บ่ายสามโมงตรง
รถ SUV สีดำเลี้ยวเข้ามาในคฤหาสน์แห่งหนึ่งแถบชานเมืองก่อนจะจอดลงที่เรือนแถวหลังเล็กฝั่งซ้ายมือติดกำแพง
ร่างบอบบางผิวขาวเหลืองของเด็กสาววัยย่างสิบแปด ใบหน้าสดใส นัยน์ตากลมโตสุกสกาว ถักเปียสองข้างอย่างเรียบร้อยเปิดประตูรถแล้วเดินลงมา เธออยู่ในเครื่องแบบนักเรียนมัธยมปลายเป็นเสื้อแขนยาวทับในกระโปรงจับจีบสีม่วง เป็นโรงเรียนประจำที่เธอถูกส่งไปเรียนที่นั่น เธอเปิดประตูรถแล้วเดินลงมา
สุทัศน์ คนขับวัยสามสิบต้น ๆ เดินลงมาเปิดประตูหลังแล้วช่วยยกกระเป๋าสัมภาระให้
“ ขอบคุณค่ะพี่ทัศน์ ” เด็กสาวกระพุ่มมือไหว้อย่างนอบน้อม
“ เดี๋ยวหวานยกเองก็ได้ ”
“ ตัวกะจิ๊ดเดียว กระเป๋ามีตั้งหลายใบ เดี๋ยวพี่ช่วย หวานเอาเป้ใบเล็กนั่นก็พอแล้ว ”
“ โธ่ ถึงหวานจะตัวเล็กแต่แข็งแรงจะตายไป ” เจ้าของกระเป๋าว่า แต่ชายหนุ่มก็ช่วยยกข้าวของไปวางไว้ที่หน้าห้อง
ไม่นานคนในห้องก็เดินออกมา เป็นหญิงวัยห้าสิบนามว่าป้าแวว ผู้มีหน้าที่เป็นหนึ่งในแม่บ้านของที่นี่ ท่านยิ้มกว้างเมื่อเห็นเด็กสาวพลางกางแขนออกทันที
“ มาแล้ว ไอ้น้ำหวานของป้า ”
“ สวัสดีค่ะป้าแวว คิดถึงป้าที่สุดในโลกเลย ”
เด็กสาวว่าพลางพุ่งเข้าไปในอ้อมแขนของคนเป็นป้า น้ำตารื้นขอบตาเลยทีเดียว เพราะเด็กนักเรียนจะได้รับอนุญาตให้กลับบ้านแค่เทอมละสองครั้งเท่านั้น
“ ป้าก็คิดถึงหวานเหมือนกัน ”
“ คิดถึงแล้วทำไมไม่ไปรับหนูกับพี่ทัศน์ล่ะจ๊ะ ” เด็กสาวกระเง้ากระงอด คนเป็นป้าหัวเราะร่วน
“ ก็ถ้าป้าไปรับก็จะไม่มีใครทำห่อหมกปลาช่อนกับต้มแซ่บไส้อ่อนกระดูกอ่อนไว้รอหนูนะซี้ ”
“ หืมจริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นอภัยให้ได้ ”
“ แหม ไม่ค่อยจะเห็นแก่กินเลยว่ะ ” สุทัศน์ว่าพลางหัวเราะไปกับสองป้าหลาน
“ ขอบใจนะทัศน์ที่เป็นธุระไปรับมันให้ ” ป้าแววว่า
“ จะมาขอบอกขอบใจอะไรกันล่ะป้าเรามันก็เหมือนครอบครัวเดียวกัน ไอ้หวานมันก็เหมือนน้องผม ”
“ เดี๋ยวมากินข้าวกินปลากันนะ ”
“ ครับ เดี๋ยวผมเอารถไปเก็บก่อนนะ ”
“ ไปเจอกันที่ห้องครัวนะ ”
“ โอเค ” สุทัศน์ตอบก่อนจะขับรถออกไปเพื่อไปจอดเข้าที่ในโรงรถ
“ รอบนี้จะมาอยู่ได้นานแค่ไหน ”
