Cake says:
“พี่เค้ก นั่งตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวผมเอาขนมไปใส่จาน อย่าไปไหนนะ”
“บิ๊ก พี่รู้แล้วนะ ไม่ใช่เด็กๆสักหน่อย” ผมบ่นหมุบหมิบอย่างไม่เข้าใจจนบิ๊กหัวเราะออกมาก่อนที่เสียงจะเงียบหายไป ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องเห็นผมเป็นเด็กด้วยนะ หรือผมต้องเอาป้ายมาแขวนคอแล้วเขียนว่า
‘ผมอายุ 19 แล้วครับ โตแล้ว!’
และกรกฏาคมนี้ผมก็จะ 20 แล้วด้วย!
บิ๊ก เป็นลูกชายเจ้าของหอที่ผมพักอยู่ อายุน้อยกว่าผมแค่ปีเดียวและตอนนี้ก็เรียนมอ 6 ที่โรงเรียนประจำแห่งหนึ่ง ศุกร์ตอนเย็นก็จะกลับบ้านทีทุกอาทิตย์
“มาแล้วคร้าบบบ มามะ เดี๋ยวผมป้อน” เสียงห้าวที่ดูสดใสของบิ๊กทำให้ผมยิ้มได้ตลอดเวลา ผมไม่เคยเห็นหน้าบิ๊กหรอก ตอนผมมาอยู่ที่นี่ผมก็มองไม่เห็นอยู่ก่อนแล้ว แต่บิ๊กก็ดีกับผมมาก วันหยุดทีไรบิ๊กจะมาอยู่เป็นเพื่อนผม คอยซื้อขนมมาให้ทั้งๆที่ผมเคยบอกแล้วว่าไม่ต้องซื้อมา มันเปลือง แต่บิ๊กก็ไม่เคยฟังผมสักที รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ผมจะฝากบิ๊กซื้อด้วย ผมเองก็เกรงใจเหมือนกันนะครับ
ถ้าพูดเรื่องความใจดี ยังมีอีกคนที่ใจดีกับผมมากๆ นั่นก็คือพี่ทราฟ พี่ชายคนใหม่คนที่ทำให้ผมรู้ว่าบางทีโลกใบนี้มันก็ไม่ได้โหดร้ายเกินไปนัก
“พี่กินเองดีกว่า บิ๊กก็กินด้วยกันเถอะ” ผมยื่นมือไปรับช้อน บิ๊กบ่นอุบอิบจะป้อนผมให้ได้แต่ผมไม่ยอม อะไรที่พึ่งตัวเองได้ผมก็จะทำเอง จะได้ไม่ดูเป็นคนที่ไร้ประโยชน์เกินไป
“เมื่อวานบิ๊กไปหาพี่เค้กที่ห้อง แต่พี่เค้กไม่อยู่ ไปไหนมาเหรอ”
ผมหยุดมือที่กำลังตักเค้กอยู่ กลืนเค้กในปากลงคอ รสชาติของช็อคโกแลตกับสตรอเบอร์รี่ทำให้ผมรู้สึกมีความสุข
“พี่ออกไปเดินเล่นข้างนอกมาน่ะ”
“ไปกับใครอ่ะ!?”
“พี่ที่รู้จักน่ะ”
เหมือนบิ๊กจะถามอะไรสักอย่างแต่ไม่รู้ทำไมผมถึงไม่อยากพูดถึงพี่ทราฟกับคนอื่นสักเท่าไหร่
“แล้ววันนี้บิ๊กกลับโรงเรียนเมื่อไหร่หรอ แล้วตอนนี้กี่โมงแล้ว” ผมถาม เพราะคิดว่าตอนนี่น่าจะบ่ายแล้วและเป็นวันอาทิตย์ที่บิ๊กต้องกลับโรงเรียน
“จะบ่ายสามแล้วครับ อีกสักพักก็จะกลับแล้ว แต่บิ๊กยังไม่อยากกลับเลยอ่ะ คราวนี้มีเวลาอยู่กับพี่เค้กนิดเดียวเองอ่ะ บิ๊กคิดถึงพี่เค้กกก”
แม่ของบิ๊กเคยพูดว่าบิ๊กตัวโตเกินที่จะอ้อนได้ แต่เขาก็มักจะอ้อนผมแบบนี้เสมอ แต่ที่ผมพอรู้ก็คือบิ๊กสูงกว่าผม แต่ในเมื่อเขาอายุน้อยกว่าผม ผมก็เลยไม่ได้อะไรที่เขาอ้อน
“เดี๋ยวอาทิตย์หน้าก็ได้เจอกันอีก” เวลาผ่านไปเร็จจะตาย แปบๆก็หมดวันแล้ว
“โหย ตั้งอีกอาทิตย์แน่ะ” บิ๊กร้องโอดครวญน่าสงสาร
“แค่ไปเรียนนะ ทำเป็นโอดครวญ เป็นเด็กเป็นเล็ก” ผมลองพูดบ้าง รับรองว่าบิ๊กจะต้องโวยวายออกมาแน่ๆ
“บิ๊กโตแล้วเถอะพี่เค้ก สาวๆนี่จีบผมตรึมไม่อยากจะคุย” นี่ขนาดไม่อยากจะคุยยังพูดซะขนาดนี้ ฮ่าๆๆ ตลกดีจัง
