“พอใจแล้วก็ถอย ข้าจะได้ไปทำงาน”
หางตาคมเหล่มองบ่าวในเรือนก็นึกอายไม่น้อยแต่ขัดขืนไปซิงเหยียนก็จะเจ็บตัวเสียเปล่า ๆ เขาเองเป็นบุรุษจะกระทำการรุนแรงเกินไปได้อย่างไร
“เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมปักชุดให้ท่าน”
นางว่าพลางส่งยิ้มหวานละมุนให้สามี จากนั้นเลือกจะกลับไปยังเรือนหลังเล็กของตนอย่างสงบไม่ก่อความวุ่นวายใด ๆ เนื่องจากนางอารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“เฮ้อ นางช่างดื้อดึงจนข้าปวดหัว”
เศรษฐีหนุ่มรูปงามถอนหายใจแรง ๆ กับกิริยารุกคืบของสตรีผู้เป็นภรรยาจำเป็นของตน วัน ๆ หาเรื่องให้เขาปวดหัวได้ไม่มีว่างเว้น สตรีใดเข้าใกล้เขาทีไรมีอันต้องเกิดเรื่องทุกทีไป จนยามนี้ไม่คิดจะพบเจอผู้ใดแล้ว
“ฮูหยิน เอ่อ คุณหนูเหยียนคงรักท่านมากจริง ๆ นะขอรับ ขนาดถูกหมางเมินยังยิ้มแย้มใส่ได้”
หม่าเจินบ่าวคนสนิทยิ้มกริ่มยามเห็นเจ้านายตนนั้นเสียอาการทุกครั้งที่ฮูหยินคนงามเข้าหา แม้จะถูกไล่กี่ครั้งซิงเหยียน นางก็ยิ้มแย้มสดใสได้ดังเดิมไร้แววสลดหดหู่
“นางหน้ามึนต่างหากเล่า”
บุรุษถูกรักบอกปัด ๆ คล้ายจะไม่ใส่ใจแต่ใบหน้ากลับขึ้นสีแดงก่อนจะโยนความผิดไปให้ซิงเหยียน เพราะนางคนเดียวทำให้บ่าวล้อเลียนเขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
ตกเย็น
“ฮ่าวหมิง!!!!!! เอ๊ะ พวกเจ้าเข้ามาหาสามีข้าทำไมกัน ออกไปให้หมดเลยนะ”
เจ้าของเรือนกายหอมผิวขาวละเอียดดุจดั่งหิมะแรกวิ่งเข้ามาในเรือนใหญ่ ก่อนใบหน้านั้นจะเริ่มแสดงอาการไม่พอใจกับภาพสาวใช้กำลังนั่งคอยรินน้ำชาให้สามียามวิกาล
“เจ้ามีธุระใดก็ว่ามาเถอะ”
บุรุษในชุดเรียบร้อยถือสมุดในมือเอ่ยขึ้น เขานั่งตรวจบัญชีตั้งแต่เย็นเห็นพวกสาวใช้คอยรินน้ำชาให้ก็ลืมไล่กลับไป ตรวจงานเพลินจนดึกดื่น
“ไม่พูดจนกว่าพวกนี้จะออกไปจากที่นี่”
นางยืนกอดอกสะบัดหน้าหนี ฮ่าวหมิงจึงโบกมือไล่สาวใช้ออกจากเรือนแล้วหันมาถามเจ้าของดวงตากลมโตกำลังค้อนให้เขาไม่เลิกรา
“เอาล่ะว่าเรื่องของเจ้ามาเถอะ ข้าไม่อยากเสียเวลาตรวจทานบัญชี”
สุดท้ายก็เป็นเขาอีกเช่นเคยที่ยอมทำตามสิ่งที่นางต้องการ อาจจะเป็นเพราะนางคือสหายตัวน้อย ๆ ตั้งแต่เขาวัยเยาว์ เขาเองไม่ค่อยมีเพื่อนรุ่นเดียวกันนัก บวกกับเดินทางไปกับบิดาตลอดทำให้เขาต้องเล่นกับซิงเหยียนที่อายุห่างจากเขาหลายปี แต่ก็นับว่าคุยกันรู้เรื่อง
“ให้ข้าช่วยได้นะ ท่านจะได้ไม่ต้องเหนื่อยคนเดียว”
นางเสนอทำทีเป็นขยับเข้าไปนั่งใกล้ ๆ จนกายทั้งสองติดกัน
“ไม่ต้อง! หากไม่มีธุระก็ออกไป”
ใบหน้านิ่งนั้นนอกจากจะไม่มองนางแล้วยังไล่แบบไม่คิดอีกด้วย
“ฮ่าวหมิงอ่าาา ไล่ข้าตลอดเลย ข้าเสียใจนะ”
นางเริ่มคร่ำครวญออดอ้อนกอดแขนล่ำสันซบแก้มนิ่มใสไปถูกกับแขนของสามีประหนึ่งลูกแมวตัวน้อย
“หมดเรื่องหรือยัง”
เสียงจากคนข้างกายเริ่มดุดันไม่ได้ทุ้มน่าฟังดังเช่นก่อนหน้า เขาพยายามข่มใจทำทีดุดันนางก็ยังคงยิ้มได้ไม่สะทกสะท้าน
“ยัง! วันนี้ข้าจะมานอนกับท่านฮ่าวหมิง”
กล่าวจบซิงเหยียนก็กระโดดขึ้นไปนอนบนเตียงนิ่ม ใช้แขนเท้าศีรษะมองสามีด้วยสายตาสื่อความหมาย ทว่าคนมองกลับนิ่งเฉยเสมือนไร้ความรู้สึก / อะไรกัน ข้างดงามมากเพียงนี้ยังจะนิ่งเฉยอยู่อีก