บทที่5
ทั้งรักทั้งเเค้น...
ด้านจูจูเดินเหม่อลอยระหว่างทางกลับเรือนที่ยาวไกลมีเพียงเเสงจันทร์ช่วยนำทางเท่านั้น
หลังจากที่เเอบเข้าไปในงานเพื่อหาของกินที่ใช้รับเเขกเรื่อที่มาร่วมงานวันเกิดน้องรอง นางหยิบโน่นนี่จนเต็มถุงผ้าที่ตระเตรียมไว้เเล้ว เเละได้ยินข่าวที่บิดาจะกลับมาในเร็ววันเเล้วยินดียิ่ง
เเผนการทุกอย่างต้องถูกปรับเปลี่ยนให้เร็วขึ้น เเรกเริ่มเดิมทีนางเองจะส่งจดหมายถึงบิดาให้กลับจวนคงใช้ระยะเวลาเดือนหนึ่ง พอบิดาจะกลับมานางเองก็คงต้องเริ่มลงมือเช่นกัน
"ไม่ทราบว่า คุณหนูใหญ่หลานออกมาเดินเล่นหรือ.."เสียงบุรุษที่ไม่รู้มมาจากไหนเหมือนปรากฎตัวกลางอากาศเอ่ยขึ้น
" ไม่นึกว่าเถ้าเเก่กงจวิ้นจะชอบไปมาไร้สุ่มเสียงเช่นนี้"จูจูเอ่ยขึ้นไร้ความหวาดระเเวงจะอย่างไรบุรุษสวมหน้ากากผู้นี้ก็เป็นคนน่าคบหาเป็นสหายผู้หนึ่ง เขารู้ความลับของนางหลายเรื่องบางทีอาจจะรู้ความเป็นอยู่ของนางเเล้วก็ได้
"เพียงคิดว่าอยากได้รูปเร็วขึ้นสักหน่อย จึงเตรียมกระดาษ พู่กัน สีเเละกลีบดอกไม้ไปไว้ในห้องคุณหนูใหญ่เเล้ว หวังว่าคุณหนูใหญ่จะไม่ตำหนิ"กงจวิ้นเอ่ยขึ้นโดยท่าทีอ่อนโยน เขาพึ่งได้รับรู้เรื่องราวชะตาของคุณหนูใหญ่หลานเมื่อไม่กี่ก้านธูปก่อนหน้า นางน่าสงสารยิ่งนักมารดาตายจากตั้งเเต่ยังเล็กไร้ร่มเงาต้นไม้ใหญ่ บิดาเป็นเเม่ทัพใหญ่จากไปชายเเดนเพื่อทำศึกกว่า10ปีเเล้วมิได้กลับ นางกลับมีความสามารถด้านการวาดภาพเป็นเอก เพราะเรื่องของนางเป็นเช่นนี้ผู้อื่นจึงขาดไม่ถึงว่านางคือ ปรมาจารย์ไป๋
"ท่าน...."เขาเป็นบุรุษเข้าห้องสตรียังไม่ปักปิ่นได้อย่างไร อีกทั้งสภาพเรือนสภาพห้องที่เก่าทรุดโทรมถึงเพียงนั้น มีอันใดน่ามองกัน
"ยินดีด้วยกับคุณหนูใหญ่หลาน ที่ท่านเเม่ทัพใหญ่ใกล้จะกลับเเล้ว ส่วนจดหมายคงไม่ต้องส่งเเล้ว พรุ่งนี้ข้าจะนำตั๋วเงินมาคืนให้เต็มจำนวน"ความรุ้สึกเเรกคือนางดูเข้มเเข็งเเละน่าสนใจ เเต่พอได้รับรู้เรื่องราวต่างๆๆ เป็นเขาเองที่ละสายตาจากนางไม่ได้
"ขอบคุณ ท่านรีบไปเสียหญิงชายมิควรอยู่ใกล้ชิดกันสองต่อสอง พรุ่งนี้ยามบ่ายข้าจะไปส่งภาพวาดให้ที่โรงรับจำนำ"จูจูเอ่ยอย่างรวบรัด มิให้เถ้าเเก่กงจวิ้นอยู่นานนัก
"ได้ เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน"เขาเองก็ไม่เข้าใจตัวเองเช่นกัน ว่าทำไมทุกครั้งถึงใจดีกับนางเสมอเพียงรู้ว่าคนใดคิดร้ายกับนางเขาอยากเข้าไปปั่นหัวให้สิ้น สัณชาตญาณเขาร้องเตือนให้ปกป้องนาง ทั้งที่พบกันได้เพียงหนึ่งวัน ความคิดกับสติตีรวนสับสนวุ่นวายไม่หมด