“ เดือนนึงจ้ะ หวานจะอยู่ให้ป้าเบื่อขี้หน้าไปเลย ”
“ เออดีเหมือนกันป้าจะได้ขี้เกียจได้ เอ็งจะได้มาทำงานแทน ”
“ โอ้โห ใช้แรงงานเด็ก ”
สองป้าหลานพูดจาหยอกเย้าก่อนจะช่วยกันยกข้าวของเข้าไปไว้ในห้อง
น้ำหวานไม่ใช่ลูกหลานของคนในคฤหาสน์แต่อย่างใด แต่เธอเป็นเพียงหลานสาวของคนรับใช้อย่างป้าแววที่ทำงานให้บ้านหลังนี้มาตั้งแต่แตกเนื้อสาว รับใช้ตั้งแต่รุ่นคุณพ่อคุณแม่กระทั่งท่านเสียไปจนตอนนี้มาถึงคราวลูกชายคนเดียวของตระกูลที่ชื่อ คุณเหมราช หรือคุณเหม ชายหนุ่มวัยสามสิบห้าที่ยังโสดทั้งแท่ง
น้ำหวานต้องมาอยู่กับป้าแววเพราะพ่อกับแม่แยกทางกันไปคนละทิศละทางและไปมีครอบครัวใหม่ ทิ้งเด็กตัวน้อยวัยเจ็ดขวบไว้เพียงลำพังอย่างไร้จิตสำนึกแล้วไม่มาดูดำดูดี ถึงแม้จะอายุเจ็ดขวบแล้วแต่ก็ยังไม่ได้เข้าเรียนด้วยซ้ำ ชาวบ้านแถวนั้นหวังดีเลยหาเบอร์โทรศัพท์ติดต่อป้าแววที่เป็นลูกพี่ลูกน้องที่เหลืออยู่คนเดียว เธอจึงได้มาอยู่กับป้าที่นี่ตั้งแต่นั้นมาและเริ่มได้รับการศึกษา แม้จะได้เข้าเรียนช้ากว่าเด็กคนอื่นแต่เธอก็ตั้งใจบวกกับการเป็นเด็กหัวดีทำให้อยู่อันดับต้น ๆ ของห้อง
ตระกูลของคุณเหมราชทำธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ ป้าแววบอกว่าบรรพบุรุษของคุณเขาสร้างฐานะมาดี มีที่ดินเป็นพันไร่ให้เช่า ทั้งยังมีอาคารพาณิชย์อีกหลายแห่ง เมื่อตกทอดมาถึงคุณเหมราช แม้จะเกิดบนกองเงินกองทองอยู่แล้วแต่ก็ไม่ได้นิ่งดูดาย ท่านก็ต่อยอดจากทรัพย์สมบัติที่พ่อแม่สร้างเอาไว้ มีโครงการคอนโดมิเนียมทั้งในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ ๆ เรียกได้ว่าร่ำรวยอยู่สบายโดยไม่ต้องดิ้นรนไปอีกหลายชาติ
ตอนที่น้ำหวานเจอคุณเหมราชครั้งแรกไม่ใช่ตอนที่มาอยู่ที่นี่แรก ๆ เพราะคุณเขาไปเรียนเมืองนอก ได้เจออีกทีก็ตอนที่เขาจบปริญญาโท ทั้งท่องเที่ยวและทำงานหาประสบการณ์จากที่นั่นมาพอแล้ว เขาจึงกลับมาเมืองไทยในวัยยี่สิบหก
ตอนนั้นน้ำหวานเองก็ยังเป็นเด็กตัวกะเปี๊ยกวัยสิบขวบ เมื่อคุณเหมราชกลับมา คนรับใช้ทุกคนในบ้านอันได้แก่ ป้าแววแม่ครัว น้าสร้อยและพี่นกแม่บ้าน ลุงรื่นคนสวน ก็ไปยืนเรียงแถวต้อนรับการกลับมา เด็กน้อยเมื่อเห็นผู้ชายที่ลงมาจากรถหลังจากพี่สุทัศน์คนขับรถวิ่งไปเปิดประตูอย่างนอบน้อมก็รีบขยับไปหลบหลังป้าแววทันที