“ไอ้บิ๊ก! เก็บของเสร็จยัง อาแกมารับแล้ว” เสียงของน้าแก้วแม่ของบิ๊กตะโกนมาจากที่ไหนสักที่ไม่หน้าหอก็หลังหอ
“อะไรว่ะเนี่ย ต้องกลับซะแระ”
“อย่าบ่นน่า ไปๆ เดี๋ยวพี่จะขึ้นห้องแล้ว” ผมบอกบิ๊ก เพราะบิ๊กมักจะทำตัวเป็นเด็กๆทุกทีที่ต้องกลับโรงเรียน ทั้งๆที่ผมอยากเรียนจะตายแต่บิ๊กกลับขี้เกียจที่จะเรียน ทำไมนะ ถ้ามีโอกาสที่ดีก็ควรจะไขว้ขว้าไว้สิ
“เดี๋ยวผมไปส่ง” บิ๊กรีบบอกทันที ได้ยินเสียงจานกระทบกันเพราะบิ๊กคงกำลังเก็บจานอยู่
“ไม่เป็นไร พี่ขึ้นห้องเองได้ แค่นี้เอง ไม่หลงหรอก ไปเก็บจานเถอะ” ผมพูดติดตลก ก็มันจริงนี่น่า ถึงผมมองไม่เห็น แต่การเดินขึ้นห้องเองทุกวันผมก็พอรู้หรอกว่าต้องไปยังไง ห้องผมอยู่แค่ชั้นสองเองไปได้หนักหนาเลย เพราะผมดูแลตัวเองได้
“เค้ก!” เสียงที่ฟังดูเหมือนตกใจพร้อมกับแรงจับที่หัวไหล่ทำให้ผมต้องหยุดเท้าที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได เสียงที่คุ้น กลิ่นน้ำหอมที่เคยได้กลิ่น พอผมรู้ว่าเป็นใครก็รู้สึกโล่งใจ
“พี่ทราฟ....เป็นอะไรเหรอครับ”
“เปล่า พี่แค่ตกใจที่ไปหาเราที่ห้องแล้วไม่เจอ คิดว่าหายไปไหน” ผมรู้สึกดีใจที่พี่ทราฟเป็นห่วงผมขนาดนี้ ผมเลยยกมือขึ้นจับแขนพี่ทราฟที่ยังจับที่ไหล่ผมอยู่
“พาผมกลับห้องหน่อยสิครับ” ผมบอก
“ได้สิ แล้วเค้กไปไหนมาเหรอ พี่ถามได้ไหม” ผมเดินตามพี่ทราฟที่เปลี่ยนจากจับไหล่มาจูงมือผมให้เดินตามแทน
“เค้กแค่ไปนั่งเล่นข้างล่าง พอดีลูกเจ้าของหอเขาซื้อขนมมาฝากเลยชวนเค้กไปกิน แล้วพี่ทราฟล่ะครับ มาทำอะไรเหรอ” ผมส่งกุญแจห้องให้พี่ทราฟ พี่ทราฟหยิบไปไขก่อนจะดันผมเข้าห้อง
“ที่บ้านพี่จัดงานเลี้ยง พี่เลยจะชวนเค้กไปด้วย อยู่ห้องคงน่าเบื่อแย่เลยใช่ไหม”
“เค้กไม่ไปได้ไหมครับ” ผมถามออกไป เพราะรู้สึกว่าไม่อยากจะไปเลยจริงๆ
“ทำไมล่ะ”
“ก็...เค้กไม่รู้จักใคร เค้กไปก็ทำตัวไม่ถูก” ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้คน ผมไม่อยากออกไปไหนในสภาพที่ตัวเองเป็นแบบนี้เท่าไหร่ ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย ผมจะไปไหนไม่ถูก จับจุดอะไรไม่ได้ และสุดท้ายก็จะกลายเป็นภาระคนอื่น ซึ่งผมไม่ชอบ ผมไม่อยากเป็นแบบนั้น
“พี่ไง เค้กรู้จักพี่ และที่บ้านพี่ก็มีเพื่อนพี่และรุ่นน้อง อายุก็เท่าเค้กบ้างหรือมากกว่าเค้กบ้าง สนุกนะ ไปกลับพี่เถอะ ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอกนะครับ” พี่ทราฟพยายามพูดโน้มน้าวให้ผมเปลี่ยนใจ แต่ผมก็ยังไม่อยากไปอยู่ดี
“เค้ก...ไม่อยากไปครับ” ผมก้มหน้าลง เล่นมือตัวเองเพราะไม่รู้จะทำอะไรและไม่รู้ว่าพี่ทราฟจะรู้สึกยังไง เข้าใจว่าต้องรักษาน้ำใจคนชวน แต่ผมอึดอัดนิ
