Traf says:
“ว่าไงเฟ โทรมาแต่เช้าเชียว” ผมกดรับสายเฟที่โทรมาตั้งแต่เช้า
[เฟโทรเช้ามันก็ไม่แปลกหรอก แต่ที่แปลกคือทำไมทราฟตื่นเช้าจัง นี่มันเพิ่งจะแปดโมงเช้านะ สึนามิเข้าไทยแน่ๆ]
“ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่เฟโทรมาแต่เช้ามีอะไรเหรอ” ผมถามพรางหยิบน้ำหอมมาฉีดที่ตัว
[คือว่าวันนี้หนังเรื่องที่เฟอยากดูมันจะออกโรงแล้ว วันนี้วันสุดท้ายเลยจะโทรมาชวนทราฟ ไปด้วยกัน น้า] มือผมชะงักค้างไปเมื่อเฟบอก
“เอ่อ คือว่าวันนี้ ทราฟไม่ว่างอะ” ผมพูดไม่ออก รู้สึกผิดที่ปฏิเสธไปแบบนั้น แต่วันนี้ผมนัดกับเค้กไว้แล้วว่าจะไปรับมาทานข้าวเช้าที่บ้านแล้วก็จะสอนกีตาร์ให้เค้กด้วย ผมผิดนัดเค้กไม่ได้ แค่คิดถึงหน้าเค้กผมก็ยิ่งรู้สึกว่าต้องไปรับ ยังไงวันนี้ก็ไปกับเฟไม่ได้
[ทำไมไม่ว่างล่ะ วันนี้ไม่ใช่เวรทราฟสอนเด็กสักหน่อย มีธุระอะไรเหรอ]
“ทราฟนัดกับเค้กไว้ว่าจะไปรับมาเล่นที่บ้าน” ผมบอกไปตามความจริงเพราะผมกับเฟไม่มีอะไรต้องปิดบังกัน และเฟคงเข้าใจ ก็เค้กน่ะน่ารักน่าเอ็นดูจะตายและดูเหมือนเฟก็จะชอบน้องเหมือนกัน
[เค้ก? งั้นเหรอ เมื่อวานเฟโทรชวนทราฟให้ไปกินข้าวที่บ้านเฟ ทราฟก็บอกว่าไม่ว่างต้องไปส่งเค้กที่ห้อง วันนี้ทราฟก็ไม่ยอมไปกับเฟอีกเพราะต้องไปรับเค้ก ถ้าเค้กไม่ใช่ผู้ชายเฟคงคิดว่าทราฟกำลังจะนอกใจเฟอยู่นะ]
“ทราฟขอโทษนะ แต่ทราฟนัดน้องไว้ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ไว้วันหลังนะเฟ” ผมรีบบอกกลัวเฟโกรธที่ไม่ยอมไปดูหนังด้วย แต่ผมเบี้ยวน้องไม่ได้นี่น่า
[อืม งั้นคราวหน้าถ้ามีหนังที่เฟอยากดูทราฟห้ามปฏิเสธอีกนะ]
“ได้สิ แค่นี้นะ เดี๋ยวทราฟต้องออกไปรับน้องแล้ว”
[อืม บาย] ผมกดวางสายเฟแล้วตรวจดูความเรียบร้อยของตัวเองในกระจก หยิบกุญแจรถกระเป๋าตังค์และโทรศัพท์ใส่ในกระเป๋ากางเกงก่อนจะเดินออกจากห้องผิวปากลงไปข้างล่าง
“จะไปไหนแต่เช้าวะ” ไอ้เจถามผม มีมันกับไอ้ครามที่ตื่นเช้าเพราะต้องตื่นมาทำอาหาร ส่วนไอ้ครามคงไปวิ่งจ๊อกกิ้งออกกำลังกาย
“ไปรับเค้กมาเล่นที่นี่ เดี๋ยวกูมา มึงทำไรกินวะวันนี้”
“มีไข่พะโล้ ผัดเปี้ยวหวาน มัสมั่นไก่ หมูทอด มึงออกไปกูฝากซื้อน้ำแข็งมาหน่อยดิ วันนี้กูจะทำเต้าทึง จะได้กินเย็นๆ”
