บทที่8
เวรย่อมระงับด้วยการจองเวร...
ค่ำคืนอากาศเย็นสบาย
จูจูนั่งพิงกรอบหน้าต่างจิตใจอยู่ในห้วงคิดคำนึง
เเผนการเพิ่งเริ่มต้นสินะ...
บิดากลับมาเเล้วเรื่องคนเเคว้นฉินคงต้องพักไว้ก่อน...
พรึบ!!!พรึบ!!!
เงาดำสองสายดั่งสายลม
คุกเข่าลงหน้าจูจูอย่างฉับพลัน
"พวกข้าทั้งสองถูกส่งมาขอรับ ต่อไปนายหญิงจะเป็นเจ้านายชีวิตของพวกเรา"บุรุษหนึ่งในสองเอ่ยตอบอย่างรวดเร็วทั้งสองยังคงคุกเข่าอยู่กับที่
จูจูเหลียวมองเเม่นมจื่อที่หลับไปเเล้วยังคงไม่ตื่นขึ้น ดีที่บิดาเช่าโรงเตี๊ยมไว้สองห้องมิเช่นนั้นมิรู้ว่าบิดาจะห้ามนางหรือเปล่า
คงต้องค่อยๆๆ ดูกันไปยาวๆ เสียก่อน..
เเต่ที่เเน่ๆๆ คือเวรกรรมย่อมระงับด้วยการจองเวร...
นางเชื่อมาตลอดเเละยังคงเชื่อเสมอมา...
เถ้าเเก่จวิ้นส่งมาสินะ....
"ดียิ่ง คืนนี้ทดลองงานหน่อยดีหรือไม่ พรุ่งนี้ข้าต้องได้ยินฮูหยินผู้เฒ่าตระกูลหลานล้มป่วยจนไม่สามารถลุกขึ้นได้ นายท่านรองเป็นโรคร้ายมีตุ่มหนองเต็มตัว พวกเจ้าทั้งสองเข้าใจหรือไม่ "
"ได้ขอรับ/เจ้าค่ะ"ทั้งสองรับคำสั่งเเล้วจากไปรวดเร็วเเละเงียบเชียบ
"ข้าจะรอฟังข่าวดี" จูจูยิ้มเหี้ยม
คิดจะทำร้ายผู้อื่น ก็ต้องรับที่ผู้อื่นเอาคืนได้เช่นกัน
รุ่งเช้า
ข่าวลือเรื่อง หน้าจวนตระกูลหลานเมื่อวานล้วนถูกเล่าลือใส่สีตีไข่ไปทั่วเมืองหลวง
บ้างก็ว่าจิตใจฮูหยินผู้เฒ่ามีสีดำมืด ชอบกินเงินตำลึงเเทนข้าว...
เลือกที่รักมักที่ชัง...
ร้ายกาจดั่งปลิงสูบเลือด...
ตระกูลหลานมีบุตรชายสองคนคนหนึ่งมากด้วยอำนาจเป็นถึงเเม่ทัพใหญ่
คนหนึ่งไม่เอาถ่านเป็นได้เพียงขุนนางขั้น6สิบกว่าปีไม่เคยเลื่อนขั้นอีกเลย
ลามไปจนถึงอิงฮวาที่ได้ตำเเหน่งยอดพลูเเห่งเมืองหลวง เพราะใช้อำนาจเงินตราซื้อมาทั้งนั้น ช่างน่ารังเกียจขยะเเขยงยิ่ง
ถูกเล่าลือกันปากต่อปากต่างๆๆ นาๆๆ ทั่วทุกเเห่งหน
ผู้คนในตระกูลหลานไม่ว่าจะเป็นญาติห่างๆๆ สาวใช้หรือทาสต่างเก็บตัวเงียบเชียบมิกล้าออกไปนอกจวนด้วยซ้ำ
เรือนฮูหยินผู้เฒ่า
ร่างหญิงชราผู้เคยกุมอำนาจในจวนตะกูลหลานหาได้กระปรี่กระเปร่าเช่นเมื่อกาลก่อนไม่
หลังจากที่นางเป็นลมล้มลงไปยังมิได้ทันฟังคำตัดสินขององค์ชายใหญ่พ่อบ้านก็ให้สาวใช้หลายนางประคองกลับเข้าเรือนอย่างทุลักทุเล
หลังจากที่นางฟื้นขึ้นมาอีกครั้งข้าวของในบ้าน ทรัพย์สินเครื่องประดับล้วนถูกขนย้ายไปกองหน้าห้องโถงเพื่อประเมินราคาตีเป็นตั๋วเงินกว่ายี่สิบหมื่นตำลึงทองตามที่องค์ชายใหญ่ได้ตัดสินคดีความนั่น ทำให้นางกระอักเลือดเเละเป็นลมอีกครั้งทั้งที่ฟื้นไม่ถึงหนึ่งก้านธูป
สมบัติของข้า..