“เป็นอะไรไปครับ อย่าคิดมากสิ พี่แค่อยากพาเราไปสนุกเท่านั้นเอง หืม เด็กดี ไม่อยากไปเหรอครับ” พี่ทราฟดันผมไปนั่งที่เตียงและพี่ทราฟก็นั่งลงข้างๆผม ผมพยักหน้าตอบ ผมไม่อยากไปจริงๆนะ ผมอยากอยู่ที่ห้องมากกว่า
“บอกพี่ได้ไหมว่าทำไมถึงไม่อยากไป ไม่เหงาเหรอ” พี่ทราฟยังคงถามหาเหตุผลที่ผมไม่อยากไปอีกครั้ง
“เค้ก...ไม่อยากไป เค้กอยู่ห้องก็ได้ครับ ไม่เหงาหรอก” ถึงจะเหงาก็ดีกว่าไปอยู่ถามกลางคนเยอะโดยที่มองไม่เห็นแบบนี้ ถ้าเขารังเกียจผมล่ะ ผมจะทำยังไง
“ไม่เอาครับ ไม่ดื้อนะ ไปกับพี่นะครับเค้ก”
พี่ทราฟนั่นแหละที่ดื้อ! ทำไมต้องบังครับผมด้วยนะ เหมือนน้ำตาผมจะไหล ผมเลยก้มหน้าลง น้อยใจที่พี่ทราฟดูจะไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผมถึงไม่อยากไป
“แต่คนเยอะ เค้กไม่ชอบ เค้กไม่ไป” ผมหันตัวหนีไปอีกทาง ผมไม่อยากเอาแต่ใจแต่...ผมไม่อยากไป
อ้อมกอดจากคนข้างหลังทำให้ผมปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาง่ายๆ ผมจะโทษใครดี โทษผมที่รู้สึกดีกับพี่ทราฟเร็วเกินไปจนเปิดเผยความรู้สึกตัวเองง่ายๆแบบนี้ หรือโทษพี่ทราฟที่เอาใจและตามใจผมจนทำให้ผมอยากเอาแต่ใจดี
“อย่าร้องสิเค้ก ยิ่งเค้กร้องพี่ยิ่งไม่อยากให้เค้กอยู่คนเดียวนะ ไหนบอกว่าไว้ใจพี่ไง พี่อยากให้เค้กไปสนุกกับงานเลี้ยงที่พี่จัด พี่เชื่อว่าเพื่อนพี่ต้องชอบน้องชายของพี่คนนี้แน่นอน เค้กน่ารักจะตายไม่ต้องกลัวอะไรหรอก เพื่อนพี่ใจดีทุกคนเลยนะ แถมยังมีอาหารอร่อยๆเยอะแยะด้วย”
“แล้ว ฮึก ถ้าเพื่อนพี่ไม่ อึก ไม่ชอบเค้กล่ะ” ผมถามเสียงเบาหวิว พี่ทราฟกอดผมและโยกตัวผมไปมาทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นได้นิดหน่อย
กอดของพี่ทราฟอุ่นจัง
“พวกมันต้องชอบเค้กแน่ๆ อยู่กับพี่ไม่มีใครทำอะไรเค้กได้หรอกและพี่ก็จะดูแลเค้กเองไม่ทิ้งแน่นอน นะครับ ไปกับพี่นะ”
ผมนิ่งคิดว่าจะเอายังไงดี เมื่อวานพี่ทราฟก็พาผมไปเดินเล่น กินข้าว ซื้อของให้มากมาย ถ้าผมยอมไปเป็นการตอบแทนพี่ทราฟก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง ยังไงผมก็เลือกที่จะไว้ใจพี่ทราฟแล้ว และพี่ทราฟเองก็บอกแล้วว่าจะไม่ทิ้งผม ก็คงจะไม่มีอะไรจริงๆ
“ก็ได้...ครับ” ผมไม่ได้คิดผิดใช่ไหมที่เลือกไปกับพี่ทราฟ
“งั้นก็ลุกไปแต่งตัวไป เดี๋ยวพี่เลือกชุดให้” พี่ทราฟปล่อยตัวผมออกจากอ้อมกอด จนผมรู้สึกโหว่งแปลกๆ ผมนั่งรอสักพักพี่ทราฟก็วางเสื้อผ้าไว้ที่ตักผมก่อนจะลูบหัวผมเบาๆและบอกให้ผมไปเปลี่ยนเสื้อผ้า
ผมเดินเข้าห้องน้ำ วางเสื้อผ้าที่ชั้นวางของในห้องน้ำก่อนจะถอดเสื้อออกและหยิบเสื้อยืนคอกลมที่พี่ทราฟเลือกให้มาใส่ ตามด้วยกางเกงที่เป็นกางเกงยีนขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย จัดการล้างหน้าและปะแป้งใหม่อีกนิดหน่อย เสร็จแล้วก็เดินออกจากห้องน้ำ ได้ยินเสียงพี่ทราฟคุยกับใครสักคน คงจะกำลังคุยโทรศัพท์อยู่แน่ๆ