“ได้ มึงทำปลานึ่งซีอิ๋วให้หน่อยดิ เดี๋ยวเค้กมากินข้าวเช้าด้วย กูว่ามีปลาเหลืออยู่ตัวหนึ่ง มีเปล่าวะ” ผมถามเพราะผมจำได้ว่าเมื่อคืนเปิดตู้เย็นแล้วเจอปลาที่เหลือจากวันที่จัดงานเลี้ยงอยู่ตัวหนึ่ง
“มีๆ เดี๋ยวกูทำให้” ผมโบกมือให้ไอ้เจก่อนจะขึ้นรถแล้วขับออกไปรับเค้กที่ห้อง หว่างทางก็แวะซื้อขนมเค้กก่อน เพราะอยู่ฝั่งที่ขับไปพอดี ถ้าซื้อขากลับต้องวิ่งข้ามฝั่ง เสียเวลาครับ
“รอบนรถแปบหนึ่งนะเค้ก พี่จะลงไปซื้อน้ำแข็งในเซเว่น เอาอะไรไหม ขนม นม น้ำ” ผมถามเค้กที่นั่งเล่นตุ๊กตาติดกระจกตัวเล็กๆในรถผม
“เอ่อ...ไม่เอาครับ แหะๆ” เค้กหัวเราะนิดๆ ผมขยี้หัวน้องเบาๆก่อนจะลงจากรถเข้าเซเว่นเพื่อซื้อน้ำแข็งแล้วก็ของกินเล่นอีกนิดหน่อย เผื่อเค้กหิว เพราะเขาชอบเกรงใจเลยไม่เรียกร้องอะไรมากเกินความจำเป็น ซื้อของเสร็จก็ขับรถกลับบ้าน ตอนเช้าๆแบบนี้รถติดมาก กว่าจะถึงบ้านก็เกือบสิบโมงเข้าไปแล้ว ผมเองยังหิวมากๆแล้วคนตัวเล็กที่นั่งข้างๆคงรู้สึกไม่ต่างจากผมหรืออาจจะมากกว่าด้วยซ้ำ
“มาแล้วเหรอเค้ก ไปกินข้าวก่อนไป ไอ้ทราฟ กูกินกันแล้ว ของมึงกับน้องอยู่ในครัวจัดการกันเอาเอง”
ผมพยักหน้ารับรู้แล้วก็จูงมือเค้กเข้าไปกินข้าวในครัว ครัวในบ้านผมค่อนข้างกว้างมาก เลยตั้งโต๊ะกินข้าวไว้ในนี้ได้สบายเพราะแบ่งโซนไว้เรียบร้อยแล้ว
ผมกับเค้กกินข้าวไปก็คุยเล่นกันไป เค้กชอบปลานึ่งซีอิ๋วเอามากๆ กินเอาๆจนแก้มป่อง ผมเห็นเค้กกินได้เยอะผมก็ดีใจ ถ้าผมเอาเค้กมาเลี้ยงดูที่บ้านนะจะขุนให้อ้วนเลยคอยดู เพราะตอนนี้เค้กตัวเล็กและผอมเกินไป ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร แต่มันทำให้เค้กดูบอบบางเข้าไปอีก
“ไอ้เจ ไอ้สองกับไอ้ครามมันหายไปไหนวะ” ผมถามเพราะเห็นไอ้เจนั่งเล่นคอมฯอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น
“ไอ้ครามไปดูงานให้พ่อมัน ส่วนไอ้สอง รับสายใครไม่รู้แล้วมันก็รีบออกไปเลย กูไม่ทันได้ถาม” ไอ้เจละสายตาจากหน้าจอคอมตอบผม ก่อนจะกลับไปสนใจคอมฯต่อเหมือนเดิม
“อืม แล้วมึงไปไหนไหม” ผมถามพร้อมกับดันตัวเค้กให้นั่งบนโซฟา
“ไม่วะ อากาศร้อนกูขี้เกียจออกไปไหน เด็กกูแม่งก็หายหัวไปไหนไม่รู้” มันบ่นแต่ดูเหมือนบ่นไปงั้นๆไม่ใส่ใจสักเท่าไหร่
“มันหายหัวหรือมึงไม่สนใจมันกันแน่”