เพราะคุณเหมราชคนนั้นทั้งสูงทั้งใหญ่ คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ริมฝีปากบางที่เหยียดเป็นเส้นตรงไม่ค่อยยิ้ม โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงตาคู่นั้นที่มันดุจนน้ำหวานไม่กล้าสบตา
แม้ตอนที่ทักทายทุกคนเขาจะยิ้มบาง ๆ แต่ก็ยังดูน่ากลัวอยู่ในความรู้สึกของเธอ จนกระทั่งป้าแววต้องดึงเธอออกมาจากด้านหลังก่อนจะบอกให้ไหว้คุณเขา
ตอนนั้นแหละที่เธอเห็นว่าเขายิ้มกว้างขึ้นแล้วเอื้อมมือมาลูบศีรษะของเธอเบา ๆ ก่อนเดินจากไป
จากนั้นป้าแววก็มาบอกกับน้ำหวานว่าคุณเหมราชจะส่งเสียเธอให้ได้เรียนโรงเรียนประจำดี ๆ แทนโรงเรียนแถวบ้านที่ป้าแววต้องนั่งรถเมล์ไปส่งเธอทุกวันจากนั้นเธอก็แทบจะไม่ได้พบหน้าหรือสนทนากับเขาอีกเลย เวลากลับบ้านก็จะอยู่แต่ในเรือนคนรับใช้ ไปช่วยงานป้าบ้างแต่ก็ไม่ค่อยเห็นคุณเหมเท่าไรนัก อีกอย่างป้าแววเองก็ไม่ค่อยให้เธอเข้าไปยุ่มย่ามในเรือนใหญ่ คงจะเพราะกลัวเธอซุ่มซ่ามทำอะไรไม่ถูกตาคุณเหม ซึ่งน้ำหวานก็พอใจในสิ่งนั้นเพราะทุกคราวที่อยู่ต่อหน้าคุณเขา ใบหน้าดุดันนั้นมันทำให้เธอรู้สึกไม่ปลอดภัยเลย
แต่คุณเหมท่านคงไม่ได้ดุร้ายอย่างหน้าตาเท่าไหร่หรอก เพราะค่าใช้จ่ายทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอมาจากเขาทั้งสิ้น อีกทั้งเงินที่ใช้จ่ายประจำเดือน ข้าวของเครื่องใช้เสื้อผ้าเสื้อผ่อนดี ๆ ไม่ต้องอายคนอื่น ประกอบกับตัวเธอที่ผิวขาวใสจากกรรมพันธ์ทางแม่ ว่าไปแล้วใคร ๆ ต่างก็คิดว่าเธอคือลูกคุณหนูจากตระกูลใหญ่ที่ไหนสักแห่ง ไม่ใช่เพียงหลานคนรับใช้ด้วยซ้ำไป
หลังจากไปทักทายคนงานในบ้านทุกคนเรียบร้อย รับประทานอาหารและคุยกันจนกระทั่งตะวันตกดิน สองป้าหลานก็ขอตัวกลับมาพักผ่อน
ป้าแววที่อาบน้ำเสร็จก่อนและนั่งดูละครโทรทัศน์อยู่ เห็นหลานสาวที่พึ่งอาบน้ำเสร็จในชุดผ้าเช็ดตัวผืนเดียวห่อหุ้มเรือนกาย ตาโต จมูกโด่ง ปากรูปกระจับจิ้มลิ้ม ผิวขาวเหลืองนวลเนียน แม้จะตัวเล็กแต่ก็สมส่วน ท่านพิศแล้วก็เอ่ยขึ้น
“ ปีนี้หลานป้าเป็นสาวสิบเก้าแล้ว จะเป็นสาวมหาลัยแล้ว ”