“จะบ่นทำไมเนี่ย เสร็จแล้วก็ยืนรอ กูกำลังจะออกจากห้องน้องเขาแล้ว และก็แวะไปรับมึงเลยไง” ผมเดินเบาๆไปหยิบกระเป๋าตังค์มาใส่ไว้ที่กระเป๋ากางเกงด้านหลังและนั่งลงบนเตียงรอพี่ทราฟที่ไม่รู้อยู่ตรงส่วนไหนของห้อง
“บ่นจริง เออๆ เดี๋ยวกูออกเองก็ได้ เดี๋ยวกลับไปเอาตังค์ให้เลย แค่นี้ก็ต้องบ่น” พี่ทราฟบ่นแบบหงุดหงิดแบบที่ผมไม่เคยเจอมาก่อน
“เสร็จแล้วเหรอครับเค้ก ไปกัน เพื่อนพี่กับแฟนพี่รออยู่ที่ตลาด เดี๋ยวเราต้องแวะไปรับมันก่อน” ผมฟังพี่ทราฟพูดก็สะดุดเข้ากับคำว่าแฟน พี่ทราฟมีแฟนแล้วอย่างนั้นเหรอ มันก็คงต้องอย่างนั้น ก็พี่ทราฟเพิ่งพูดนิ
ผมลุกตามพี่ทราฟที่จับมือผมไว้ แต่พอจะออกจากห้องผมก็เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้ให้อาหารปลาเลย ผมเลยกระตุกมือพี่ทราฟนิดๆ
“มีอะไรเหรอเค้ก”
“ผมยังไม่ได้ให้อาหารอ้วนกลมเลย”
“อ้วนกลม?”
“ปลาทองของผมเอง” ผมตั้งชื่อมันว่าอ้อนกลมเพราะผมอยากเลี้ยงมันให้อ้วนๆ ผมเคยเลี้ยงอีกตัวเมื่อก่อน มันตัวอ้วนมากๆ หัววุ้นโต ตัวอ้วนกลมบ๊อก มันน่ารักมากๆเลย แต่มันอยู่ที่บ้านใหญ่ ผมไม่ได้พามันออกมาด้วย
พอผมให้อาหารปลาทองเสร็จพี่ทราฟก็พาผมไปขึ้นรถเพื่อที่จะไปรับเพื่อนและแฟนของพี่ทราฟที่ตลาดสด ผมนั่งไปก็คิดไปตลอดทางว่าถ้าถึงตลาดสดแล้ว ผมต้องลงไปนั่งหลังแล้วให้แฟนพี่ทราฟมานั่งหน้าแทนหรือเปล่า แต่พี่ทราฟไม่ได้บอกอะไรผมก็เลยเลือกที่จะเงียบ จนรถหยุดลงผมเลยรู้ว่าคงถึงตลาดสดแล้ว เสียงเปิดประตูด้านที่ผมนั่งเปิดออก ผมเลยหันไปดู ไม่รู้จะหันทำไม ยังไงก็มองไม่เห็นอยู่ดี
“ทราฟ” เสียงหวานๆของผู้หญิงดังขึ้น คนนี้คงเป็นแฟนพี่ทราฟสินะ อยู่ดีๆผมก็รู้สึกเกร็งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“เอ่อ เฟไปนั่งข้างหลังกับไอ้สองละกัน เปลี่ยนไปมามันลำบาก” พี่ทราฟพูดเสียงเรียบๆ ผมก็ได้แต่นั่งนิ่งตามเดิม
“อ่อ โอเค” แฟนพี่ทราฟพูดก่อนที่เสียงปิดประตูด้านข้างผมจะดังขึ้น
“ไอ้ทราฟ มึงนะมึง บอกไปแปบเดียว หายหัวไปเลย กูกลับเฟต้องเดินซื้อของกันอยู่สองคนเนี่ย เอ๊ะ นี่ใครอ่ะ” เสียงผู้ชายที่ไม่ใช่พี่ทราฟดังขึ้น คนนี้คงจะเป็นเพื่อนพี่ทราฟ ฟังดูจากสรรพนามที่เรียกกันก็พอจะรู้
“เอาหน้ามึงกลับไปเลยไม่ต้องโผล่มาไอ้เจ น้องตกใจหมด” พี่ทราฟดุเพื่อนเสียงดัง
“โหยยย อะไรวะ หวงไง ว่าแต่น้องน่ารักชื่ออะไรอะครับ พี่ชื่อเจนะ” เสียงเพื่อนพี่ทราฟที่ชื่อเจดังขึ้นอีกครั้งและยังถามชื่อผมด้วย
“ชื่อเค้กครับ” ผมตอบเสียงเบา
“ชื่อน่ากินจัง กินได้ไหมครับ”
“พอๆไอ้เจ น้องกูก็เว้นๆบ้างเหอะ สันดานจริงๆมึง” ผมไม่ได้ใส่ใจกับบทสนทนาของพี่ทราฟกับพี่เจสักเท่าไหร่ เพราะดูเหมือนจะตีกันเล่นๆมากกว่า แต่พี่เฟแฟนพี่ ทราฟนั่งเงียบ ผมไม่ได้ยินเสียงพี่เขาเลย ไม่รู้ว่าพี่เขาไม่พอใจหรือเปล่าที่ผมมาแย่งที่นั่งข้างหน้าข้างพี่ทราฟแบบนี้