____________________________________________________
หลังจากที่เถ้าเเก่กงจวิ้นใช้วิชาตัวเบาจากไปเเล้ว
จูจูเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าชายบุรุษสามหน้ากากนั้นดูอย่างไรก็อายุน่าจะเกิน30 รูปร่างสูงใหญ่
ผิวพรรณดั่งคนสุขภาพดี เหตุใดจึงให้นางเรียกว่าเถ้าเเก่กันนะ
คิดเยอะไปก็เปล่าประโยชน์ร่างบางเดินเข้าเรือนพร้อมผลไม้เเละอาหารที่นำมาจากในงานวางไว้บนโต๊ะเล็กๆๆ ที่อยู่กลางห้อง เเสงเทียนวูปไหวเพียงหนึ่งเล่มที่นางจุดก่อนออกจากเรือนใกล้ดับเเล้ว มองกระดาษพู่กันอย่างดี พร้อมตลับสีเเละกลีบดอกไม้เเห้งที่เถ้าเเก่กงจวิ้นนำมาวางไว้ให้เเล้วยกยิ้มพึงพอใจ
นับว่าเถ้าเเก่กงจวิ้นช่างใส่ใจ...
จูจูเดินไปดับเทียนในห้อง มองดูเเสงจันทร์นอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย ความเเค้นเป็นเพียงสิ่งเดียวที่หล่อเลี้ยงทำให้นางมีชีวิตอยู่ต่อ...
เเต่ตอนนี้นางต้องเอาคืนคนตระกูลหลานเพื่อเจ้าของร่างเดิมเสียก่อน...
ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะมีแผนการอันใดอีก...
หากรอให้พวกนั้นเริ่มลงมือก่อนมิสู้เราก่อนดีหรือไม่...
คงต้องใช้บริการของเถ้าเเก่จวิ้นอีกเเล้วสินะ....
รุ่งเช้า
จูจูตื่นเเต่เช้า พร้อมเเต่งตัวทะมัดทะเเมงวิ่งอยู่รอบๆๆ เรือนอยู่หลายรอบเพื่อฝึกกำลัง
ร่างนี้ช่างอ่อนเเอนัก เพียงวิ่งสามรอบก็เหมือนหัวใจจะทะลุออกมานอกอก เฮ้อช่างลำบากเสียจริง
"คุณหนู ทำอะไรอยู่หรือเจ้าค่ะ"เเม่นมจื่อเอ่ยอย่างสงสัย
"อ่อข้าเพียงฝึกกายเท่านั้น วานนมช่วยทำกับข้าวเเละเกี๊ยวเนื้อให้ด้วย"ทั้งที่หายใจยังเเทบไม่ทันจูจูเอ่ยขึ้นอย่างรวบรัด
" เเต่เราไม่ได้ซื้อเเป้งมานะเจ้าค่ะ"
"เเป้งอยู่ในครัวเล็ก นมรีบไปทำเถอะข้าหิวเเล้ว"
"นี่คุณหนู ขโมยมาจากโรงครัวหรือเจ้าค่ะ"เเม่นมจื่อหน้าขาวซีด
"จะเรียกขโมยได้อย่างไร ข้าวของเกือบทุกอย่างในจวนนี้ล้วนเเต่ใช้เบี้ยเลี้ยงของท่านพ่อจับจ่าย ข้าหยิบมาใครจะว่าอะไร ข้าล้วนรู้ดีว่าทำอะไรอยู่ นมอย่าได้คิดมาก"จูจูเอ่ยอย่างเอาเเต่ใจ เพราะเเม่นมจื่อเเละเสวี่ยจูคนก่อนเอาเเต่เก็บปากเก็บคำ ยอมผู้คนในจวนเเต่โดยดีถึงได้ถูกเอารัดเอาเปรียบสภาพอนาจลำบากยิ่งกว่าสาวใช้เช่นนี้
เเต่เเล้วอย่างไรเล่า...