ผมไม่เห็นมันจะคบกับใครได้นานสักที ลอยไปเรื่อย ดีนะที่มันชอบผู้ชาย ถ้าชอบผู้หญิงนี่...ประมาทมันไม่ได้นะครับ เห็นติ๋มๆอย่างนี้ แต่มันมักจะฟาดเด็กและถีบหัวทิ้งแบบนิ่มๆ เรียกว่าเลวเชี่ยๆเลยก็ว่าได้ แต่มันคบใครมันก็คบทีละคน ผมเลยไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องของมันมากนัก เตือนได้ก็เตือน ทีเหลือก็ให้มันจัดการตัวมันเอง
เรื่องแบบนี้ตบมือข้างเดียวมันไม่ดังหรอกครับ ถ้าเด็กมันไม่เสนอไอ้เจมันก็ไม่สนองหรอก ผมคบกับมันมานานผมรู้จักเพื่อนผมดี ไม่ได้เข้าข้าง แค่พูดไปตามเนื้อผ้า
“ปากดีไอ้สัด แต่ละคนแม่งน่ารำคาญเกิน ช่างเหอะ กูเบื่อแล้วเหมือนกัน”
“ทำไม เสื่อมสมรรถภาพแล้วเหรอมึง ยังหนุ่มยังแน่น ไม่ไหววะ” ผมแกล้งล้อมัน
“ตีนนิ จะไปไหนก็ไปเลย อยู่ใกล้ก็กวนตีนกู” ไอ้เจพูดหน้างอ ผมนี่ฮาแตกเลยครับ
“เค้กรอนั่งรอนี่ก่อนนะ พี่ไปเอากีตาร์ก่อน” ผมบอกเค้กที่นั่งก้มหน้าแดง คงเพราะฟังเรื่องที่ผมกับไอ้เจพูดกัน เค้กดูไร้เดียงสาจนผมอดไปได้ที่จะหยิกแก้มเค้กเบาๆด้วยความเอ็นดู ไม่กล้าทำแรงกลัวน้องเจ็บ
“ครับ” เค้กยกมือลูบแก้มตรงที่โดนผมหยิกแล้วก็เงยหน้ามายิ้มเล็กๆที่ดูแล้วน่ารักดี
เค้กมักจะว่าง่ายเสมอ มันเลยทำให้ผมอยากรู้ว่าถ้าน้องดื้อแล้วจะเป็นยังไง ผมยิ้มขำให้กับความคิดของตัวเองก่อนจะเดินขึ้นห้องไปหยิบกีตาร์โปร่งมาตัวหนึ่ง เลือกเอาตัวที่เบาและสายนิ่มหน่อยเวลาเล่นเค้กจะได้ไม่หนักแล้วก็ไม่เจ็บมือมาก
กีตาร์เป็นสิ่งที่ผมรักมากๆ ดูแลอย่างดีทุกตัว นอกจากตัวเองผมก็ไม่ค่อยให้ใครจับ แม้แต่พวกเพื่อนผมก็นานๆจะได้แตะสักที ผมมีกีตาร์เยอะมาก เรียกว่าสะสมเลยเถอะ กีตาร์โปร่งมีหกตัว กีตาร์ไปฟ้าอีกห้า ผมจะมีมากกว่านี้ถ้าตอนเรียนแม่ผมไม่เบรคไว้ก่อน เพราะกีตาร์แต่ละตัวเรียกได้ว่าแพงลากเลือด แต่เมื่อเทียบกับความชอบ ยี่ห้อ ความสวย เสียงเพราะ คุณภาพดี แพงยังไงผมก็ยินดีจ่าย ไม่แปลกที่ผมจะหวงกีตาร์ตัวเองเป็นพิเศษ
ได้กีตาร์แล้วผมก็เดินไปหยิบผลไม้กับน้ำหวานที่ชงไว้ ใส่โซดากับมะนาวเพิ่มเวลากินเย็นๆจะสดชื่มมาก ได้ของครบผมก็เดินกลับมาที่ห้องนั่งเล่น ไอ้เจนั่งคุยกับเค้กไปเรื่อยเปื่อย เค้กดูปรับตัวเข้ากับเพื่อนผมได้ดี มีโต้ตอบพูดคุยกว่าวันแรกที่เจอ