นั่นเป็นสมบัติที่ข้าสะสมมาทั้งนั้น...
สตรีชราฟื้นขึ้นมาได้เเต่พร่ำเพ้ออยู่อย่างนั้นหลายชั่วยาม
กลับมาที่ปัจจุบัน
ในตอนที่นางตื่นขึ้นในช่วงสายของวัน...
หญิงชราขยับลุกนั่ง...ท่าทีเหนื่อยอ่อนเรื่องเมื่อวานเหมือนทำให้นางเเก่ลงไปเป็นสิบปี
มองบ่าวคนสนิทที่เดินเข้ามาเหมือนมีเรื่องจะบอกเเต่ยังอ้ำอึ้งอย่างหงุดหงิด ทุกคนช่างเหมือนกันหมดไม่ได้ดั่งใจนางสักนิด
"คือ..."
"มีอะไรก็ว่ามาอมพะนำอยู่ได้ "หญิงชราเอ่ยตำหนิสาวใช้ของตนเอง
"เมื่อวานท่านหมอมาตรวจนายท่านรอง บอกว่าเพียงบาดเจ็บภายนอกเท่านั้นภายในมิได้เป็นอันใดมากเจ้าค่ะ"
ใบหน้าท้วมของสาวใช้คนสนิทยังคงมีเหงื่อไหลตามกรอบหน้า
"อืม ดีเเล้วที่ไม่เป็นอะไรมาก"หญิงชราฟังเเล้วก็ถอนหายใจโล่งอก ยกถ้วยชาที่อยู่ข้างหัวเตียงขึ้นมาจิบ
"คือเมื่อเช้านี้ฮูหยินหนิงเข้าไปดูอาการนายท่านรอง พบว่ามีตุ้มหนองขึ้นเต็มตัวอีกทั้งมีอาการคันเจ้าค่ะ เชิญท่านหมอมาเเล้วท่านหมอบอกว่ารักษาไม่ได้เจ้าค่ะ"หลี่มาม่ากลั้นใจเอ่ยออกไปรวดเดียวจบเเม้เกรงต่อโทสะของเจ้านายตนเอง เเต่หากตนไม่รายงานตอนนี้เกรงว่าจะถูกโทษหนักกว่า
" อะไรนะ รีบพาข้าไปเรือนบุตรชายข้า" ฮูหยินผู้เฒ่าร้อนใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน พยายามลุกขึ้นเพื่อเเต่งตัวไปหาบุตรชายอันเป็นที่รักยิ่ง
เเต่เเล้ว...
ขาทั้งสองข้างไม่มีความรู้สึกใดๆๆ ...
พลัก!!!!โครม!!!กรี๊ด!!!!!
ฮูหยินผู้เฒ่ายึดหลี่มาม่าไว้มั่น เเต่มิอาจทรงตัวได้ทั้งนายทั้งบ่าวจึงเซล้มลงคลืนไปพร้อมกันเสียงดังลั่น หน้าผากฮูหยินผู้เฒ่าเต็มไปด้วยเลือดนางล้มลงก่อนไปชนกับโต๊ะน้ำชาที่อยู่บนหัวเตียงเเละมีสาวใช้คนสนิทหล่นทับอีกที
"ตามหมอ ตามหมอให้ข้า "เสียงเเหบชราเอ่ยขึ้น เเล้วสติดับวูบไป
เหล่าข้ารับใช้ที่อยู่ด้านนอกห้องต่างลนลานรีบตามท่านหมออย่างเร่งด่วน
หลี่มาม่า น้ำตาไหลอาบเเก้ม
นางมิได้ตั้งใจหล่นทับเจ้านายตนเอง
มิรู้ว่าฮูหยินผู้เฒ่าฟื้นขึ้นมาจะลงโทษนางอย่างไรบ้าง
ความกลัว..ทำให้นางคิดหนี...
หากหนีต้องมีเงินทอง....
นางอยู่กับฮูหยินผู้เฒ่ามากว่าสามสิบปี...
