เวลาสองทุ่มตรง
ป้าแววที่กำลังเก็บของอยู่ในครัวโดยมีน้ำหวานคอยเป็นลูกมือ ได้ยินเสียงรถยนต์ของแขกเจ้าของบ้านขับออกไปจึงเงยหน้ามองนาฬิกาที่แขวนอยู่ผนังห้องครัวแล้วย่นคิ้วอย่างประหลาดใจ
“ แปลก ทำไมวันนี้คุณไอรีนเธอกลับเร็ว ”
“ ปกติเธอกลับดึกหรือจ๊ะป้า ” น้ำหวานอดสงสัยไม่ได้
“ แรก ๆ ก็กลับดึกนะ แต่ช่วงพักหลังมานี้ทุกครั้งที่มาเธอจะค้างคืนตลอด ช่างเถอะ เราไปเก็บโต๊ะทำความสะอาดกันดีกว่า ”
ป้าแววเดินนำน้ำหวานมายังโต๊ะอาหาร พบเหมราชนั่งรออยู่ เขามองมายังน้ำหวานก่อนลุกขึ้นยืนพร้อมเอ่ยปาก
“ น้ำหวาน ตามฉันมาที่ห้องหนังสือ ” พูดจบเขาก็เดินขึ้นบันไดไป น้ำหวานมองตามร่างสูงใหญ่ก่อนหันมาหาป้าแวว ผู้เป็นป้าพยักหน้าให้
“ รีบไปเถอะ อย่าให้คุณเหมต้องรอ เดี๋ยวป้าเก็บเอง ”
“ จ้ะป้า ” น้ำหวานเดินตามเขาขึ้นมาชั้นสอง เหมราชรอเธออยู่หน้าประตู เขาผายมือให้เธอเข้าไปในห้อง
“ เข้ามาสิ โน้ตบุ๊กที่ฉันสั่งมาให้วางอยู่บนโต๊ะหนังสือ เธอลองดูว่าชอบไหม ”
“ เอ่อ ให้หนูไปนั่งตรงนั้นเลยเหรอคะ ” เธอถามให้แน่ใจกลัวเสียมารยาท เขายิ้มบาง ๆ แล้วบอกว่า
“ ได้สิ โต๊ะหนังสือฉัน ฉันอนุญาตแล้ว ”
เธอยกมือไหว้ก่อนเดินเข้าไปนั่งที่โต๊ะเปิดโน้ตบุ๊ก ลองเข้าโปรแกรมที่คุ้นเคยและต้องใช้บ่อย ๆ พบว่าครบถ้วนที่เธอจำเป็นต้องใช้ในการเรียน กลีบปากอวบอิ่มจิ้มลิ้มยกยิ้มด้วยความดีใจ เหมราชเห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เขาก็อดยิ้มตามไม่ได้
“ โอเคไหม ”
“ ดีมากและสวยมากค่ะ เครื่องเร็วมากด้วยค่ะ ขอบพระคุณคุณเหมมาก ๆ นะคะ หนูจะใช้อย่างระมัดระวังและรักษาอย่างดีเลยค่ะ ”
“ เธอชอบก็ดีแล้ว ว่าแต่ที่โรงเรียนเป็นยังไงบ้าง โอเคไหม ”
“ ก็โอเคค่ะ ”
“ เพื่อน ๆ เป็นไง มีเพื่อนสนิทบ้างไหม ”
“ มีสิคะ หนูก็มีคนคบนะคะ ” เธอเผลอตอบติดตลกออกไปแต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าพูดอะไรออกไปเหมือนเป็นการปีนเกลียวเลยหน้าเจื่อน รีบยกมือขอโทษเขา
“ หนูขอโทษที่เผลอพูดจาไม่ระวังค่ะ ”
“ ขอโทษทำไม ไม่เห็นต้องขอโทษ ”
เขายิ้มบางก่อนเอ่ยต่อ
“ ไหนลองเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้ฉันฟังหน่อยสิ เพื่อนเป็นยังไง อาหารเป็นยังไง ครูเป็นยังไงบ้าง ”
