บทที่ 7 พระสนมคนโปรด

1534 คำ
เมื่อต้าหลงมาถึงตำหนักหวายกงของพระสนมซูเฟย ขันทีที่เฝ้าประตูตำหนักขานพระนาม พร้อมกับคุกเข่าลงหมอบกราบทันใด “ฝ่าบาทเสด็จ” เจิ้งกูกูรีบออกมาถวายบังคมโดยการหมอบกราบลงเช่นกัน “เงยหน้าขึ้น” “ขอบพระทัยเพคะ ขอฝ่าบาททรงพระเจริญหมื่นปี หมื่น หมื่นปี” “ไม่ต้องมากพิธีกับข้าแล้ว สนมรักของข้าเป็นเช่นใดบ้าง” เจิ้งกูกูจึงตอบว่า “หมอหลวงแจ้งว่าเพราะช่วงนี้อากาศไม่ค่อยคงที่ จึงทำให้เกิดอาการเลือดลมภายในเดินไม่สะดวก หายพระทัยติดขัดเพคะ แต่ก่อนหน้าพระสนมได้เสวยโอสถบรรเทาไปแล้วจึงทำให้หายพระทัยได้ดีขึ้นเพคะ” “หมอหลวงเล่า” “พระสนมให้กลับไปแล้วหลังจากเสวยยาเพคะ” “อืม เช่นนั้นเปิดประตูให้เรา” นางกำนัลที่คุกเข้าเฝ้าประตูชั้นในอยู่จึงรับทำตามรับสั่ง ฝ่าบาทข้ามธรณีประตูเข้าไปด้านในแล้วพวกนางจึงรีบปิดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าของเจิ้งกูกูมีรอยยิ้มอย่างเห็นได้ชัด สายตามีแววพึงพอใจอย่างห้ามไม่อยู่ วันนี้เป็นวันที่ฝ่าบาทต้องร่วมหอกับฮองเฮา ทว่าเพียงมารยาเล็กน้อยของซูเฟยก็ทำให้พระองค์ต้องหยุดรถม้าแล้วตรงมาที่ตำหนักหวายกงในทันใด เรื่องดี ๆ เช่นนี้คงไม่อาจเก็บเอาไว้แค่ในตำหนักหวายกงแล้ว เจิ้งกูกูจึงสั่งนางกำนัลผู้หนึ่งให้ขยับเข้ามาใกล้ จากนั้นจึงกระซิบสั่งการแผ่วเบา “เจ้าจงไปป่าวประกาศเงียบ ๆ ว่าบัดนี้ฝ่าบาทเสด็จมาที่ตำหนักหวายกงแทนที่จะเสด็จไปร่วมหอกับฮองเฮาที่ตำหนักชิงกง ทำให้แนบเนียนอย่าให้ผู้ใดจับได้ว่าเรื่องนี้เป็นการจงใจให้คนนอกได้รู้” “เจ้าค่ะกูกู” เรื่องลับที่ไม่ลับได้ถูกแพร่ออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่าเรื่องราวของฝ่าบาทกับฮองเฮาที่ถูกขังไว้ที่หลังวังหลวงนั้นผู้ใดก็ย่อมสนใจ กระทั่งในวันวิวาห์ฝ่าบาทยังไม่เสด็จไปประทับยังตำหนักใหม่ของนาง ช่างน่าอดสูโดยแท้ ต้าหลงในใจย่อมรู้ว่านี่คือแผนการของซูเมิ่งที่ต้องการไม่ให้เขาไปหาหญิงจากแดนสู่ผู้นั้น ในใจของเขาจึงอยากรู้ว่านางจะมีวิธีการใดที่จะรั้งเขาเอาไว้ได้ทั้งคืน นั่นเป็นเพราะว่าหากพระสนมเจ็บป่วยย่อมไม่เป็นการดีที่ฮ่องเต้เช่นเขาจะคลุกคลีใกล้ชิดเพราะต้องป้องกันตนเองไม่ให้ติดไข้มาจากนาง เมื่อเข้าไปถึงแท่นนอนของซูเมิ่ง ต้าหลงมองเห็นเพียงเงาเลือนลางของนางที่นอนอยู่หลังผ้าโปร่งบางที่กั้นอยู่ ในห้องนี้แสงจากโคมไฟไม่สู้จะสว่างนัก