เรื่องชั่วช้า..การวางยาพิษ..เเละทรัพย์สินที่ฮูหยินผู้เฒ่าซ่อนไว้...
ร่างท้วมใบหน้าขาวซีด...กัดฟันลุกขึ้น...
นางขอไปตายเอาดาบหน้าเเล้วกัน....
คิดได้ดังนั้นเริ่มรื้อค้นตู้เสื้อผ้าของฮูหยินผู้เฒ่าไม่นานก็เจอซองกระดาษมีผงสีขาวอยู่ภายใน ใบหน้าท้วมยกยิ้มยินดี รีบเก็บใส่เสื้อตนเองรีบเดินมาที่เตียงก้มลงไปใต้เตียงมีช่องเล็กๆๆ เพียงนางกดเข้าไปกลไกก็ส่งเสียงดัง กึก กล่องเครื่องประดับเเละตั๋วเงินก็หล่นลงมาอย่างพร้อมเพียง
ด้วยความที่เสียงดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ
ฮูหยินผู้เฒ่าก็สะลึมสะลือขึ้นทันใด
หลี่มาม่าเองกำลังเทผงสีขาวใส่ถ้วยชาที่ยังอุ่นอยู่
"นั่นเจ้ากำลังทำอันใด"ฮูหยินผู้เฒ่าตวาดเสียงดังลั่น
"ก็ทำเช่นที่ท่านทำกับอนุของนายท่าน เเละสะใภ้ใหญ่อย่างไรเล่าค่อยๆๆ ตายไปช้าๆๆ เถอะนะเจ้าค่ะ" สิ้นเสียงเหยียบเย็นของหลี่มาม่า มือท้วมบีบปากฮูหยินผู้เฒ่าให้อ้าออก เทน้ำชาที่อยู่เต็มถ้วยใส่ปากเจ้านายตนอย่างทุลักทุเล ฮูหยินผู้เฒ่าทั้งขัดขืนเเละสำลักน้ำชาหลายครั้งไม่กล้ากลืนน้ำชาที่สาวใช้คนสนิทกรอกให้กับปาก
"หลี่มาม่า เจ้าทำอะไรหน่ะ" พ่อบ้านฮุ่ยที่เดินเข้ามาตกใจกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นป็นอย่างมาก
พยายามเข้ามาห้ามปราบ หลี่มาม่าได้ทีที่พ่อบ้านฮุ่ยเข้าไปดูฮูหยินผู้เฒ่าหอบเอากล่องเครื่องประดับเเละตั๋วเงินวิ่งหนีออกไปอย่างรวดเร็ว
" เเค่กๆๆๆ ไม่นะ พ่อบ้านฮุ่ยตามนางไป ตามนางไป ของของข้า"
ฮูหยินผู้เฒ่ายังคงสำลักน้ำชาหลายครั้ง เเต่เมื่อเห็นคนสนิทหอบบางสิ่งจากไปก็เอ่ยสั่งพ่อบ้านให้นำคนติดตามไปเเล้วสลบไปอีกครั้ง
___________________________
มุมหนึ่งของโรงเตี๊ยม
จูจูได้ฟังรายงานขอผู้คุ้มกันทั้งสองที่เถ้าเเก่กงจวิ้นส่งมาให้เเล้ว ใควันจางๆๆลอยกรุ่นรับใบหน้างามที่หลับตาพริ้ม
กำลังดื่มด่ำกับชาชั้นดีที่มีรสหวานขมฝาดเล็กน้อย
ชีวิตก็เป็นเช่นนี้สินะ
มีทั้งขมฝาด...