น้ำเสียงทุ้มนุ่มของเขาพาให้เธอรู้สึกผ่อนคลายลงมาก คุณเหมไม่ได้ดุอย่างที่เธอคิดมาตลอดเธอจึงเริ่มเล่าเรื่องที่โรงเรียนให้เขาฟังอย่างออกรส แววตาเป็นประกายกับรอยยิ้มขณะเล่าเรื่องสนุก หน้าบึ้งบ้างเวลาเอ่ยถึงเรื่องไม่ถูกใจ น้ำเสียงสดใสมันดูมีชีวิตชีวาพาให้เขานั่งฟังไม่รู้เบื่อและเผลอหัวเราะตามออกมาบ้าง มันทำให้หน้าหล่อ ๆ แต่ดุดันของเขานั้นน่ามองขึ้นเป็นกองเลย
น้ำหวานเผลอหันไปสบตาเขาโดยบังเอิญพบว่านัยน์ตาคมเข้มนั้นจ้องมองเธออยู่ หากแววตานั้นพราวระยับแปลก ๆ และมันทำให้ในอกของเธอรู้สึกวูบวาบจนต้องรีบหลบสายตานั้น
“ อ้าวทำไมไม่เล่าต่อล่ะ ” เขาถามเพราะจู่ ๆ เธอก็เงียบไป
“ เอ่อหนูขอโทษนะคะ เผลอพูดมากไปหน่อย ”
“ ไม่หรอก ฉันกำลังฟังเพลินเลย ว่าแต่เธอชอบดูหนังไหม ”
“ ชอบค่ะ ”
“ ชอบหนังแนวไหน ”
“ หนูชอบดูหนังผีค่ะคุณเหม แต่ก็กลัวผีมากค่ะ ”
เธอหัวเราะ เขาก็หัวเราะตามพร้อมส่ายศีรษะอย่างเอ็นดู เขาหยิบปากกาพร้อมกระดาษโน้ตมาจดบางสิ่งยื่นให้เธอ
“ นี่รหัสเน็ตฟลิก กลางคืนเธอจะได้เข้าไปดูอะไรในนั้นได้ไม่เบื่อ ”
“ ขอบคุณมาก ๆ ค่ะคุณเหม ” เธอยิ้มกว้างเผลอมองหน้าเขาที่กำลังยกยิ้มบาง ๆ มองเธออยู่ก่อน หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวขึ้นอย่างไม่ทราบสาเหตุ เธอรู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้าก่อนรีบละสายตาจากเขา
“ หนูขอตัวตัวกลับก่อนนะคะคุณเหม เดี๋ยวป้าดุเอา ”
เขาพยักหน้ารับ เธอรีบลุกขึ้นยืนยกมือไหว้และตั้งท่าจะรีบเดินออก หากเสียงทุ้มเรียกเอาไว้
“ เดี๋ยวน้ำหวาน ”
“ คะคุณเหม ”
“ เธอลืมโน้ตบุ๊ก ”
เธอรู้สึกเงอะงะมือไม้เกะกะขึ้นมากะทันหัน รีบหันกลับมาหยิบโน้ตบุ๊กแล้วงึมงำพูดโดยไม่มองหน้าเขาด้วยซ้ำ
“ ขอบคุณค่ะ ”
“ ฝันดีนะ ”
เสียงทุ้มนั้นเอ่ยส่งท้าย น้ำหวานไม่ได้ตอบกลับด้วยซ้ำหากรู้สึกร้อนผ่าวไปหมดทั้งใบหน้าและเนื้อตัว รีบจ้ำอ้าวเดินออกมาจากตรงนั้นเพราะกลัวจะเผลอทำอะไรน่าอาย หรือไม่ก็คุณเหมอาจจะได้ยินเสียงหัวใจของเธอที่เต้นแรงราวกับลั่นกลองรบ
แต่สายไปเสียแล้ว เหมราชเห็นและรู้ทุกอย่างว่าปฏิกิริยาของเด็กสาวที่มีต่อเขานั่นคืออาการประหม่าเขินอาย ซึ่งนั่นแปลว่าเธอเองมีความรู้สึกต่อเขามากเกินกว่าเด็กที่มีต่อผู้ใหญ่ที่เคารพ
มุมปากได้รูปของบุรุษยกยิ้ม นัยน์ตาดำขลับส่องประกายวาววับบางอย่างที่ยากจะคาดเดา