จูจูคนนี้หายอมไม่...ร่างบางฮึดฮัดไม่พอใจ...
"เจ้าค่ะ.." เเม่นมจื่อเองก็ตอบรับคำสั่ง ด้วยตลอดมานางเองถูกลดฐานะเเละลำบากมาตลอด หากคุณหนูเข้มเเข็งเช่นนี้นายหญิงที่อยู่บนสวรรค์คงมีความสุข
จูจูฝึกร่างกายกว่าครึ่งชั่วยามเเล้วหยุดลง
เช็ดเนื้อตัวเเล้วเปลี่ยนอาภรณ์ในชุดใหม่ที่ซักสะอาดเเล้ว เเม้จะมีรอยปะชุดอยู่หลายที่ก็ตามไม่ได้บดบังความงามของร่างบางเเม้เเต่น้อย
ร่างบางหวนนึกตอนนี้เดือนสิบเเล้วเดือนหน้าจะมีเทศกาลโคมไฟคู่รักของเเคว้นฉิน รูปภาพที่ลงชื่อว่าเป็นของปรมาจารย์ไป่ล้วนมีมูลค่าเมื่อถูกขายในโรงประมูล หากอี้หลงได้เห็นรูปภาพของนางเล่าจะจำนางได้หรือ
มือขาวดั่งหยกนิ้วเรียวยาวดั่งเทียนไข เริ่มจับพู่กันระบายเเต่งเเต้มสีสันลงกระดาษ เทศกาลโคมไฟในยามค่ำคืนพร้อมชายหญิงคู่หนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าผาใต้ต้นเหมยต้นใหญ่กำลังชมโคมไฟอธิษฐานเต็มท้องฟ้า
ใบหน้างามเต็มไปด้วยน้ำตาคลอ...
ทั้งยังรักทั้งเเค้น....
อี้หลง โหย่วหลันชายชั่วหญิงเลว...
หากข้าไม่ตายพวกเจ้าก็อย่าได้มีความสุข....
_________________________________________
ในห้องมืดสลัว
กลิ่นเหล้าคละคลุ้งโดยรอบ
ไหเหล้าหลายใบถูกวางเกลื่อนกลาด
" นายท่าน "ชายชุดดำคุกเข่าลงเพื่อรายงานสิ่งที่ได้รับมอบหมาย
"ว่าอย่างไร มีข่าวของนางหรือไม่"
"ไม่เลยขอรับ ข้าส่งคนของเราไปทั่วเเคว้นเเล้วขอรับ"
เพลี้ยง!!!!
เสียงไหเเตกเพราะถูกโยนไปใกล้กับชายชุดดำ จนชายชุดดำสั่นสะท้ายนายท่านมิเคยเป็นเช่นนี้มาก่อน
"ต้องหานางให้พบ หากมีชีวิตอยู่ต้องเจอร่างหากตายเเล้วต้องพบศพ หากไม่เจออะไรก็หิ้วหัวตนเองกลับมา" บุรุษที่นั่งบนโต๊ะเอ่ยเสียงเข้มใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราขึ้นรกครึ้ม ดวงตาฉายเเววอ่อนล้าไร้เรี่ยวเเรง เเม้เเต่เหล้าที่ดื่มเข้าไปหลายไหมิได้ทำให้ใจสงบลงได้
'เจียวเออร์เจ้าอยู่ที่ใด...เพียงขาดเจ้าไป...ข้าเเทบไม่อยากหายใจเสียเเล้ว...'