“ งั้นก็มีแฟนได้แล้วดิป้า ” น้ำหวานเย้าป้าพลางยักคิ้วพลางเดินไปสวมเสื้อผ้าทาครีม ป้าชูมะเหงกให้
“ เดี๋ยวจะโดน ยังไม่ต้องรีบต้องร้อนมีหรอก อุตส่าห์ได้เรียนที่ดี ๆ ตั้งใจสอบเข้ามหาลัยดี ๆ ให้ได้จะได้มีงานดี ๆ ทำให้สมกับที่คุณเหมเขาส่งเสีย ”
“ รู้แล้วน่าป้า หนูไม่ทำให้ผิดหวังหรอกค่ะ ป้าก็เห็นนี่ว่าเกรดเฉลี่ยหนูอยู่ในอันหนึ่งในห้าของชั้นปีตลอด ”
“ อืม ป้ารู้ แต่ป้าก็แค่เป็นห่วง ”
“ ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ รับรองว่าหนูจะไม่ทำให้ป้าผิดหวัง สัญญา ”
“ ดี ”
“ เออป้า หนูยังไม่ได้ไปกราบคุณเหมเลย ”
“ คุณเขาไม่อยู่ ไปเที่ยวบาหลีกับเพื่อน ๆ ”
“ ว้าว หนูอยากไปจัง เห็นแต่ในอินเตอร์เน็ตอย่างสวยอะ ถ้าเรารวยแบบคุณเหมบ้างก็ดีนะป้า อยากไปไหนก็ได้ไปไม่ต้องกังวลเรื่องงานเรื่องเงิน ”
“ เออ ก็ตั้งใจเรียนเข้าจะได้ได้ทำงานดี ๆ จะได้ร่ำได้รวยกับเขาบ้าง ”
“ จ้ะ แล้วคุณเหมจะกลับมาเมื่อไหร่ ”
“ เห็นว่าจะวันเสาร์นี้แหละ เดี๋ยวมาแล้วป้าจะพาไปไหว้ท่าน ”
“ คุณเขาไม่มีแฟนเหรอป้า ”
“ ไม่นะ ”
“ อายุก็ไม่ใช่น้อย ฐานะก็ดี แปลกนะ ทำไมไม่อยากมีครอบครัว ”
“ คนบางคนก็ไม่ชอบการผูกมัด ”
“ หืม แปลว่าอะไรเหรอป้า ”
“ เออ ไม่ต้องถามหรอก มันเรื่องของเจ้านาย ”
น้ำหวานได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก หยิบไดร์มาเป่าผมที่เปียกจนแห้ง จากนั้นก็หยิบหวีเดินมายื่นให้ป้า
“ หวีผมให้หนูหน่อย ” ป้ายิ้มแล้วส่ายศีรษะ
“ โตขนาดนี้แล้วยังหวีผมไม่เป็น ”
“ หวีเป็น แต่อยากให้ป้าหวีให้นี่นา ” ว่าพลางทรุดนั่งลงกับพื้น คนเป็นป้าใช้หวีสางผมยาวสลวยดำขลับราวเส้นไหมที่ยาวถึงบั้นเอวของหลานสาว ในหัวก็คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนกระทั่งนึกอะไรได้บางอย่าง
“ น้ำหวาน ”
“ จ๋า ”
“ พอคุณเหมกลับมาแล้ว ถ้าไม่จำเป็นหนูอย่าเข้าไปในเรือนใหญ่นะนะ ”
“ ทำไมล่ะจ๊ะ แต่ปกติหนูก็ไม่เข้าไปยุ่มย่ามอยู่แล้วนี่ ”
“ เออดีแล้ว ไม่ต้องถามหรอก ป้าบอกอย่าก็คืออย่า รับปากป้าก่อน ”
“ จ้ะ ” น้ำหวานรับปากทั้งที่ยังไม่เข้าใจว่าป้าจะห้ามตัวเองทำไม แต่ก็คาดเดาเอาว่ากลัวเธอจะไปยุ่มย่ามทำความรำคาญตาให้กับคุณเหมราชเอาได้