มีทั้งหวานเล็กน้อย..ผสมปนเปกันไป
ร่างบางจิตใจล่องลอยตามสายลมที่พัดแผ่วเบามาทางหน้าต่างชั้นสองของโรงเตี๊ยม
ย้อนกลับไปในช่วงเช้าคนคุ้มกันทั้งสองมาารายงาน เรื่องที่ให้ไปทำถือว่าลงานน่าชื่นชมยิ่ง ผู้คุ้มกันที่เป็นบุรุษนางให้ชื่อว่าเสี่ยวเป่า เขามีใบหน้าธรรมดาไม่โดดเด่นเเละไม่เป็นที่จดจำนางจะให้อยู่ในเงาในที่มืดข้างกาย ที่เป็นสตรีให้ชื่อว่าเสี่ยวมี่ใบหน้าสมส่วนรูปร่างปราดเปรียวเชี่ยวชาญเรื่องการปรุงโอสถเป็นอย่างยิ่งนางให้อยู่ติดตามข้างกายในที่เเจ้งเช่นกัน
บิดานั้นออกไปจัดกองทัพตั้งเเต่ฟ้ายังไม่สาง นางเองก็ยังไม่ตื่นเเม่นมจื่อเป็นคนบอกนางเอง
ตอนนี้นั้นเเม่นมจื่อกำลังวุ่นอยู่กับการเตรียมชุดเเละเครื่องประดับไปงานเลี้ยงต้อนรับในช่วงเย็นซึ่งตอนเเรกเเม่นมจื่อเอ่ยไม่อยากให้นางไป
เเต่พอรุ่งเช้ากลับเข้าออกร้านอาภรณ์เเละเครื่องประดับเกือบทุกร้าน
เอาเป็นว่า..นางล้วนตามใจนมก็เเล้วกัน
"คุณหนู มีของส่งมาหาคุณหนูเจ้าค่ะนมเลยรับไว้" สิ้นเสียงเเม่นมจื่อ ใบหน้างามขมวดคิ้ว
ของผู้ใดกัน..นางมิได้สั่ง..
"นมเปิดเถอะ หากเขาส่งมาผิดที่จะได้ส่งกลับไป"
"เจ้าค่ะ"
เเม่นมคนสนิทเปิดกล่องสองกล่องอย่างใจเย็น
ทั้งสองกล่องป็นสีขาวเเละสีน้ำเงินสลับกัน
พอเปิดกล่องกลับมีกระดาษเเผ่นเล็กวางอยู่ด้านบน เขียนไว้เพียงตัวอักษรเดียว 'ไป๋'
จูจูเเลเเหลบเห็นตัวอักษรบนกระดาษ
คนผู้เดียวที่รู้ว่านาง คือปรมาจารย์ไป๋ ....
เถ้าเเก่กงจวิ้น...องค์ชายใหญ่เเคว้นฮั่น คนผู้นี้มิได้ธรรมดาเรีบบง่ายดั่งที่เห็นเสียเเล้ว
กล่องหนึ่งเป็นชุดงดงามสีขาวเเถมน้ำเงินปักลวดลายเมฆาเหินเวหาปักดิ้นสีเงินงดงามจนเเม่นมลูบๆๆคลำๆๆอยู่หลายครั้ง
อีกกล่องเป็นเครื่องประดับอัญมณีสีน้ำเงินเเพรวพราวเม็ดเล็กเม็ดใหญ่เเต่งเเต้มเป็นดอกเหมยสีน้ำเงินเเปลกตา พร้อมหวีเสียบเเละต่างงหูเข้าชุดกัน ดูเเล้วว่าทั้งเครื่องประดับเเละอาภรณ์ล้วนถูกคัดสรรให้เหมาะสมลงตัวกันเป็นอย่างดี
เถ้าเเก่กงจวิ้นท่านเล่นใหญ่จริงๆๆ...
จากสายตาของนางทั้งชุดเเละอาภรณ์ล้วนมูลค่ามหาศาล
"คงเป็นท่านพ่อที่ส่งชุดมา นมเก็บไว้ก่อนช่วงบ่ายค่อยสวมงานเลี้ยงจะเริ่มยาวโหย่วไม่ต้องรีบมากนัก"
"เเต่..เจ้าค่ะ"เเม่นมจื่ออยากจะพูดเหลือเกินว่าคุณหนูบ้านอื่นเตรียมตัวขัดผิวตั้งเเต่ฟ้าไม่สาง คงมีเพียงคุณหนูของนางเท่านั้นทีนั้นจิบชาใจเย็นอยู่เรื่อยไป
โถ่..คุณหนูองบ่าว
ใบหน้าหญิงวัยกลางคนได้เเต่ทำหน้าสลดลงมิกล้าขัดใจ
จูจูเห็นสีหน้าของเเม่นมตนเเล้วก็เสมองไปทางอื่น
ไม่ว่าเเต่งตัวงดงามหรือไม่
งานเลี้ยงเย็นนี้ก็มีเรื่องสนุกอย่างเเน่นอน
จวนตระกูลหลาน
หลังจากฮูหยินผู้เฒ่าถูกสาวหลี่มามากรออกยาพิษใส่ปาก เเล้วนำทรัพย์สินไป ทั่วจวนต่างอกระสั่นขวัญเเขวนด้วยหวาดกลัวโทสะที่มากล้น
