงานโดยไม่บอกเธอเลยงั้นหรอ
"ค่ะ ฉัน พรนับพัน เป็นเมียของท่านประทานค่ะ"
ขอเเนะนำตัวอีกครั้งนะคะ ฉัน พรนับพัน หรือ พราวพริ้ง เลขาตัวร้ายของประธานที่ทุกคนชอบเอ่ยถึงกัน ฉันทำงานอยู่ที่นี้มา 2-3 ปีเเล้วก็จีบบอสมาสองปีเต็มเหมือนกันค่ะ เเต่ว่าความสัมพันธ์ที่บอสมอบให้ฉันไม่มีเกินคำว่าเจ้านายกับลูกน้องสักนิด เเต่ฉันเป็นคนอึด ทึก เเละทน ค่ะ ฉันรักเขามาเป็นปีๆ ฉันมีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ช่วยงานเขา ได้ทำอะไรหลายๆอย่างกับเขา ฉันยิ่งชอบเขามากขึ้นเรื่อยๆ ต่างกับเขาที่อยากปลดตำเเหน่งเลขาฉันออกทุกวินาทีที่เขาทำได้ เเต่เขาทำไม่ได้ไง ฉันเลยลอยหน้าลอยตาทำตัวเป็นคนสวยใจร้ายไปวันๆอยู่เเบบนี้ เอาน่า ฉันร้ายฉันก็มีเหตุผลของฉันนะ
"อุ๊ย เอ่อคือว่า ท่านประท่านยังจีบฉันอยู่เลยค่ะ"ฉันหัวเราะในลำคอเล็กน้อยกับท่าทางเขินอายเหมือนยากที่พูดออกมาของคนตรงหน้า "ท่านประธานบอกว่ายังไม่มีเมียนะคะ"ท่าทางชนะฉันได้ของคนตรงหน้ามันทำให้ฉันยิ้มขัน รอดูไปเถอะ
"น้องพราว งานสถานที่ถ่ายเเบบส่งมาให้เเก้ไขค่ะ"ฉันหันไปยิ้มให้พี่พนักงานนิดๆพร้อมกับพยักหน้าเข้าใจ สองขาฉันก้าวเข้าไปขาผู้ช่วยคนใหม่ของท่านประธานด้วยท่าทางนิ่งๆ ฉันยื่นมือไปบีบเบาๆบนไหล่อีกคน
"อยู่ให้นานเท่าที่อยู่ได้นะคะคุณพิมพ์ดา"ฉันพยักหน้าให้เบาๆก่อนจะหมุนตัวเดินตามพี่พนักงานไป คิดเเล้วก็เจ็บใจไม่อยากเห็นหน้าฉันงั้นหรอ ไม่มีทาง!
ก๊อกๆ
นิ้วมือสวยเคาะประตูบานไม้สองสามครั้ง ใบหน้าเรียวสวยเเต่งหน้ามาเเบบฟาดๆหลุบตามองต่ำรอคนในห้องเอ่ยตอบรับกลับมา
"เข้ามา"สิ้นสุดเสียงตอบรับ มือเรียวเอื้อมไปบิดลูกบิดพร้อมกับดันประตูเข้าไปทันที
เเต่สภาพที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้ามันทำให้เลขาอย่างเธอต้องกำมือเอาไว้เเน่น เเม่ผู้ช่วยดีเด่นคนนั้นกำลังลุกขึ้นมาจากตักเเกร่งของอีกคนด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจเต็มที่ หน่ำซ้ำยังไม่พอหล่อนยังเเกล้งกลัดกระดุมผิดเพื่อที่จะได้เเกะออกเเล้วกลัดใหม่อีกครั้งต่อหน้าเธอ เลขาสาวยกยิ้มนิดๆให้สองคนตรงหน้า ถามว่าเจ็บไหม เเน่นอนว่า.....ปวดใจไปครู่หนึ่งเลยเเหละ
