“ถึงเป็นโรคกระเพาะก็ปล่อยไว้ไม่ได้ เราต้องไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้ จะได้รักษาให้เป็นเรื่องเป็นราว” ว่าแล้วพ่อคุณก็ทำท่าจะอุ้มเธออีก
“ฉันปวดประจำเดือนค่ะ” พริบพราวโพล่งออกไปในที่สุด ซึ่งดูเหมือนมันจะช่วยหยุดความกระวนกระวายของเขาได้ แต่กลับกลายเป็นเธอเองที่เป็นฝ่ายกระวนกระวายจนก้มหน้าก้มตาหยิบโน่นหยิบนี่ขึ้นมาทำแก้เก้อ
“อะแฮ่ม! ก็ดีแล้วที่เธอไม่ได้เป็นโรคอะไรร้ายแรง ว่าแต่ปวดมากไหม” เพลิงกระแอมแก้เก้อ ตอนบากหน้าไปซื้อผ้าอนามัยครั้งแรกในชีวิต เขายังงงไม่หายว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง แล้วตอนนี้ยังต้องมาคุยเรื่องนี้กับเธออีก ให้ตายสิ! นี่ถ้าพวกลูกน้องรู้เข้า มันคงเอาไปพูดกันสนุกปาก
“ก็เอ่อ…ค่ะ” เธอตอบออกไปเพราะจนด้วยหลักฐาน ก็หน้าซีดๆ ของเธอมันฟ้องชัดออกขนาดนั้น ขืนโกหกคงถูกซักยืดยาวอีก
“ทั้งๆ ที่ปวดขนาดนี้ เธอยังจะมีหน้าจะกลับไปอยู่คนเดียวอีกเนี่ยนะ” ทันทีที่นึกขึ้นได้ว่าก่อนหน้าที่เธอพยายามจะกลับ เขาก็โวยวายขึ้นมาอีก
“แล้วทำไมจะอยู่ไม่ได้ ฉันก็อยู่ของฉันมาทุกเดือน” พริบพราวบ่นเสียงงึมงำ แต่พ่อคุณก็ยังอุตส่าห์ได้ยินอยู่ดี
“ทุกเดือน?” เสียงเขาแทบเป็นเสียงตะโกน ทำเอาเธอถึงกับสะดุ้งโหยง
“เธอทนปวดแบบนี้ทุกเดือนได้ยังไงพริบพราว” เขาตะเบ็งเสียงคาดคั้นราวกับว่าเธอผิดนักหนา
“เอ้า! นี่ฉันผิดเหรอเนี่ย” เธอพึมพำพลางทำหน้างง ให้ตายสิ! แค่ปวดประจำเดือนก็แย่มากพออยู่แล้ว ยังต้องมาปวดหัวกับเขาเรื่องนี้อีก
“โอเค! งั้นบอกมาว่าทุกๆ เดือนเธอทำยังไง” เหมือนเจ้านายหนุ่มจอมเผด็จการพยายามจะสงบสติอารมณ์เพื่อคุยกับเธอดีๆ
“ก็ใช้กระเป๋าน้ำร้อน แล้วก็ทานยาแก้ปวดค่ะ เฮ้ย! แล้วทำไมฉันต้องมานั่งตอบคำถามพวกนี้ด้วยเนี่ย” ท้ายประโยคเธอแอบบ่นเบาๆ หลังรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกสัมภาษณ์เรื่องส่วนตัว
“งั้นเธอรออยู่นี่ แล้วก็ห้ามออกไปไหนเด็ดขาด เดี๋ยวฉันมา” สิ้นเสียงเขาก็เดินหายออกไปจากห้อง ในขณะที่เธอยังคงนั่งทำหน้างงอยู่ที่เดิม ก็ไม่รู้ว่าทำไมจะต้องทำตามที่เขาสั่งซะทุกเรื่อง และท้ายที่สุดเธอก็ไม่กล้าออกไปจริงๆ
เพราะเผลอหลับจึงไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ที่เขาหายออกไป มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ตัวเธอลอยหวือขึ้นมาจากโซฟา
“อุ๊ย!” เธอลืมตาด้วยความตกใจ กระทั่งเมื่อเห็นว่าเป็นเขา ความตกใจก็ค่อยๆ คลายลงกลายเป็นความสงสัย
“ทะ...ทำอะไรคะ”
“ก็พาเธอไปนอนไง นอนแบบนั้นมันจะสบายได้ยังไง” เพลิงว่าพลางพาหญิงสาวเดินดุ่มๆ มาอีกห้อง แล้ววางเธอลงบนเตียง
“ขอโทษค่ะ ฉันเผลอหลับทั้งที่ยังทำงานไม่เสร็จ งั้นฉันขอตัวกลับไปทำงานต่อนะคะ” เธอบอกพลางรีบก้าวลงจากเตียง แต่ก็ถูกเขารั้งให้นั่งแหมะลงไปที่เดิม
“ฉันไม่ใช่นายจ้างหน้าเลือดที่จะใช้งานเธอ ทั้งที่เธอไม่สบายหรอกนะ เอาเป็นว่าพักให้หายดีก่อน เรื่องงานไว้ค่อยว่ากัน” เขาว่าพลางกดไหล่คนที่พยายามจะลุกให้นั่งลงดังเดิม ในขณะที่เธอกลับมีสีหน้าลำบากใจและพยายามจะค้านต่อ
“แต่ว่า...”