“เจนี่นะ น้องเค้กกลัวแล้วมั่งเนี่ย น้องเค้กอายุเท่าไหร่ค่ะ” เสียงพี่เฟพูดขึ้นอย่างร่าเริง บางทีพี่เขาอาจจะไม่คิดมาก เป็นผมเองที่คิดมากไปเอง
“สิบเก้าครับ”
“หน้าเด็กจัง ทราฟๆ จอดร้านเค้กร้านโปรดของเฟให้หน่อยสิ เฟอยากกิน” ผมสะดุ้งที่อยู่เสียงพี่เฟก็ดังขึ้น ทำไมผมถึงรู้สึกกลัวทั้งๆที่เสียงพี่เฟก็ออกจากหวานนะ
“ได้สิ กินเยอะๆเดี๋ยวอ้วนนะเฟ เค้กครับ อยากกินขนมอะไรไหม” พี่ทราฟคุยเล่นกับพี่เฟก่อนจะถามผม ผมส่ายหน้าปฏิเสธ ตอนนี้ผมไม่รู้สึกอยากกินอะไรเลยสักนิดเดียว
“เฟ ฝากซื้อเค้กให้น้องสักสองชิ้นนะ เอแครล์ด้วย อ่ะนี่เงินครับ”
จะผิดไหม ถ้าผมจะตะโกนออกไปว่าผมไม่อยากไปแล้ว
ผมอึดอัด...ทำไม
ทำไมผมถึงเศร้าใจล่ะ
Traf says:
“ไอ้เจ เอาของไปไว้ในครัวเลย เดี๋ยวกูตามไปช่วย มาเฟ เดี๋ยวผมถือเอง ป่ะเค้ก เข้าบ้านพี่กัน” ผมบอกไอ้เจก่อนจะเดินไปเอาของที่มือเฟมาถือเองและก็จับมือเค้กให้เดินตามโดยเฟเดินอยู่ข้างหลัง พอผมเดินเข้าบ้านยังไม่ถึงสองก้าว เสียงไอ้สองก็ดังลั่นบ้านจนเค้กสะดุ้ง
“เฮ้ย!! น่าร้ากกกกกกกกก!” ไอ้สองวิ่งพุ่งเข้ามาหาเค้กอย่างเร็วจนผมต้องยกขาข้างหนึ่งกันมันไว้ไม่ให้พุ่งชนน้อง
“อะไรไอ้สอง ถอยไปเลย” ผมห้ามมันแต่มันไม่ฟังผมหรอก ทะเล่อทะล่าเข้าไปจับตัวเค้กจนน้องตกใจเบียดตัวเข้าหาผมโดยอัตโนมัติ ผมเลยต้องโอบตัวน้องไว้ไม่ให้กลัว ก่อนพามานี่ผมรับปากว่าไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ผมคงคิดผิด บางทีมันอาจจะน่ากลัวเกินไปที่ให้น้องมาอยู่ในฝูงเสือสิงห์กระทิงแรดแบบนี้
“โหยย กูขอเล่นหน่อยดิ อย่าหวงไปหน่อยเลย เดี๋ยวกูก็ฟ้องเฟเลยนิ” ไอ้สองทำหน้าหมาหงอย ไอ้ขี้ฟ้องเอ้ย! ผมกลัวตายล่ะ เฟหัวเราะเบาๆแล้วก็เดินไปที่ห้องครัว
“น้องไม่ใช่ของเล่น ไปไกลๆมึง น้องกลัวจนตัวสั่นแล้วมึงไม่เห็นเหรอไงไอ้นี่นิ” ผมว่ามันก่อนจะพาเค้กไปที่ห้องนั่งเล่น ไอ้ครามนอนหลับตาอยู่อยู่ที่โซฟาตัวยาว ไม่รู้ว่ามันหลับจริงหรือเปล่า
“เค้กนั่งรอพี่อยู่ที่นี่ก่อนนะ ที่นี้เป็นห้องนั่งเล่นบ้านพี่เอง เดี๋ยวพี่ไปดูช่วยเพื่อนในครัวก่อน อยากกินน้ำอะไรครับ” ผมพาเค้กไปนั่งลงที่โซฟาตัวเล็กที่ติดกับหัวไอ้ครามที่กำลังนอนอยู่
“เค้ก...ไปด้วยได้ไหมครับ” คงกลัวสินะ
“ในครัวมันวุ่นวาย นั่งนี่แหละครับ เดี๋ยวพี่เอาน้ำกับขนมมาให้ แล้วจะกลับมานั่งเป็นเพื่อนนะ” ผมลูบหัวเค้กอย่างเอ็นดู ผมชอบลูบหัวน้องนะ นุ่มมือดี ผมหันไปทางไอ้ครามก็สบตากับมันเข้า ไอ้ครามลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองมาทางเค้ก
“นี่น้องกู พามาด้วย เค้กครับ เพื่อนพี่อีกคน ชื่อพี่สงครามหรือเรียกพี่ครามก็ได้” ผมบอกไอ้ครามก่อนจะบอกเค้ก