_________________________________________________________________
นอกจวนตระกูลหลาน
ตามทั่วทุกหัวมุมเมืองต่างมีความเล่าลือกันเรื่องหนึ่งกันปากต่อปาก
เล่ากันว่าฮูหยินผู้เฒ่ามีจิตใจเอนเอียงเลือกที่รักมักที่ชังเลี้ยงดูหลานชายหลานสาวที่เกิดจากบุตรชายคนรองเป็นอย่างดีทั้งคู่มีอาจารย์สอนสั่งดั่งบุตรหลานตระกูลใหญ่ ตรงข้ามกับหลานสาวที่เกิดจากบุตรชายคนโตอยู่อย่างงไร้ตัวตนมิเคยมีผู้ใดพบเห็นในงานเลี้ยงต่างๆๆ ด้วยเหตุผลว่าทุกงานเลี้ยงมักจะมีคุณหนูรองอิงฮวายอดพธูของเมืองหลวงปรากฎตัวอยู่บ่อยครั้ง ทำให้ข่าวลือต่างเชื่อกันไปต่างๆๆ นาๆๆ ถูุกใส่สีตีไข่ว่าคุณหนูใหญ่เสวี่ยจูล้วนเป็นบ้าใบ้ ไร้การอบรมสั่งสอน หรือไม่ก็อาจตายไปเเล้ว ปล่อยให้ฮูหยินผู้เฒ่า น้องชายเเละครอบครัวเสวยสุขอยู่บนกองเงินกองทอง
ผู้คนล้วนเห็นใจคุณหนูใหญ่ต่างพอกันขว้างปาเศษผัก ก้อนหินเเละไข่เน่าอยู่หน้าจวนกลุ่มใหญ่ พ่อบ้านฮุ่ยที่เห็นเหตุการณ์ท่าไม่ดีจึงสั่งข้ารับใช้ให้ปิดประตูจวนเเน่หนา รีบไปรายงานฮูหยินผู้เฒ่าอย่างเร่งร้อน
ปึก!!!!!!
เสียงตบโต๊ะอย่างเเรงด้วยความไม่พอใจ
"ใครกันกล้าบังอาจ เอาชื่อเสียงของตระกูลหลานไปพูดคุยเสื่อมเสียเช่นนี้ มันน่าตายนัก"เสียงหญิงชราเอ่ยอย่างไม่พอใจด้วยทุกอย่างที่เล่าลือมาล้วนมีความจริงถึงเเปดส่วน
"ท่านเเม่จะทำอย่างไรดีขอรับ "ตงเว่ยเอ่ยอย่างร้อนรน ทีเเรกวันนี้เขาต้องไปทำงานพอมีความลือเเละพวกชาวบ้านที่ยืนอยู่หน้าจวนคอยด่าทอเเละขว้างปาข้าวของเขาเองก็ไม่อยากเอาตัวไปเสี่ยง
"ข่าวลือนั่นทำอะไรพวกเราไม่ได้ ช่วงนี้ก็อย่าเพิ่งออกนอกจวนเดี๋ยวมีข่าววใหม่ก็เงียบกันไปเอง" ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยอย่างปลงๆๆๆ
"ได้อย่างไรเจ้าค่ะ พรุ่งนี้มีเทียบเชิญเลี้ยงน้ำชาของคุณหนูรองตระกูลกวน หลานต้องไปนะเจ้าค่ะท่านย่า"อิงฮวาเอ่ยอย่างไม่ยินยอม กว่าจะทำให้คุณหนูพวกนั้นยอมรับในตัวนางได้ยากนักหากขาดงานเลี้ยงไปสักงานคุณหนูพวกนั้นย่อมกีดกันนางอีกเป็นเเน่
"อยากไปให้เขานินทาต่อหน้าหรือ พูดอะไรไม่รู้จักคิด" เสียงตะหวาดของฮูหยินผู้เฒ่าทำให้อิงฮวาน้ำตาคลอ เงียบเสียงลง
"เอาเป็นว่าเป็นไปตามนี้ ส่วนเจ้าตงเว่ยเอาเครื่องประดับพวกนี้ไปขายเสียนำเงินไปจ้างคนในยุทธภพที่ใช้พิษจัดการเจ้าใหญ่เสีย จะปล่อยให้เจ้าใหญ่เข้าเมืองหลวงไม่ได้ต้องจัดการมันตั้งเเต่นอกเมือง"ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ยสั่งการ
" ขอรับท่านเเม่" ตงเว่ยเเม้จะไม่พอใจอยู่บ้างที่ต้องสั่งฆ่าพี่ชายร่วมบิดาเดียวกัน
เเต่จะทำอย่างไรได้เล่า...