กลับเป็นประกายสีทองเรืองรองรวมทั้งยังมีกลิ่นหอมหวานเจืออยู่ในอากาศที่ทำให้คนร้อนรุ่มได้โดยง่าย ต้าหลงจึงเอ่ยถามด้วยสุ้มเสียงที่คล้ายจะห่วงใย “อ้ายเฟยของข้าไม่สบายตรงที่ใดหรือ” เพียงเขาถามคำนี้ขึ้นมาต้าหลงก็ได้ยินน้ำเสียงร่ำสะอื้นดังออกมา “ฝ่าบาทเพคะ ไยเสด็จมาที่นี่เพคะ แล้วฮองเฮาเล่าเพคะ” ต้าหลงยิ้มแล้วเอ่ยว่า “เราแวะมาหาสนมรักด้วยได้ยินข่าวว่าเจ้าไม่สบาย จึงยังไม่ได้ไปที่ตำหนักชิงกงของฮองเฮา” “ฝ่าบาท เมิ่งเมิ่งผิดต่อฮองเฮาแล้วทั้งยังทำให้ฝ่าบาทต้องไม่สบายพระทัยอีกเพคะ” “สุขภาพของสนมรักย่อมสำคัญกว่าสิ่งใด ไม่ต้องสนใจผู้อื่น สนมรักอาการของเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง” ดวงตาของซูเมิ่งเป็นประกายด้วยความยินดีจนปิดไม่มิด ผู้ใดกันเล่าจะมีความสำคัญเกินหน้าของนาง แม้จะเป็นฮองเฮาก็ต้องสำคัญตัวเสียใหม่ว่าไม่อาจเปรียบเทียบกับพระสนมผู้นี้ได้แม้แต่น้อย ซูเมิ่งปรับสีหน้าลงให้ดูเศร้าหมอง เอ่ยน้ำเสียงเจือสะอื้น “ฝ่าบาทเพคะ หม่อมฉันจู่ ๆ ก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ เพคะ แต่ยามนี้หลังจากได้ดื่มยาที่หมอหลวงจัดให้แล้วก็รู้สึกดีขึ้นแล้วเพคะ” “เช่นนั้นให้เราดูหน่อยเถิด” กล่าวจบฝ่าบาทก็เปิดเลิกผ้าผืนบางขึ้นสายพระเนตรเพ่งพิศไปที่ร่างของสนมรัก และภาพที่เห็นต่อหน้าก็ทำให้ฝ่าบาทถึงกับกลืนน้ำลายลงคอด้วยความกระหายโดยพลัน “ฝ่าบาทเพคะ” พระสนมเปลือยกายร่างขาวผ่องกำลังนอนตะแคงข้างสองมือชูขึ้นเหนือศีรษะใบหน้าแนบอยู่กับลำแขนเรียว และขาข้างหนึ่งก็ตั้งขึ้นจึงทำให้เห็นเนินโยนีที่มีไรขนอ่อนปกคลุมอยู่ได้อย่างชัดเจนยิ่ง “สนมรัก ยะ ไย นอนท่านี้” “ภายในการร้อนยิ่งนักก่อนหน้าที่กินยาจึงจำเป็นต้องถอดอาภรณ์เพคะ บ่าวของหม่อมฉันช่วยเช็ดตัวให้แล้วทว่ายังคงรู้สึกรุ่มร้อน” สายพระเนตรจับจ้องไปที่กลีบงามในยามที่นางขยับแยกขากว้างขึ้น นิ้วเรียวชี้ไปยังเนินโยนีตรัสน้ำเสียงแหบพร่า “ตรงนี้ของสนมรักร้อนหรือไม่” ในหัวใจของซูเฟยลิงโลด ฝ่าบาทติดกับดักนางแล้ว “ร้อนเหลือเกินเพคะ หากได้น้ำช่วยดับร้อนคงดีขึ้น” ต้าหลงปลดผ้าคาดเอวปักลวดลายมังกรดิ้นทองลงพื้นแล้วถอดเกงเกงออกโดยไม่รอช้า “อ้ะ ฝ่าบาทเพคะ ฮองเฮายังรอพระองค์อยู่นะเพคะ อย่าเพคะ” นางเห็นมังกรตัวเขื่องของฝ่าบาทลอยเด่นอยู่เบื้องหน้า ในใจพลันระริกและร้อนเร่าขาของนางแยกออกกว้างขึ้นทั้งนิ้วยังค่อย