“สวัสดีครับพี่คราม” เค้กก้มหน้าพูด ผมรู้ว่าน้องทำตัวไม่ถูก แต่เชื่อเถอะว่าอีกหน่อยเดี๋ยวก็ชิน
“ฝากหน่อยนะไอ้คราม เดี๋ยวกูเข้าครัวแปบ”
“อืม” ผมมองเค้กอีกทีก่อนจะเดินเข้าครัวเอาของไปเก็บ
เฟและไอ้เจช่วยกันเอาของสดออกมาล้างและแยกใส่กะละมังเอาไว้ ส่วนที่เอาไว้ย่างก็เอาออกมาล้างก่อนจะเอาไปเก็บไว้ในตู้เย็นก่อนเพื่อคงความสด
“ตกลงทำอะไรบ้างวะเนี่ย ของเยอะเกิน” ไม่รู้ว่าไอ้เจมันซื้ออะไรมาหนักหนา ไม่ใช่มันเหมามาหมดทั้งตลาดล่ะ
“มึงเอาพวกผักไปหั่นให้กูหน่อยไป เดี๋ยวที่เหลือกูกับเฟจักการเอง” ไอ้เจสั่งผมก่อนจะกลับไปสนใจหมูหมากาไก่ต่อ ผมหยิบถุงผักออกมาล้างและเอาใส่กะละมังใบใหญ่ใบเดียว หยิบกะละมังใบเล็กออกมาอีกห้าหกใบไว้ใส่ผักที่หั่นเสร็จแล้ว เขียงอัน มีดเล่ม ว่าจะออกไปหั่นข้างนอก จะได้อยู่เป็นเพื่อนเค้กด้วย
“ไอ้ทราฟ!” ผมที่ถือของพะรุงพะรังกำลังจะเดินออกจากครัวต้องเบรคตัวโก่ง หยุดเท้าแทบไม่ทันเพราะอยู่ดีๆไอ้สองก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา
“อะไรไอ้สอง”สีหน้ามันดูตกใจมากแล้วก็อ้าปากอ้ำๆอึ้งๆจนผมกังวล
“ไอ้ทราฟ น้องเค้กเขาตาบอดเหรอวะ!” ผมอึ้งกับคำพูดของไอ้สอง มันรู้ได้ไง ผมไม่ได้จะปิดหรอก แต่ตกใจที่มันรู้เร็วและไม่ได้รู้เพราะผมบอก หรือเค้กบอก
“มึงรู้ได้ไง” ผมถาม ตอนนี้ไอ้เจแล้วก็เฟเดินมายืนข้างผมมองมาที่ผมเป็นตาเดียว
“คือเมื่อกี้ กู กูจะเล่นกับน้องเขา เลยชวนคุยนู้นถามนี่ ถามว่ากูหล่อไหมแล้วเขาก็บอกไม่รู้ กูไม่เอะใจเลยเซ้าซี้ถาม จนไอ้ครามเอามือไปโบกที่หน้าน้องเขาแต่น้องเขาไม่รู้สึกอะไรเลยอ่ะ และกูก็เผลอปากพูดออกไป แล้ว แล้วน้องก็ร้องหามึงอ่ะ กู...กูขอโทษ” ผมฟังแล้วก็รีบวิ่งไปที่ห้องนั่งเล่นทันที เห็นเค้กนั่งก้มหน้าบีบมือแน่นโดยมีไอ้ครามนั่งอยูข้างๆ
“เค้กครับ” ผมเรียกน้องและแตะเข้าที่แขนเค้กเบาๆ เค้กก็พุ่งเข้ามากอดคอผมแน่นพร้อมกับเสียงสะอื้นเบาๆ ผมเริ่มทำไรไม่ถูกจนต้องตวัดตาไปมองไอ้สองที่ยืนทำหน้าสำนึกผิดอยู่ไม่ห่าง ไอ้คราม ไอ้เจและเฟมองมาที่ผมกับเค้กไม่มีใครพูดอะไร ผมกอดคนตัวเล็กที่นั่งอยู่บนตักผม เค้กกอดคอผมแน่นจนเกือบหายใจไม่ออก
ผมรู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของไอ้สองเพราะมันไม่รู้ มันเป็นความผิดของผมเองที่พาน้องมาแล้วดูแลไม่ดี ผมลูบหลังปลอบเค้กเบาๆ
“เค้กครับ ร้องทำไม ไหนบอกพี่ทราฟสิ”
“ฮืออออ ฮึก ฮื้ออ” น้องยังร้องไม่หยุดสะอื้นตัวสั่นเทาจนผมใจเสีย ก่อนมาผมก็ทำน้องร้องไห้ไปรอบ นี่ก็อีก ผมแม่งโครตแย่เลยวะ
“ไม่ร้องนะครับคนเก่ง มีอะไรบอกพี่ทราฟสิ ใครแกล้งเค้ก บอกพี่สิ” เค้กส่ายหน้าอยู่ที่ซอกคอผมสองสามทีเป็นคำตอบ