ซึ่งคำสั่งของป้าเองก็ไม่ได้มีปัญหากับเธออยู่แล้ว เธอเองก็ไม่ได้อยากเข้าไปที่นั่นเท่าไหร่นัก เพราะความเกรงกลัวต่อเจ้าของบ้านตัวใหญ่หน้าดุนั่นเอง
กระทั่งคืนวันเสาร์
เป็นวันที่คุณเหมกลับมาจากบาหลีแต่เขาไม่ได้มาคนเดียว ยังมีกลุ่มเพื่อนทั้งชายหญิงอีกราวเจ็ดแปดคนที่ทั้งหมดไปปาร์ตีริมสระ โดยคุณธีร์ หรือคุณศักดิ์สุธีร์ ชายหนุ่มสวมแว่นหน้าตี๋ ท่าทางเคร่งขรึม เลขาประจำตัวที่พ่วงตำแหน่งบอดี้การ์ดของคุณเหมราชได้โทรมาจัดการทั้งเรื่องอาหาร เครื่องดื่ม ดนตรี แถมยังมีเด็กเอ็นเตอร์เทนจากที่ไหนสักแห่งให้มาตระเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว
น้ำหวานได้แต่ยืนมองอยู่ไกล ๆ พลางคิดว่าคนมีเงินนี่มันดีจริง ๆ อยากจะซื้อความสุข อยากจะดลบันดาลสิ่งใดก็ได้ง่ายดายเหลือเกิน
เพราะงานปาร์ตี้นั้นมีการจ้างพนักงานเสิร์ฟและเด็กชงเหล้ามาเรียบร้อย คนงานที่บ้านก็เลยไม่ต้องไปทำหน้าที่รับใช้ ต่างก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ป้าแววเองหลังจากสวดมนต์เรียบร้อยก็หลับไปตั้งแต่สามทุ่มดังเช่นทุกวัน
แต่ไม่ใช่สำหรับเด็กสาวที่กำลังอยากรู้อยากเห็นอย่างเช่นน้ำหวาน เธอเรียนโรงเรียนประจำหญิงล้วนไม่ได้ใช้ชีวิตแบบวัยรุ่นทั่วไป เคยเห็นก็แต่ในภาพยนตร์หรือซีรีส์ที่มีปาร์ตี้ในบ้าน อยากรู้ว่าจะสนุกสุดเหวี่ยงแค่ไหน
ห้าทุ่มกว่า น้ำหวานยังหลับตาไม่ลง ได้ยินเสียงเพลง EDM จากริมสระว่ายน้ำ สถานที่ของการจัดปาร์ตี้คืนนี้มันฟังดูคึกคักจนอยากจะเห็นเสียจริง หันไปมองป้าแววที่นอนอยู่อีกเตียง ไม่ต้องสืบให้มากกว่า ทั้งหลับตาอ้าปากกรนเสียงดังขนาดนั้น ป้าหลับสนิทแน่ ๆ
เด็กสาวตัดสินใจลุกขึ้นจากเตียงแล้วย่องออกไปจากห้องทันที
สระว่ายน้ำอยู่อีกฝั่งของเรือนใหญ่ จากเรือนคนรับใช้ห่างจากสระว่ายน้ำราวห้าสิบเมตร เด็กสาวสืบเท้าเข้าไปหาด้วยใจระทึก เธอเคยไปช่วยพี่สุทัศน์ตัดต้นไม้บริเวณนั้น รู้ดีว่ามีสุมทุมพุ่มใดที่จะสามารถแอบหลบแล้วสอดแนมได้