“ไม่มีแต่ ไม่งั้นถ้าต้องนอนกอดเธอไว้ทั้งคืน ฉันก็จะทำ” เขาขู่เธออีกแล้ว แต่ให้ตายสิ! แทนที่จะกลัว พริบพราวกลับใจสั่นเพราะความรู้สึกอย่างอื่นมากกว่า
“ก็ได้ค่ะ” เธอตอบรับก่อนมองหน้าเขานิ่ง จนอีกฝ่ายต้องถาม
“มีอะไรรึเปล่า”
“ฉะ...ฉันจะนอนแล้วค่ะ” เธอบอกเสียงอึกอัก
“ก็นอนสิ ฉันไม่ได้ว่าอะไร”
“ก็คุณอยู่ด้วยแบบนี้ ฉันนอนไม่หลับค่ะ”
“อ้อ! งั้นเอานี่ไป” เขาว่าพลางหยิบถุงบางอย่างยื่นมาให้
“ไม่รู้ว่าใช่แบบที่เธอใช้รึเปล่า แต่เภสัชเขาแนะนำให้ลองใช้ดู ฉันก็เลยซื้อมา” พริบพราวเปิดดูในถุง เห็นแผ่นแปะประคบร้อนจำนวนหนึ่งกับยาแก้ปวด เธอจึงเงยหน้ามองเขาด้วยความซาบซึ้ง
“อย่ามองแบบนั้นพริบพราว เพราะถึงเธอจะมีเกราะป้องกัน ฉันก็ยังไม่ไว้ใจตัวเองอยู่ดี” เขาบอกเสียงเข้มขึ้น ขณะมองหน้าหวานๆ ของเธอไม่วางตา ในขณะที่เธอกลับยังไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“คะ?” เธอเอียงคอมองเขาด้วยสีหน้างุนงง เพียงเท่านั้นความอดทนของเขาก็สะบั้นลง
ริมฝีปากหยักฉกวูบลงมาบดขยี้ริมฝีปากอวบอิ่ม สัมผัสที่เต็มไปด้วยความโหยหา เว้าวอน เรียกร้องและปลุกเร้าให้เธอตอบสนอง ใช่! เธอกำลังตอบสนองสัมผัสนั้น สัมผัสที่ทำให้เธอไม่เป็นตัวเอง เอาแต่จะเอนเอียงและหลงระเริงไปกับไฟสวาทที่เขาเป็นคนจุดขึ้น ไฟที่หลอมละลายทำให้เธอค่อยๆ ตอบสนองเขาอย่างเผลอไผล และความเผลอไผลที่มาพร้อมกับความเงอะงะก็ทำเอาเขาร้อนรุ่ม ร่ำๆ จะกลืนกินความหอมหวานตรงหน้าซะให้ได้ ให้ตายสิ! นี่เขากำลังหาเรื่องใส่ตัวใช่ไหมเนี่ย ทั้งๆ ที่รู้ว่ากินไม่ได้ ตราบใดที่พริบพราวยังไม่สมัครใจ แต่ก็ยังจะละเลียดชิมให้ตัวเองกระสันมากขึ้น แล้วแบบนี้เขาจะหยุดตัวเองได้ยังไง!