ผมดันน้องออกจากตัว ทีแรกเค้กเหมือนจะไม่ยอม แต่ถ้าผมไม่เอาตัวเค้กออก น้องจะต้องขาดอากาศตายเพราะเอาแต่บี้หน้าลงกับคอผมไม่เลิด ไหล่ผมเปียกชุ่มไปด้วยน้ำตา ผมเช็ดน้ำตาให้น้องอย่างเบามือ ตาแดงก่ำ หน้าแดง จมูกแดงไปหมด ปากที่เม้นแน่นจนผมกลัวว่ามันจะแตกจนต้องใช้นิ้วลูบเบาๆจนน้องคลายริมฝีปากออกจากกัน
“หยุดร้องแล้วมาคุยกับพี่ก่อนนะเค้ก ร้องแบบนี้แล้วเราจะคุยกันยังไงล่ะ หืม” ผมชวนน้องคุยเพราะอยากให้น้องหยุดร้องซะที ผมว่าเดี๋ยวตาน้องต้องบวมแน่ๆ
“ไม่ร้องนะ อึบเร็ว วันนี้พี่พามาสนุกนะ แต่ไหงดันร้องไห้ล่ะ กลัวเหรอ” ผมถามแล้วน้องก็พยักหน้าไม่ยอมพูด แต่แค่นี้ก็พอแล้ว ไอ้สองคงทำให้น้องกลัวจนทำตัวไม่ถูกร้องไห้ใหญ่โต
“ไม่ต้องกลัวนะ ไม่มีอะไรน่ากลัวสักนิด” ผมจับเค้กนั่งหันหน้าไปทางเฟและเพื่อนตัวดีทั้งสามโดยที่น้องยังนั่งอยู่บนตักผม
“ข้างหน้าเค้กมีเพื่อนพี่นั่งอยู่นะ มาทำความรู้จักกันอีกรอบดีกว่า เพื่อนพี่ใจดีทั้งนั้น ไม่ต้องกลัวนะ โอเคไหม”
“คะ ฮึก ครับ” ผมยิ้มออกมาเมื่อน้องเริ่มตอบโต้
“อ่ะ เฟมานี่หน่อยสิ” เฟเดินมานั่งข้างหน้าเค้กก่อนจะจับมือเค้กเอาไว้ ทีแรกเค้กขืนมือเอาไว้จนผมต้องปลอบ
“ไม่มีอะไรเค้ก นี่พี่เฟนะ แฟนพี่เอง พี่เฟน่ารักแล้วก็ใจดีมากๆด้วย” ผมพยักหน้าให้เฟพูดอะไรสักอย่าง
“น้องเค้กครับ ไม่ร้องนะ เดี๋ยวใครแกล้งน้องเค้กบอกพี่เฟเลยนะ พี่เฟจะจัดการให้เอง ต่อให้เป็นพี่ทราฟพี่เฟก็จะตี ดีไหมครับ” เฟลูบหัวน้องเบาๆก่อนจะเลื่อนไปลูบที่แก้มขาวใส
“สวัสดี..ครับ พี่ เฟ” น้องพูดช้าๆ แล้วก็ยอมให้เฟดึงเข้าไปกอด
“น้องเค้ก พี่สองขอโทษนะครับ ไม่โกรธพี่สองนะ พี่แค่อยากเล่นกับน้องเค้กเท่านั้นเอง ดีกันนะ นะๆๆ”
เค้กนิ่งไปก่อนจะยกมือยื่นนิ้วก้อยไปข้างหน้า ไอ้สองยิ้มออกทันทีแล้วก็เอานิ้วก้อยมาเกี่ยวกับนิ้วน้อง
“น้องเค้กน่ารักที่สุดในโลกเลย” เสียงพูดร่าเริงของไอ้สองทำให้เค้กยิ้มออกน้อยๆแต่ยังมีสะอื้นอยู่น้อยๆ
“น้องเค้ก พี่เจเอง เราเจอกันบนรถแล้ว เดี๋ยววันนี้พี่เจทำอาหารอร่อยๆให้กิน น้องเค้กชอบกินอะไรเป็นพิเศษครับ” ไอ้เจดันไอ้สองออกก่อนจะเสนอหน้าเข้ามาใกล้เค้ก แต่เค้กกลับไม่ตอบจนผมต้องออกโรงช่วยเพื่อน
“บอกพี่เจสิครับว่าเค้กชอบกินอะไร”
“ปลาครับ เค้กชอบกินปลา”
“แต่พี่ไม่ชอบปลาอ่ะน้องเค้ก” ไอ้สองพูดขึ้นมาเสียงดัง
“มึงถึงโง่ไงไอ้สอง” ไอ้ครามเชือดนิ่มๆก่อนจะขยับตัวไปหยิบอะไรสักอย่างออกมาจากกระเป๋า มันหยิบหมวกสีแดงออกมาใบหนึ่งแล้วก็เดินมาตรงหน้าเค้กก่อนจะวางหมวกไว้บนหัวเค้ก
“พี่ชื่อคราม ไอ้ทราฟบอกเราแล้วนิ อ่ะ พี่ให้หมวกเป็นของขวัญ ยินดีที่ได้รู้จัก แล้วก็ไม่ต้องร้องไห้ล่ะ เป็นลูกผู้ชายเขาไม่ร้องไห้กันหรอก” ผมเอาเท้าไปเตะขาไอ้ครามทีหนึ่ง เสียงน่ากลัวของมึงเนี่ยแหละจะทำเค้กร้องไห้ แม่ง
“ครับ”
“โอเค แค่นี้เค้กก็รู้จักเพื่อนพี่หมดแล้วนะ ไม่กลัวแล้วใช่ไหมครับ”
“ครับ แต่...”