เมื่อท่านเเม่สั่งเขาก็ต้องทำมิอาจขัดขืน....
__________________________
ช่วงบ่าย
จูจูวาดภาพเทศกาลโคมไฟเสร็จนานเเล้ว วางปล่อยไว้ให้สีเเห้งสนิทจึงเก็บใส่กระบอกไม้ไผ่ที่วางอยู่ข้างๆๆ กัน
เมื่อเรียบร้อยจึงชักชวนเเม่นมจื่อให้ออกจากจวน
"นมไปกันเถอะ"
"ไปอีกเเล้วหรือเจ้าค่ะ"
"อืม...ไปหาเงินตำลึงเพิ่มกัน ส่วนนี้นมเก็บเอาไว้นะ"
ร่างบางตอบด้วยความมั่นใจพลางยื่นตั๋วเงินตำลึงให้เเม่นมเก็บไว้ทั้งหมด นางมีเเผนการอยู่เเล้ว
"เจ้าค่ะ" เเม่นมจื่อรับตั๋วเงินตำลึงด้วยมือสั่นเทา นานเเล้วที่ไม่ได้เห็นตั๋วเงินมากมายเพียงนี้คงหลังจากที่นายหญิงจากไป ทั้งตั๋วเงินเเละเครื่องประดับถูกฮูหยินผู้เฒ่าริบไว้ทั้งหมด
จูจูเเละเเม่นมจื่อออกไปทางประตูเล็กเช่นเดิม
ครานี้ไม่มีคนเฝ้าประตูเช่นเดิม มีเพียงสาวใช้ทั่วไปอยู่ในครัวเพียงสองสามคนเท่านั้น ซึ่งไม่ได้ใส่ใจพวกนางมากนัก
เมื่อพ้นประตูเล็กเเล้วจูจูเเละเเม่นมจื่อก็เดินทางด้วยเท้าไปโรงรับจำนำอีกครั้ง ตลอดทางที่ผ่านตลาดชาวบ้านต่างเล่าลือเรื่องคุณหนูใหญ่หลานเสวี่ยจูผู้อาภัพตลอดทาง จูจูดึงมือเเม่นมจื่อให้หยุดเพื่อชะงักฟังการซุบซิบเล่าลือหลายครั้ง เเล้วยกยิ้มมุมปาก
หอสืบข่าวทำงานได้ยอดเยี่ยมเสียจริง...
