ย้อนไปเมื่อหลายอาทิตย์ก่อนที่ความวุ่นวายนี้จะเกิดขึ้น คุณแม่ที่รักที่ไม่เคยคิดจะสนใจเขากลับสนใจขึ้นมา ท่านให้คนของท่านไปตามเขาเข้ามาหาที่บ้าน ซึ่งปกติแล้วท่านไม่เคยคิดจะสนใจว่าตอนนี้เขาทำอะไรที่ไหน ขอแค่เพียงเขาเข้าทำงานที่บริษัททำผลกำไรให้ท่านก็เพียงพอแล้ว แต่วันนี้ท่านกลับให้คนไปตามมาพบที่บ้านใหญ่
“ฉันต้องการให้นายแต่งงานกับลูกสาวของตระกูลอัมพรฤกษ์” ทันทีที่ภูเบศมาถึง ท่านก็พูดถึงเรื่องที่ตนต้องตามลูกชังมาทันที
“ผมแต่งงานแล้ว คุณแม่ก็รู้ แล้วจะให้ผมแต่งงานกับเธอได้ยังไงครับ” เขาบอกท่าน
“แต่งอีกก็ได้ ไม่เห็นจะเป็นไร ฉันต้องการเข้าไปฮุบบริษัทของตระกูลอัมพรฤกษ์” นางบอกยิ้มๆ
“ผมทำไม่ได้”
“ถ้าทำไม่ได้ก็ไสหัวไปซะ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก แต่ถ้ายังเรียกฉันว่าแม่ก็ทำตามที่ฉันสั่งซะ” น้ำเสียงกระด้างแหบแห้งตามวัยตะคอกกลับไปทันทีเมื่อภูเบศเริ่มทำให้นางหงุดหงิด จริงๆ นางหงุดหงิดตั้งแต่เจอหน้าของชายหนุ่มแล้วแหละ
“แค่แต่งงานใช่ไหมครับ?” เขาถามย้ำ
“ใช่ แค่แต่งงาน แล้วทุกอย่างฉันจะจัดการเอง” นางหยักยิ้มเมื่อตอนนี้ลูกชายกำลังจะหลงกล
“ครับ ผมจะทำตามที่คุณแม่บอก” เขาตอบกลับเสียงเบา
“ฉันหมดเรื่องจะคุยกับนายแล้ว จะไปไหนก็ไป หลังจากนี้เตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวไว้เลย ส่วนเรื่องของเมียนายกับลูกของนาย ฉันไม่ยุ่งด้วยหรอกนะ แล้วแต่นายจะจัดการ ทำยังไงก็ได้ ถึงวันงานมาเป็นเจ้าบ่าวให้ได้ก็พอ” นางบอกสั้นๆ
“ครับ” เขารับคำแบบไม่เต็มใจนัก
“แต่ก่อนจะถึงวันนั้นก็หาเวลามาเจอกับว่าที่เจ้าสาวหน่อยแล้วกัน จะได้คุ้นเคยกันก่อนจะแต่งงานกัน”
“ครับ”
“ไปได้แล้ว”
ภูเบศยกมือไหว้คุณแม่ที่เคารพ ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องทำงานของท่านไป เขาไม่รู้ว่าทำไมท่านถึงทำแบบนี้ และไม่กล้าถามอีกเช่นกันว่าเพราอะไรถึงต้องทำให้เขาลำบากใจแบบนี้ด้วย
เพณิตานั่งเหม่อลอยในร้านอาหารแห่งหนึ่ง ตั้งแต่เมื่อคืนจนตอนนี้ เธอก็ไม่รู้ว่าสามีที่เพิ่งผ่านพิธีแต่งงานกันมาเมื่อคืนนี้หายไปไหน เขาไปไหนเธอไม่รู้ โทรไปหาเขาก็ไม่รับสาย หญิงสาวนั่งมองถ้วยกาแฟตรงหน้าแล้วยกมือขึ้นปาดเช็ดน้ำตาที่กำลังไหลรินอาบสองแก้มนวลตัวเอง