"บอสเซ็นอนุมัติงบประมาณให้ดิฉันทีค่ะ"ฉันเดินถือเเฟ้มเข้าไปหาคนที่ทำหน้านิ่งยังกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นก่อนเธอจะเข้ามา
เขารับเเฟ้มไปเปิดดูก่อนจะหยิบปากกาขึ้นมาจรดลายเซ็นลงบนกระดาษสองสามเเผ่น ฉันลอบมองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขาในใจก็นึกคิดว่าฉันชอบคนอย่างเขาไปได้ยังไง
"เเล้วนิทรรศกาลที่จะจัดขึ้นให้พราวไปคุยกับเจ้าของตึกก่อนล่วงหน้าไหมคะ?"ฉันถามออกไปนิ่งๆตามไสตล์ของฉัน เเต่สายตายังคอจับจ้องซอกคอหนาซึ้งมันมีรอยเเดงๆเหมือนรอยดูด ฉันรีบเบือนหน้าหนีทันที คนอื่นไม่เห็นยอมให้ทำรอยขนาดนี้เลย
"ไม่ต้อง ให้พิมพ์ดาไป คุณก็สะสางงานเก่าไปก่อน"ฉันพยักหน้ารับ มืออีกข้างก็หยิบไอเเพดขึ้นมาเตรียมจะรายงานว่าวันนี้เขาต้องไปไหนทำอะไรบ้าง เเต่ก็โดนสายตาเย็นชาจ้องเข้าให้
"ให้พิมพ์ดารายงาน คุณออกไปก่อน"เเวบหนึ่งฉันเงยหน้ามองบอสนิดหน่อย เเต่ก็ยอมส่งไอเเพดไปให้อีกคน สองขาก้าวไปหาผู้ช่วยคนใหม่ของบอสช้าๆ เธอก็มองฉันสลับกับบอสอย่างเลิกลั่ก
"คุณพิมพ์ดา...."ฉันเว้นวรรคไว้เมื่อเดินมาถึงตัวอีกคนเเล้วฉันจึงยื่นไอเเพดส่งไปให้ เธอก็ยื่นมือสั่นๆมารับไว้ "นี้ค่ะ ไม่พอบอกได้นะคะ"
ผู้ช่วยคนสวยของบอสมีสีหน้างุนงงเหมือนเธอไม่เข้าใจความหมายที่ฉันจะสื่อออกไป เเต่พอเธอพลิกมือข้างที่รับไอเเพดฉันไปขึ้นมาดูก็ต้องมีอาการตกใจจนเห็นได้ชัด เพราะอะไรนะหรอ?
"พอไหม? ไม่พอโต๊ะฉันอยู่ข้างนอกนะ มาขอใหม่ได้"ฉันยื่นมือไปจัดคอเสื้อให้อีกคนพร้อมกับปัดไปมาเหมือนมันมีฝุ่นเกาะยังไงยังงั้น เเต่ป่าวหรอกถ้าจะมีจริงๆก็คงเป็นความเเรดของเจ้าตัวมากกว่า
"กรี๊ด!! ท่านประธานค่ะ"ฉันยิ้มขำเมื่อเธอเขวี้ยงถุงยางทิ้งก่อนจะจ้ำเท้าเดินไปยืนข้างๆผู้ชายใจร้ายเเต่ฉันยังรักคนนัั้น
"ออกไปทั้งสองคน!!"น้ำเสียงดุดันเอ่ยขึ้นหนักเเน่น
ฉันหมุนตัวออกไปทันที รอยที่คอเขามันทำให้ขอบตาฉันร้อนผ่าวขึ้นมาจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ครั้งนี้บอสฉันคงสุดจะทนจริงๆ ก็ฉันเล่นไปขัดขวางเขากับคนรักจนต้องเลิกลากันไปเป็นคนที่หก เป็นคนดีไม่ได้อะไร ฉันจะร้ายให้สุดเลยคอยดู