เมื่อไปใกล้เธอก็ค่อยย่องแล้วเร้นกายหลบหลังต้นชาฮกเกี้ยนที่ตัดแต่งเป็นรูปช้างสามเชือกพ่อแม่ลูกแล้วขยับไปสู่รั้วต้นโมกที่ปลูกกั้นเอาไว้ระหว่างสวนและสระว่ายน้ำที่ยกระดับขึ้นไปจากพื้นเมตรครึ่ง เธอปีนขึ้นหลังรั้วแล้วใช้ดวงตาแนบกับขอบผนังปูนก่อนจะเบิกตาโพลงกับภาพที่เห็นเบื้องหน้า
ปาร์ตี้เล็ก ๆ ของเจ้าของบ้านนั้นมันจัดเต็มทั้งแสงสีเสียง มีดีเจเปิดแผ่น มีซุ้มอาหารและเครื่องดื่ม มีสาวเสิร์ฟที่สวมเพียงบิกินีตัวจิ๋วที่ขณะนี้ไม่ได้ทำหน้าที่เสิร์ฟอาหารแต่กำลังเสิร์ฟนมสองเต้าให้กับสองหนุ่มคนละข้างและนอนถ่างขาให้กับอีกคนที่กระแทกท่อนเนื้อเข้าหาไม่หยุดดังตั้บ ๆๆๆ
อีกมุมของสระบนเก้าอี้ซันเบดผู้หญิงคนหนึ่งกำลังขย่มผู้ชายที่นอนอยู่บนนั้นและมีผู้ชายอีกคนที่ขย่มเสือกไสกับรูรักด้านหลังของเธอพร้อมฟาดฝ่ามือเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน อีกคู่กำลังนัวเนียกันอยู่ใต้น้ำแต่ดูก็รู้ว่าประกอบกิจกรรมเข้าจังหวะอยู่ในนั้น
น้ำหวานอ้าปากค้างตาเหลือกลานลำคอแห้งผากด้วยความช็อกเมื่อสายตาของเธอเบนไปปะทะกับร่างสูงใหญ่กำยำร่างหนึ่งที่ยืนอยู่ มือหนึ่งจิกศีรษะผู้หญิงคนหนึ่งเอาไว้แล้วเสือกลำเอ็นใหญ่ยาวคับปากของหล่อน จากนั้นเด้าเข้าหาอย่างไม่บันยะบันยัง เธอสำลักเพราะเขาแทงลึกเข้าไปถึงคอหอยแต่เขาก็ไม่หยุดเด้า เธอแหงนเงยใบหน้าขึ้นอ้าปากกว้างทำลำคอให้โล่งเพื่อรับเขาให้ลึกได้ยิ่งขึ้นตามต้องการ
ผู้ชายคนนั้นคือคุณเหมราชนั่นเอง !
เขาครางเสียงแหบห้าวอย่างพึงพอใจก่อนจะกระชากท่อนเอ็นออกจากปากหล่อนแล้วดึงให้ลุกขึ้น ก่อนเขาจะสอดมือใต้หัวเข่าของเธอข้างหนึ่งแล้วยกขึ้น ขยับเข้าไปประชิดแล้วเสือกเอ็นเนื้อเข้าใส่เธอทีเดียวมิดลำดังตั้บจากนั้นเขาก็เด้าเข้าใส่เธอถี่ยิบ เสียงเนื้อกระแทกเนื้อถี่รัวแน่นหนัก ผู้หญิงคนนั้นหวีดร้องพลางกดคอเขาลงมาให้หน้าคลุกอยู่กับสองเต้าของตัวเอง เขาส่ายหน้าถูไถแล้วอ้าปากดูดเลียก่อนจะขบกัดมันจนเป็นรอย ความเจ็บดูเหมือนมันจะทำให้หล่อนยิ่งซ่านเสียว หล่อนร้องครางพลางกระตุกเยือก ๆ ก่อนจะฟุบหน้าลงที่ลำคอของเธอ