"คุณหนู...จะดีหรือเจ้าค่ะชื่อเสียงของคุณหนูเล่า"เเม่นมจื่อเอ่ยอย่างกังวล
"ยิ่งดังเท่าไหร่ยิ่งดี หากบิดากลับมาจะได้รู้ถึงความชั่วเลวทรามของคนพวกนั้น"นางอยากจะเห็นจริงๆๆ ว่าบิดาจะทำเช่นไร
"นมเชื่อคุณหนูเจ้าค่ะ" เเม้คุณหนูจะเปลี่ยนเเปลงนิสัยไปมากนัก เเต่หากสิ่งเหล่านี้ทำใหุ้ณหนูมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นนางเองก็พร้อมจะเสี่ยงเช่นกัน
"อืม..ไปกันเถอะ"
จูจูเเละเเม่นมจื่อมาถึงโรงรับจำนำเเล้ว
ก็เดินเข้าไปในร้านโดยมีพนักงานคนเดิมมาต้อนรับ
"คาราวะคุณหนูหลาน นายท่านรอคุณหนูหลานอยู่ เชิญเจ้าค่ะ"
"อืม..."จูจูมิได้เอ่ยอันใดต่อ เดินตามพนักงานที่เชื้อเชิญนางเข้าห้องที่อยู่บนชั้นสอง
"ฝากดูเเลเเม่นมของข้าด้วย" นางหยุดอยู่ที่หน้าประตูพร้อมเอ่ยสั่งพนักงานที่นำทางมา
"เจ้าค่ะ จะดูเเลเป็นอย่างดี"
"คุณหนูดูเเลตัวเองด้วยนะเจ้าค่ะ"เเม่นมจื่อเอ่ยย้ำกับจูจู นางได้เเต่โทษตนเองที่ไม่สามารถช่วยอันใดคณหนูได้
"นมไม่ต้องห่วงข้าเเค่มาขายภาพวาด"ร่างบางยิ้มน้อยๆๆ ส่ายหัวกับความขี้ระเเวงของเเม่นมตน
ภายในห้อง
บุรุษสวมหน้ากากเเผ่กลิ่นไอเย็นชานั่งอยู่ก่อนเเล้ว พอจูจูเดินเข้ามาเขาก็รีบลุกขึ้น
"ปรมาจารย์ไป๋" บุรุษสวมหน้ากากเอ่ยขึ้น
"ข้าเอารูปวาดมาส่ง ขอบคุณมากสำหรับข่าวลือ หอสืบข่าวทำได้ยอดเยี่ยมเสียจริง"จูจูชื่นชอบข่าวลือด้านนอกไม่น้อย วางกระบอกไม่ไผ่ไว้ตรงหน้า
ด้านเถ้าเเก่กงจวิ้นหัวเราะน้อยๆๆ หยิบกระบอกไม้ไผ่เเล้วดึงภาพวาดออก เมื่อภาพวาดปรากฎต่อสายตาของเขา กว่าครึ่งก้านธูปถึงได้สติ
จูจูยกชาขึ้นจิบมองเถ้าเเก่ตะลึงค้างภาพวาดของนางอยู่นานอย่างใจเย็น
"ปรมาจารย์ ฝีมือไม่เปลี่ยนเลยสักนิดนะขอรับ เช่นนั้น"
"7ส่วนของราคาประมูล ต้องเป็นโรงประมูลหอเซียงหลงเท่านั้น"กงจวิ้นตกตะลึงอีกครั้งนางเป็นเพียงคุณหนูในห้องหอ อายุยังมิถึงวัยปักปิ่นกลับรู้เรื่องการค้า
"ได้7 ส่วนจะมีการประมูลในอีก6วันข้างหน้าของหอเซียงหลง นี่เป็นส่วนค่าภาพวาดเมื่อวาน"มือหนายื่นตั๋วเงินอีกสี่หมื่นตำลึงให้การค้าขายต้องเห็นกำไร เเต่หอสืบข่าวเน้นที่ความซื่อสัตย์เป็นหลักหากมิได้ทำงานก็ควรค*****นเต็มจำนวน
จูจูมองตั๋วเงินตำลึงอย่างชั่งใจ พลางยื่นเงินตำลึงกลับไป
" ข้าต้องการคนไว้ใช้งานหนึ่งสตรี หนึ่งบุรุษขอคนที่เป็นวรยุทธ์เเละรู้จักใช้พิษเเก้พิษ"สิ้นเสียงร่างบาง กงจวิ้นชะงักค้างไม่รู้ว่าสตรีตรงหน้ามีเรื่องที่ต้องใช้องครักษ์เงาถึงสองคนหรือ