“มานั่งทำอะไรคนเดียวอยู่ตรงนี้ครับเจ้าสาวป้ายแดง” น้ำเสียงทุ้มห้าวแต่แฝงความเยาะเย้ยดังขึ้น และเจ้าของต้นเสียงก็ดึงลากเก้าอี้ตรงข้ามเธอออกไปนั่งอย่างถือวิสาสะ
“มันเรื่องของฉัน” เธอบอกเขาแล้วรีบเบือนหน้าที่เปื้อนน้ำตาหนี
“หึ! ก็ใช่ที่ไม่ใช่เรื่องของผม แต่ผมอยากเสือก!” ผู้มาใหม่ย้ำในท้ายประโยค
“ขอร้องล่ะคุณภพธร อย่ามายุ่งกับฉันได้ไหม จะไปไหนก็ไปได้ไหม ฉันอยากอยู่คนเดียว” เธอหันมาบอกเขาอย่างขอร้อง
“ผมไม่อยากอยู่คนเดียว ตั้งแต่เมียผมทิ้งผมไปแต่งงานใหม่เมื่อวาน ผมก็นอนไม่หลับทั้งคืน กลัวว่าผัวใหม่จะทำหน้าที่ผัวได้ไม่ดีเท่าผม” เขาบอกกลับแล้วฉวยโอกาสคว้ามือเล็กที่วางไว้ที่โต๊ะมากุมแน่น โดยไม่สนว่าเจ้าของมือจะยื้อแย่งดึงกลับ
“นี่คุณ! อย่ามาพูดอะไรแบบนี้กับฉันนะ ปล่อยมือฉัน” เธอสั่งเสียงแข็งพยายามบิดดึงมือตัวเองออกจากอุ้งมือหนา
“เราก็เคยๆ กัน จะมาหวงเนื้อหวงตัวอะไรมิทราบครับอดีตเมีย!” ภพธรเน้นย้ำไปอีกทุกคำในประโยค
“เลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะ เรื่องระหว่างเรามันคือความผิดพลาด” หล่อนบอกแล้วดึงมือตัวเองกลับมาเต็มแรง และมันก็ได้ผล เมื่อมือใหญ่ยอมปล่อย
“ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่านั่นเหรอ ถ้าครั้งเดียวก็พอว่าไปอย่าง แต่เราทำความผิดพลาดกันจนเป็นกิจวัตรประจำวันนี่สิครับทูนหัว” ภพธรยังคงลอยหน้าลอยตาตอบจนไม่ทันระวังตัวเมื่อมือเล็กหยิบถ้วยกาแฟอุ่นๆ ตรงหน้าสาดใส่
ซ่า!
“โอ๊ย! ร้อนๆๆๆ เธอทำบ้าอะไรของเธอยัยบ้า!” เขาลนลานรีบหยิบทิชชูขึ้นมาเช็ดหน้าทันทีเมื่อรู้สึกปวดแสบปวดร้อนหน้า ดีที่มันแค่อุ่นไม่ได้ร้อนจัด ไม่งั้นหน้าของเขาคงแสบร้อนกว่านี้แน่
“สมน้ำหน้า และจำไว้อย่ามายุ่งกับฉันอีก” พูดจบเพณิตาก็ลุกเดินหนีจากไป โดยร้องบอกพนักงานเก็บเงินกับภพธรที่นั่งกัดกรามแน่นอยู่กับที่
“ฝากไว้ก่อนเถอะแม่ตัวดี ให้มันรู้ไปสิว่าคุณจะหนีผมรอด” ภพธรหมายมาดกับตัวเองแล้วล้วงกระเป๋าสตางค์ในกระเป๋ากางเกงออกมาหยิบแบงก์สีแดงมาวางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินออกไปจากร้านเช่นกัน