“แต่อะไรครับ” ผมถามด้วยความอยากรู้
“เค้ก...ปวดหัว”
สงสัยคงร้องไห้หนักเกินไปเลยปวดหัว ไอ้เจเดินไปหยิบยาแก้ปวดหัวมาให้ ส่วนเฟก็เดินไปหยิบน้ำ ผมจัดการให้น้องกินยาก่อนจะให้นอนลงที่โซฟา คนอื่นๆแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง ผมนั่งหั่นผักโดยมีไอ้ครามคอยช่วยนิดหน่อย ไอ้นี่มันถนัดกินอย่างเดียวพอๆกับไอ้สองเลย ผมหันไปมองเค้กก็เห็นว่าหลับไปแล้ว
“มองขนาดนั้นไม่ขอมาเลี้ยงดูที่บ้านเลยล่ะ” เสียงไอ้ครามทำให้ผมหันไปมองหน้ามัน
“อะไรของมึง” ผมไม่เข้าใจคำพูดมันเลยถาม
“ชอบน้องเหรอมึง มึงมีเฟแล้วนะ” มันพูดแล้วก็หันไปมองเค้กก่อนจะยิ้มมุมปาก
“พ่องมึง กูเอ็นดูน้องเขา”
“แน่ใจว่าเอ็นดู ไม่ใช่อยากให้น้องมาดูเอ็นมึงล่ะ” ผมขว้างข่าใส่หัวไอ้ครามอย่างแรง พูดห่าไรว่ะแม่ง ผมรีบหันไปดูเค้ก เผื่อน้องตื่นแล้วได้ยินคำพูดอับปรีของไอ้ครามเข้า น้องจะมองผมยังไงล่ะทีนี้
“กวนตีนกูแล้วมึง” ผมเอามีดชี้หน้าไอ้ครามที่ยักไหลไม่สนใจ
“เค้กเป็นเด็กน่าสงสารอยู่ตัวคนเดียวเท่าที่กูรู้ ทั้งที่เป็นแบบนั้นแต่ก็อยู่คนเดียวไม่มีคนดูแล กูรู้สึกถูกชะตาด้วย กลัวเหงาเลยพามาเล่นที่นี้ พวกมึงไม่รังเกียจใช่ไหม” ผมถาม แต่ก็รู้อยู่แล้วว่าเพื่อนผมมันไม่มีทางใจไม่ไส้ระกำได้หรอก
“กูไม่ใจยักษ์ขนาดนั้นหรอก ที่นี่คนเยอะพามาเล่นก็ดี ว่าแต่ทำไมอยู่คนเดียววะ” ไอ้ครามถามอย่างไม่เข้าใจ ผมเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
“ไม่รู้ว่ะ เคยถาม แต่เค้กบอกว่าอยู่คนเดียว แม่ตายไปแล้วส่วนพ่อไม่รักอะไรประมาณนี้ กูไม่กล้าถาม ดูเหมือนเค้กยังปิดตัวเองอยู่”
ผมอยากรู้เรื่องเค้กให้มากกว่านี้ แต่ถ้ารุกถามมากไปน้องจะกลัวเอาได้ นี่ก็เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันเอง คงต้องรอเวลาอีกสักหน่อย รอให้เค้กเปิดใจมากกว่านี้
“ถ้าไงพามาอยู่ที่นี้ก็ได้นะ อยู่ตัวคนเดียวทั้งที่มองไม่เห็นแบบนั้น คงลำบากน่าดู ทีไอ้เด็กที่มาเรียนเรายังเลี้ยงดูพวกมันได้ กับเด็กตัวเล็กแค่นี้คงไม่ทำให้ลำบากสักเท่าไหร่หรอก” ผมคิดตามไอ้คราม ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็คงดี ผมจะได้ดูแลได้ง่ายๆหน่อย เค้กก็จะได้ไม่เหงาด้วย
“ความคิดดี ขอบใจวะ”