“มาแล้วครับ พร้อมที่จะเรียนกีตาร์หรือยังคนเก่ง” ผมวางของไว้ที่โต๊ะกระจกก่อนที่จะนั่งลงกับพื้น พื้นที่มันเยอะว่าบนโซฟา ผมชอบนั่งเหยียดแข็งเหยียดขาเพราะมันสบายดี
“พร้อมแล้วครับคุณครู” เค้กบอกอย่างน่ารักน่าหยิก แม่เค้กเลี้ยงลูกมายังไงวะเนี่ยผมอยากรู้ ถึงได้เป็นเด็กดีแล้วก็น่ารักแบบนี้ เฮ้อออออ มองดูตัวเอง เพื่อนผมแล้วก็เค้ก มันยิ่งกว่าฟ้ากับเหวอีกวะ เค้กเหมือนสีขาว ส่วนพวกผมเหมือนสีดำ ดำสนิทด้วย ไม่รู้ว่าเอาน้องมาคลุกคลีด้วยแบบนี้จะทำให้น้องเสียคนหรือเปล่า เหอะๆ
“เอาล่ะ เดี๋ยวพี่จะอธิบายเกี่ยวกับกีตาร์ให้ฟังแบบคราวๆก่อนนะครับ เริ่มแรกที่เราจะเรียนก็คือส่วนประกอบของกีตาร์และคอร์ดกีตาร์ อันนี้สำคัญมากเพราะเป็นหัวใจหลักเลยก็ว่าได้ เอาล่ะมานั่งนี่มา จะได้เรียนง่ายๆ” ผมเริ่มต้นสอน
ดึงตัวเค้กให้มานั่งที่หว่างขาของผม เอากีตาร์ให้น้องถือไว้โดยผมนั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง จับมือข้างซ้ายของเค้กไปวางไว้ตรงคอกีตาร์ ส่วนมือขวาก็ให้แตะไว้ที่สายกีตาร์ที่ไว้ดีด
“จับตรงนี้นะ นี่เป็นส่วนหัวของกีตาร์ จะมีลูกบิดอยู่หกตัวฝั่งละสามตัว ส่วนตรงนี้เรียกว่านัทนะ ส่วนตรงนี้มีไว้ปรับสายให้ตึงหรือหย่อนเพื่อให้ได้เสียงตามต้องการของสายแต่ละเส้น” ผมอธิบายแล้วก็จับมือน้องให้แตะส่วนต่างๆ ไล่นิ้วไปเรื่อยๆช้าๆเพื่อที่เค้กจะได้เข้าใจ
“ต่อไป ตรงนี้นะ เป็นส่วนของคอกีตาร์ คือส่วนที่เราใช้จับคอร์ดเล่นโน๊ตต่าง ๆ จะมีสายหกสาย นี่สายแรกและไล่ขึ้นไปถึงสายที่หก สายแรกจะเสียงแหลมที่สุด ลองดีดูนะ แบบนี้”
ผมจับนิ้วเล็กๆของเค้กวางไว้ที่เส้นแรกแล้วลองดีดเบาๆ เค้กดูตื่นเต้นกับกีตาร์ในมือเป็นอย่างมาก ลองดีดคบทุกสายแล้วก็วนกลับมาที่สายแรก ผมเอี้ยวตัวดูหน้าเค้ก ก็เห็นเค้กยิ้มเหมือนมีความสุขกับการเล่นกีตาร์มากจนผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม
เค้กเป็นคนหัวไวมาก ผมสอนอะไรไป พอถามก็ตอบได้ตลอด ผมให้เค้กจับกีตาร์และทบทวนที่ผมบอกไปเรื่อยๆไม่รีบ ผมเคยสอนรุ่นน้องเล่น แต่ไม่ถึงอาทิตย์ผมก็เลิกสอนเพราะมันไม่จำอะไรเลย พอสอนไปไกลหน่อยมันดันลืมเรื่องพื้นฐานไปซะหมด ผมทั้งด่าทั้งว่ามันก็ไม่เคยจำ อีกอย่างผมไม่ค่อยมีความอดทนในการสอนอะไรใครเท่าไหร่ มันจะทำให้ผมหงุดหงิดเสมอ ที่สอนอยู่นี่ยังไม่เท่าไหร่ เพราะถ้าเด็กมันไม่จำผมก็จับทุ่มอย่างเดียว สะใจดี