ท่านหมอซื่อที่ถูกตามมาให้รักษาอาการสามารถล้างพิษได้สำเร็จเเต่มิอาจรักษาขาทั้งสองข้างของฮูหยินผู้เฒ่าได้ จากนี้ไปฮูหยินผู้เฒ่ามิสามารถเดินเหินได้อีกต่อไป
ร่างสตรีชราฟื้นขึ้นมมาพอรับรู้อาการที่เป็นอยู่ ก็ร้องหวยหวนดังลั่น ฮูหยินหนิงที่มีสติกว่าผู้ใดได้เส่งท่านหมอกับโรงหมอพร้อมเงินตำลึงจำนวนมากเพื่อเป็นค่าปิดปากอาการของฮูหยินผู้เฒ่ามิให้เเพร่งพรายออกไปด้านนอก
"ท่านเเม่ นี่จวนเราเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่าางไรกัน ท่านพ่อเป็นตุ่มหนองที่มิอาจรักษาได้ ท่านย่าขาสองข้างล้วนพิการใช้ไม่ได้ ทรัพย์สินเงินทองล้วนหมดถุกริบคืนท่านลุงผู้เป็นเเม่ทัพใหญ่ ฮวาเออร์เหลือปิ่นเพียงไม่กี่ชิ้นนะเจ้าค่ะ ฮือๆๆๆๆ"อิงฮวายังคงเป็นเด็กน้อยที่ตั้งรับไม่ทันเรื่องราวใหญ่โตที่เกิดขึ้น
"ฮวาเออร์ ลูกเเม่เจ้าคือความหวังของตระกูลหลานจงฟังเเม่ให้ดี"
"ท่านเเเม่พูดเรื่องใดหรือเจ้าค่ะ "
"เเม่ได้ยินว่าเย็นนี้มีงานเลี้ยงต้อนรับท่านลุงของเจ้า เเม้เขาจะตัดขาดพวกเราเเล้ว เเต่เจ้าต้องหาทางเข้าร่วมงานให้ได้เพื่อสานสัมพันธ์กับองค์ชายใหญ่ให้จงได้ ต้องทำให้ข้าวสารเป็นข้าวสุกเสีย เจ้ามีโอกาสเพียงครั้งเดียวเท่านั้น"ฮูหยินหนิงเอ่ยพลางมองบุตรอย่างมีเเผนการ
"ท่านเเม่พูดเรื่องอะไรก็ไม่รู้..." เเค่เพียงเห็นท่าทีเอียงอายเมื่อเอ่ยถึงองค์ชายใหญ่ นางก็เข้าใจเเล้วว่าบุตรสาวมีใจให้องค์ชายเป็นเเน่
พลางเริ่มกระซิบถึงเเผนการข้างหูบุตรสาวอย่างเเผ่วเบา
นับว่าบุตรสาวของนางตาถึงไม่น้อย
หากบุตรสาวนางได้เป็นพระชายาขององค์ชายใหญ่....
นางเองก็สบายไปทั้งชาติเช่นกัน.....
________________________________________
มุมๆหนึ่งของตำหนักที่ใหญ่โตกว้างขวาง...
บุรุษผู้หนึ่งนั่งอยู่บนโต๊ะที่เต็มไปด้วยไหสุรา หลายใบวางระเกะระกะ
เพล้ง!!!!
"เข้ามาทำไม บอกเเล้วหาหากไม่เจอนางก็หิ้วหัวตนเองกลับมา"
"นายท่านขอรับ หอเซียงหลงประกาศว่ามีรูปวาดของปรมาจารย์ไป๋ เข้าร่วมประมูล ในอีกห้าวันข้างหน้าขอรับ" สิ้นเสียงเงาที่รายงาน ร่างของบุรุษผู้ที่เอ่ยเสียงตวาดลั่นเมื่อครู่ ผุดลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็วพลางจับบ่าเงาเอาไว้เเน่น
"ที่ไหน"
"หอเซียงหลง เเคว้นฮั่นขอรับ"
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเครารกครึ้มมิได้จัดการเเต่อย่างใด ยกยิ้มในรอบ3เดือน...
'ปรมาจารย์ไป๋' 'เจียวเจียวใช่เจ้าหรือไม่.....
บนหน้างามฉายเเววร้ายกาจเจ้าเล่ห์ ใช่หาได้ในคุณหนูห้องหอวัยใกล้ปักปิ่น
สาสมใจข้ายิ่งนัก...อย่าเพิ่งตายก่อนเล่า...
เเค่นี้เพียงเริ่มต้นเท่านั้น....