"ข้ารับปาก จะหามาให้ภายใน3 วัน"
"ขอบคุณ"
_______________________________________
อีกด้านหนึ่ง
ณ โรงเตี๊ยมไม่เล็กไม่ใหญ่ที่อยู่ใกล้ตลาดในเมืองหลวง
ร่างชายฉกรรจ์สูงใหญ่ผิวสีเข้มองอาจ มือหยาบกร้านจากการจับอาวุธฆ่าฝันมานักต่อนัก
จับปิ่นงดงามที่ทำจากไข่มุกสีชมพูเเละเปลือกหอยอันโดดเด่นมูลค่ามหาศาล
"เจ้าจะจับไปถึงไหน อีกเดี๋ยวก็ได้พบเเล้วมอบให้นางยังไม่สาย"สหายที่นั่งอยู่ด้านข้างส่ายหน้ากริยาของเพื่อนสนิท
"เจ้าจะไปรู้อะไรเจ้าไม่เคยมีบุตรสาว จูจูคงเหมือนมารดานางมากเป็นเเน่ข้าทำผิดต่อนางยิ่งนัก กลับมาครานี้ข้าจะอยู่จวนสักสามสี่ปีดีหรือไม่"
"เอาที่เจ้าสบายใจ กลับมาก่อนเวลาเช่นนี้บุตรสาวเจ้าจะตกใจเอาได้" จินหลี่ทำได้เพียงส่ายหน้าน้อยๆๆ กับความอยากเจอบุตรสาวไวไวของสหายสนิท ที่ลากเขามาด้วยพร้อมทหารฝีมือดีไม่กี่สิบคนล่วงหน้ามาก่อน
"น้องต้องเข้มเเข็ง อาจหาญเช่นข้าเป็นเเน่" จินหลี่ไม่รู้จะพูดอะไรต่อด้วยสหายสนิทหากเป็นเรื่องอื่นล้วนใช้เหตุผล เเต่หากเป็นเรื่องบุตรจะคิดเองเออเองเป็นต้น
"อาหารขอรับนายท่านทั้งสอง"เสี่ยวเออร์นำอาหารที่ยังร้อนมีควันลอยจางๆๆ ส่งกลิ่นหอมยั่วยวน
"พอดีเลยเสี่ยวเออร์ นี่ข้าให้ข้าจากเมืองหลวงไปหลายปีพอกลับมาเมืองหลวงครานี้มีเหตุการณ์ใดที่ต้องรู้บ้าง"จินหลี่หยิบก้อนตำลึงให้เสี่ยวเออร์อย่างใจดี
เเละเป็นนิสัยของเขาอยู่เเล้ว มักชอบฟังเรื่องราวเรื่องเล่าที่มักมีความจริงปะปนอยู่เสมอ
"อ่อมีหลายเรื่องเลยขอรับ" เมื่อมีเงินจ้างผีโม่เเป้งก่อยังได้
"เช่นงานเลี้ยงวันเกิดของคุณหนูรองหลานอิงฮวายอดพลูของเมืองหลวงที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ มีองค์ชายใหญ่เข้าร่วมงานว่ากันว่าทั้งสองเหมาะสมกันดั่งกิ่งทองใบหยก "หมิงเทียนยกยิ้มหลานอิงฮวาบุตรสาวของน้องรองสินะ นางมีคู่ครองที่ดีเขาเองก็ดีใจกับหลานสาวด้วย
ด้านจินหลี่เองใช้ตะเกียบคีบกับข้าวเข้าปากอย่างมีอรรถรส
"อันนี้ข่าวดังใหญ่ไม่เเพ้กันเลยขอรับ คุณหนูใหญ่หลานเสวี่ยจูถูกฮูหยินผู้เฒ่าละเลยไม่เคยปรากฎตัวออกนอกจวนนานกว่าสิบปี ความเป็นอยู่เยื้องยาจกอดมื้อกินมื้อช่างน่าสงสารยิ่งขอรับ มารดาก็ตายจากบิดาเป็นท่านเเม่ทัพใหญ่ไปทำศึกอยู่ชายเเดนมิรู้บุตรสาวเป็นตายร้ายดีลำบากเพียงใดช่างน่าอนาจยิ่งขอรับ..."
ปั้ง!!!!!
เสียงตบโต๊ะดังสนั่น ข้าวปลาอาหารระเนระนาด
จินหลี่ตกตะลึง 'ฉิบหายเเล้ว.....'
____________________________________________________________