แต่กับเค้กผมไม่เบื่อเลยเวลาสอน เพราะเค้กสนใจและใส่ใจ ตั้งใจเรียน หัวไว เรื่องมองไม่เห็นกลายเป็นเรื่องเล็กๆไปเลยเมื่อเทียบกับความตั้งใจจริงของเค้ก มันทำให้ผมรู้สึกอยากที่จะสอนให้เค้กเล่นเป็นและต้องเล่นให้เก่งด้วย แค่เวลาสามสี่วันที่ผมสอนไป เค้กสามารถจำคอร์ดที่ผมสอนได้หมดและไม่ลืมเรื่องที่สอนไปแรกๆด้วย เค้กไม่เคยบ่นว่าขี้เกียจหรือไม่อยากเรียนเลยสักครั้ง วันที่ผมมีสอนเด็ก เค้กก็จะนั่งเล่นกีตาร์ไปเรื่อยเท่าที่ผมสอน บางทีไอ้ครามว่างก็จะช่วยสอนเค้กอีกคน
รอยยิ้มของเค้กมีมากขึ้นกว่าที่เจอกันตอนแรกๆ ที่แม้จะยิ้มแต่ก็ดูมีความเศร้าแฝงอยู่ แต่ว่าตอนนี้เค้กยิ้มแทบจะตลอดเวลาและเป็นยิ้มที่ออกมาจากใจไม่มีความเศร้ามาปะปน ผมอยากให้น้องมีแต่ความสุขแบบนี้ นอกจากเค้กจะเปลี่ยนไปแล้ว ผมรู้สึกได้เลยว่าตัวเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน ผมเป็นคนอารมณ์ร้อนแต่เวลาอยู่กับเค้กผมจะสงบลง ทำอะไรจะคิดมากขึ้น และสบายใจทุกครั้งที่อยู่ใกล้ จนไอ้พวกเพื่อนผมมันแซวว่าผมติดเค้กเข้าซะแล้ว
“จะไปรับน้องเหรอ” ไอ้สองถามผมที่กำลังเดินลงบันได
“เออ มึงจะเอาอะไรเปล่ากูจะได้ซื้อเข้ามาทีเดียว”
“ไม่อ่ะ เฟโทรมาบอกกูว่าเดี๋ยวจะเข้ามาที่นี่” ผมมองหน้าไอ้สองแบบงงๆ
“ทำไมเฟไม่โทรหากูวะ”
“เฟบอกโทรหามึงไม่ติด มึงปิดเครื่อง” ผมหยิบมือถือตัวเองออกมาดู เวรกรรม แบตหมดตั้งแต่เมื่อไหร่วะ
“แบตกูหมดวะ แปบหนึ่งนะมึง เดี๋ยวกูขึ้นไปชาร์ตแบตก่อน” ผมวิ่งขึ้นห้องเอาโทรศัพท์ไปชาร์ตแบตแล้วก็ถอดซิมออกมา เดินไปห้องไอ้คราม เคาะประตูไม่นานมันก็เปิดออกมา แต่ตามันยังไม่ลืมเลย
“มีอะไรวะ” มันถามเสียงงัวเงีย แถมไม่เหลือคราบมาเฟียเลย
“กูยืมโทรศัพท์เครื่องดิ ของกูแบตหมดชาร์ตอยู่ เดี๋ยวกูจะออกไปรับเค้ก” มันพยักหน้ารับรู้ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์มาให้ผมเครื่องหนึ่ง มันเป็นคนที่ชอบเทคโนโลยีมากๆ โทรศัพท์รุ่นไหนออกมันซื้อใหม่ตลอด แต่เครื่องเก่าๆมันก็เก็บรักษาไว้อย่างดี คอยเช็คดูไม่ให้เสียอยู่ตลอดๆ ผมเคยว่ามันว่าเปลืองเงิน แต่มันพูดแค่ว่า ‘เงินของกู’ ผมเลยไปไม่ถูกเลย แม่งไม่แคร์อะไรเลยจริง