ผู้หญิงคนหนึ่งพึ่งคลานมาบนพื้นจากที่ไหนสักแห่งมาเกาะขาเหมราช เขาหันไปมองก่อนจะวางผู้หญิงคนแรกลงบนโซฟาเบดแล้วหันไปหาคนใหม่ เขาดึงหล่อนขึ้นมา จับหันหลังให้ตัวเองแล้วกดเธอลงบนโต๊ะอาหาร หล่อนแอ่นก้นขึ้นรับอย่างรู้งานก่อนจะโดนเขาเสือกเด้าเข้าหาทีเดียวมิดลำแล้วซอยถี่ยิบ หญิงสาวคนนั้นร้องครางลั่นสระ วอนขอให้เขาเบาลงแต่กลับไม่ได้รับความเมตตา มือใหญ่รวบผมบนศีรษะเธอแล้วดึงเข้าหา สะโพกสอบกระแทกเด้าไม่บันยะบันยังถี่ยิบ ไม่นานหล่อนก็หวีดร้องราวใจจะขาดก่อนฟุบลงไปบนโต๊ะ เขาอัดกระแทกหนักหน่วงจนโต๊ะสั่นคลอนไม่นานก็กดสะโพกแช่นิ่งกับสะโพกของผู้หญิงคนนั้นก่อนเขาจะเงยหน้าคำรามเสียงแหบห้าว
ไม่นานเหมราชก็ถอนตัวตนออกมาจากหล่อน เดินไปหยิบบุหรี่มาจุดสูบ คว้าเครื่องดื่มสักอย่างมาหนึ่งแก้วที่น้ำหวานเองก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรก่อนเขาจะเดินเข้าบ้านไปเลย ทิ้งแขกทั้งหมดให้ระเนระนาดประกอบกิจกรรมกันตามอัธยาศัย
น้ำหวานค่อย ๆ ปีนลงจากที่ตรงนั้นแล้วเผ่นแน่บกลับเรือนนอนไปอย่างรวดเร็ว เปิดประตูเข้าห้อง เดินไปที่ตู้เย็นก่อนจะหยิบน้ำเย็นออกมาขวดหนึ่งแล้วเปิดกระดกดื่มอั้ก ๆ ทีเดียวเกือบหมดขวดแต่เธอยังไม่กล้าเดินเข้าห้องนอน ยังยืนนิ่งพยายามสงบสติอารมณ์ให้เร็วที่สุด
หัวใจเธอเต้นแรง ลำคอแห้งผาก มือไม้เรือนกายสั่นเทาไปหมดเพราะช็อกกับภาพที่เห็นมาเมื่อครู่
ตลอดชีวิตที่ผ่านมาภาพคุณเหมสำหรับเธอคือชายผู้เคร่งขรึม พูดน้อย ท่าทางดุดันจนไม่อยากเข้าใกล้ ในขณะเดียวกันก็รักและเคารพเขาในฐานะผู้ปกครองที่เมตตาเอ็นดูเธอเหลือเกิน เป็นผู้มีพระคุณที่เธอจะต้องตอบแทนอย่างถึงที่สุด
แล้วนี่มันอะไรกัน การกระทำไม่อายฟ้าดินนั่นมันคืออะไร !
ไม่คิดเลยว่าเธอจะเห็นคุณเหมในสภาพเปลือยกายล่อนจ้อนมั่วกามมั่วเพศไปทั่วแบบนี้
ผ่านไปสักครู่เธอก็เริ่มสงบลงแล้วเดินกลับเข้าไปเอนกายบนเตียงนอนแต่ยากเหลือเกินที่จะข่มตาให้หลับใหลได้ แม้จะอยู่ในระยะไกลแต่สายตาก็เห็นเรือนกายกำยำกล้ามแน่นที่กระแทกท่อนเนื้ออันเท่าสากตำน้ำพริกเข้าใส่ผู้หญิงพวกนั้น หูยังจดจำเสียงเนื้อกระแทกเนื้อที่เขากระแทกร่างเข้าทำลายหญิงเหล่านั้น ไหนจะเสียงคำรามราวสัตว์ป่าเมื่อสุขยามสมสู่อีกเล่า
ใจหนึ่งน้ำหวานคิดว่ามันเป็นเรื่องหน้าไม่อาย แต่อีกใจหนึ่งกลับรู้สึกแปลก ๆ
ฮอร์โมนทางเพศของหญิงสาวผู้กำลังผลิบานมันตื่นตัวเหลือเกิน