“ขากลับแวะซื้อซาลาเปาเจ้านั้นมาให้กูด้วย หมูแดงสาม หมูสับสอง ไส้รวมกับใส่ครีมอีกอย่างละสาม ขนมจีบด้วย ซื้อมาเยอะๆเอาให้พอกิน มึงจะกินอะไรก็ซื้อมา นี่เงิน” ไอ้ครามยื่นแบงค์ห้าร้อยให้ผมก่อนจะปิดประตู มันคงกลับไปนอนต่อ ผมเดินลงไปข้างล่าง เห็นว่ากลับมาเช้า คงจะเหนื่อย
“ไอ้สอง เฟมาฝากบอกด้วยว่ากูไปรับเค้ก เดี๋ยวกลับมา ตกลงมึงไม่เอาอะไรใช่ไหม” ผมถามมันอีกรอบ
“อะไรก็ซื้อมาเหอะ กูกินได้หมด ตอนนี้กูนึกอะไม่ออกวะ รีบไปรับน้องเลยมึง กูจะได้มีเพื่อนเล่น” โธ่ แล้วพวกมันก็มาว่าว่าผมติดเค้ก พวกมันก็ติดเหมือนกันนั่นแหละ ออกไปไหนมีของฝากมาให้เค้กตลอด แรกๆน้องส่ายหัวไม่เอาท่าเดียว แต่ลูกตื้อพวกผมเยอะ แถมยังแอคติ้งตีหน้าและน้ำเสียงเศร้าซะสมจริงจนเค้กปฏิเสธไม่ได้ จนเค้กเหนื่อยใจที่จะปฏิเสธ
“เค้กครับ วันนี้ไปนอนที่บ้านพี่นะ” ผมช่วยเค้กเก็บของเล็กๆน้อยๆที่เค้กต้องใช้
“ทำไมเหรอครับ”เค้กถามตอนนี้กำลังให้อาหารปลาทองแสนรักอยู่
“ก็ไปเล่นบ้านพี่ไง พรุ่งนี้วันเสาร์ด้วย เผื่อมีโปรแกรมอะไรพิเศษๆ เอาอ้วนกลมไปด้วยก็ได้ เค้กจะได้ไม่เป็นห่วง”
“เอาไปได้เหรอครับ” เค้กถามตาโต ถ้าตาโตๆสองคู่นี้มองเห็นมันจะดีแค่ไหนนะ
“เอาไปได้สิครับ เค้กตัวใหญ่กว่าอ้วนกลมยังไปได้เลย แค่ปลาตัวเล็กๆสบายมาก” เค้กทำหน้ายู่นิดๆแต่ดูน่ารักดี เมื่อเก็บของเสร็จ ผมจัดกระเป๋าเสื้อผ้าให้น้อง ขากลับแวะซื้อของที่ไอ้ครามฝากซื้อและก็ขนมอีกนิดหน่อยที่ผมเลือกเอง เพราะน้องไม่ยอมบอกว่าอยากกินอะไร เอาแต่พูดว่าอะไรก็ได้ ผมเองก็ไม่อยากบังคับให้น้องต้องพูด รออีกสักหน่อยให้เค้กปรับตัวได้คงดีขึ้นกว่านี้
“เค้กมาแล้วววววว มานี่ๆ พี่มีของเล่นใหม่ด้วยนะวันนี้” ไอ้สองวิ่งเข้ามาหาเค้กเป็นคนแรกก่อนจะดึงเค้กให้เดินตามมันไปที่ตัวต่อเลโก้ที่มันซื้อมาเมื่อวาน ผมเดินไปหาเฟที่นั่งอยู่ที่โซฟา มองผมตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน
“ทราฟ วันนี้ไปดูหนังกันไหม คราวนี้ห้ามเบี้ยวนะ ทราฟสัญญาไว้แล้ว” เฟบอกแล้วก็เขย่าแขนผมเหมือนอ้อนๆ
“ไปตอนไหนล่ะ” ผมถาม เพราะบอกไว้แล้วว่าจะพาไปถ้าเฟอยากดูหนัง
“อืม กินข้าวเช้าเสร็จก่อนก็ได้แล้วค่อยไป วันนี้ตอนเย็นเฟต้องไปกินข้าวกับที่บ้านด้วย ทราฟไปด้วยกันไหม”
“ไม่รู้สิ ไว้ค่อยคิดนะ ไปกินข้าวกันดีกว่าป่ะ ไอ้สอง หยุดเล่นก่อนพาเค้กไปกินข้าว”
บรรยากาศบนโต๊ะกินข้าววันนี้ครึกครื้นกว่าปกติเพราะว่าอยู่กับพร้อมหน้าพร้อมตาทุกคน กินไปคุยเล่นไป ด่าจิกกัดกันไปต่างๆนาๆ ทุกคนดูมีความสุขดีและผมเองก็เช่นกัน
“เค้กครับ ไปดูหนังกับพี่กับพี่เฟไหมหรือจะเล่นอยู่ที่บ้าน” ผมถามน้องเผื่อว่าเค้กอยากออกไปเที่ยวข้างนอกบ้าง
“ไม่ครับ เค้กเล่นอยู่ที่นี้ดีกว่า” เค้กตอบโดยไม่เงยหน้าจากตัวต่อ
“เอางั้นเหรอครับ เป็นเด็กดีนะ เดี๋ยวพี่ซื้อขนมมาฝาก”
“เค้กเป็นเด็กดีอยู่แล้วเหอะ ไม่เคยดื้อเลย” เค้กบ่นหงุบหงิบ
น้องจะเป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ผมแกล้งพูดว่าน้องดื้อ หึหึ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเค้กเป็นเด็กดีแค่ไหน เป็นเด็กดีขนาดที่บางครั้งผมอยากให้น้องเอาแต่ใจตัวเองบ้าง เพราะเค้กชอบตามใจคนอื่น ใครบอกอะไรก็ฟังไปซะหมด ผมบ้าหรือเปล่าที่คิดแบบนี้ แต่ผมยอมบ้า คอยดูนะ ผมจะทำให้เค้กกลายเป็นเด็กดื้อให้ได้ ฮ่าๆๆๆๆ โรคจิตแล้วกู >_<
“นั่งรอนี่ก่อนนะเฟ เดี๋ยวทราฟไปซื้อขนมกับน้ำให้” เฟพยักหน้าแล้วก็นั่งรอแถวๆหน้าโรงหนัง ส่วนผมก็ไปต่อแถวซื้อขนมไว้กินในโรง วันนี้คนเยอะเป็นพิเศษ คงเพราะเป็นวันหยุดแถมยังมีแต่หนังน่าดูทั้งนั้น ผมอยากให้เค้กได้มาดูหนังบ้าง แต่มันคงเป็นไปไม่ได้เพราะน้องมองไม่เห็น จะมีวิธีไหนบ้างที่จะทำให้น้องมองเห็นได้
“ทราฟ ดูหนังเสร็จแล้วไปเดินซื้อของกันนะ” เฟบอกผมก่อนจะคว้าแก้วโค้กไปดูด
“อืม เอาสิ” ผมบอกแล้วก็นั่งลงข้างๆเฟ รอเวลาหนังเข้า ผมก็จัดการปิดเสียงโทรศัพท์แต่ไม่ปิดเครื่อง เผื่อมีเรื่องอะไรสำคัญ
ดูไปได้ครึ่งเรื่องโทรศัพท์ผมก็สั่น พอหยิบขึ้นมาดูก็เห็นเป็นเบอร์ไอ้เจโทรมา ผมหันไปบอกเฟแล้วก็ออกไปรับสายข้างนอก
“มีอะไรวะ กูดูหนังอยู่เนี่ย มึงไม่รู้เหรอ” ผมถามเพราะผมเคยตกลงกับพวกมันไว้ว่าถ้าใครไปดูหนังห้ามโทรหาทั้งสิ้นยกเว้นเป็นเรื่องสำคัญจริงๆ มันเป็นกฏที่ต้องตั้งเพราะว่าเวลาที่ไม่ใช่เวรผมหรือไอ้คราม มักเกิดเรื่องตลอดแล้วไอ้เจกับไอ้สองก็จะต้องโทรตามให้ผมกับไอ้ครามไปจัดการอยู่เรื่อย มีครั้งหนึ่งไอ้ครามกำลังอยู่กับเด็กเรียกได้ว่ากำลังเข้าได้เข้าเข็มด้วย แต่กลับโดนไอ้สองโทรตามตัวเพราะเด็กในโรงฝึกตีกันแล้วมันห้ามไม่ไหว วันนั้นเรียกได้ว่าเละกันไปข้างทั้งเด็กแล้วก็ไอ้สอง ผมที่ไม่โดนยังสยองเลย แล้วคราวนี้ที่ไอ้เจโทรมาคงเป็นเรื่องสำคัญแน่ๆ
“กูรู้แต่ว่า...เค้กโดนมีดบาดวะ แผลลึกด้วย ร้องไห้อยู่เนี่ยไม่ยอมไปโรงพยาบาล กูไม่รู้จะทำให้น้องหยุดร้องยังไงอ่ะ เลือดออกเยอะด้วยแม่ง กูทำไรไม่ถูกเลยโทรหามึง ไอ้ครามก็ห้ามเลือดให้อยู่ มึงรีบกลับบ้านได้หรือเปล่าวะ คือ...”
ติ๊ด!
ผมกดวางสายแล้วก็วิ่งไปที่ลานจอดรถด้วยความเร่งรีบ ตอนนี้ผมโมโหมาก ฝากเค้กไว้กับพวกมันไม่ถึงครึ่งวันก็เกิดเรื่องซะแล้ว แถมคราวนี้ถึงกับเลือดตกยางออก มันดูแลเค้กประสาอะไรกันวะเนี่ย รับรองได้เจอดีกันถ้วนหน้าแน่ ยิ่งรีบก็เหมือนยิ่งช้า ไม่รู้รถแม่งจะติดอะไรนักหนาคนยิ่งรีบๆอยู่ จนผมได้ยิ่งเสียงสั่นของโทรศัพท์ก็กดรับ เป็นเฟที่โทรมาทำให้ผมนึกได้ว่าผมทิ้งเฟไว้ในโรงหนังคนเดียว เป็นเรื่องแล้วไงกู!
โว้ยยยยยยย!
“ฮัลโหล”
“ทราฟอยู่ไหนอ่ะ หนังจบแล้วนะ ไปอยู่ไหนเนี่ย” เฟบ่นอย่างหงุดหงิดและตอนนี้ผมก็หงุดหงิดเหมือนกัน
“เฟ ทราฟขอโทษนะ แต่พอดีเค้กโดนมีดบาดร้องไห้ไม่หยุดทราฟต้องกลับไปดูน้องอ่ะ” ผมรีบพูด ไฟสัญญาเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผมก็รีบออกรถทันที
“แต่วันนี้ทราฟมาเที่ยวกับเฟนะ ที่บ้านก็มีคนอยู่นี่ ทำไมทราฟต้องกลับด้วยล่ะ” เฟพูดอย่างไม่ยอม
“ไว้วันหลังนะเฟ ทราฟเป็นห่วงน้อง แค่นี้ก่อนนะ” ผมวางสายแล้วก็หักเลี้ยวรถขับกลับบ้านทันที
รู้ตัวว่าผิดที่ทิ้งเฟแล้วกลับมาแบบนี้ แต่ผมเป็นห่วงเค้กเกินกว่าที่จะรับรู้อะไรได้ ขอแค่เห็นว่าน้องไม่เป็นอะไรมากผมจะได้รู้สึกโล่งใจขึ้น แค่คิดว่าเค้กร้องไห้ไม่หยุดผมก็ยิ่งเหยียบเร่งความเร็ว เรื่องเฟคงต้องไว้ก่อน แล้วค่อยง้อเอาทีหลัง แต่ตอนนี้เค้กสำคัญที่สุดในความรู้สึกผม...สำคัญขนาดที่ผมต้องรีบกลับไปดู
ต่อจากนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้นผมจะยอมรับผิด ขอแค่ผมได้กลับไปหาเค้กและทำให้เค้กหยุดร้องไห้...แค่นั้นพอ