ๆ แหวกกลีบเนื้อของตนเองออก ทว่าปากยังเอ่ยด้วยวาจาคล้ายตนเองเป็นคนดียิ่งนัก “เราบอกแล้วว่ายามนี้อาการของสนมรักหนักหนา ให้เราช่วยทำให้คลายร้อนเถิด” “ฝ่าบาทเพคะ อื้อ” ต้าหลงไม่อาจรอช้าแล้ว เขาจับขาเรียวของซูเฟยให้อ้าออกโดยมิได้เล้าโลมตะโบมจูบก็ดันหัวมังกรยักษ์เข้าไปในโพรงหวานแล้วขยับสะโพกอย่างรุนแรง ปัก ปัก ปัก “ฝะ ฝ่าบาทเพคะ อื้อ เสียวเหลือเกินเพคะ” “ซี้ด อา เราก็เสียวเหลือเกิน” ต้าหลงยิ่งกระแทกเร็วขึ้น เขารู้สึกเสียวไปทั่วลำมังกรจนน้ำแทบจะแตกออกมา ร่างกายของซูเมิ่งเริ่มบิดไปมาเมื่อเริ่มเสียวซ่านจนเกือบจะเสร็จสม “ซี้ด เสียวเพคะ อ้า เสียวยิ่งเพคะ” และในยามนั้นคนทั้งสองก็ขึ้นสู่สรวงสวรรค์แทบจะพร้อมกัน ต้าหลงครางแหบโหยดึงแท่งมังกรของตนเองออกมาจับรูดคลึงแล้วปลดปล่อยน้ำรักละเลงจนทั่วกลีบผกา “เรามอบน้ำจากหัวมังกรของเราให้เจ้า ทาให้ทั่วกลีบเนื้อของเจ้า หวังว่าเจ้าจะหายในเร็ววัน” “ฝะ ฝ่าบาท” นางคิดจะล่อลวงให้เขาอยู่ต่ออีกสักหน่อย ทว่ายามนั้นกลับมีเสียงของคนผู้หนึ่งดังขึ้นที่หน้าประตูตำหนักชั้นใน “ฝ่าบาท กระหม่อมจูกงกงขอรายงานพ่ะย่ะค่ะ” ต้าหลงขยับกายลุกขึ้นเอ่ยเสียงดัง “รอเราประเดี๋ยว” ต้าหลงยิ้มให้กับพระสนมคนงามของตนเองแล้วเอ่ยน้ำเสียงอ่อนโยน “สนมรักเจ้ารีบพักผ่อนเถิด” “ฝะ ฝ่าบาทจะเสด็จกลับแล้วหรือเพคะ” สีหน้าของซูเฟยนั้นแสดงออกว่าผิดหวังอย่างชัดเจน ต้าหลงเพียงแต่ยิ้มทว่าเขาไม่ตอบคำจากนั้นจึงเดินออกจากตำหนักชั้นในของนางออกไปทั้ง ๆ ที่ส่วนล่างเปลือยเปล่า ซูเฟยกำมือแน่นด้วยความรู้สึกแค้นเคืองในใจ วันนี้นางคิดว่าตนเองสามารถรั้งให้ฝ่าบาทอยู่กับตัวแล้วทว่าจูกงกงผู้นั้นกลับมาขัดขวางได้ จูกงกงมักจะเป็นเช่นนี้หลายคราแล้ว ไม่ได้มีความเคารพนางแม้แต่น้อย เห็นทีว่านางและจูกงกงคงจะอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว ฝ่าบาทกลับไปแล้วทว่าซูเฟยยังคงมีความรู้สึกต้องการจนระงับเอาไว้ไม่ไหว นางเป็นสตรีที่ชื่นชอบในเรื่อกามารมณ์ยิ่งนักเกินผู้ใดจะคาดได้ นางเป็นสตรีที่ไม่อาจขาดบุรุษได้ ในแต่ละวันหากนางมิได้ถูกทิ่มแทงด้วยแท่งหยกจนทำให้น้ำหลั่งออกจากกายไม่น้อยกว่าสามครั้งนางไม่อาจนอนหลับได้สนิท ด้วยฝ่าบาทพระองค์เดียวที่มีพระสนมในวังนับพันคนมีหรือที่จะตอบสนองนางได้ ดังนั้นซูเฟยจึงต้องหาทางช่วยตนเองโดยที่ฝ่าบาทไม่มีวันรู้ “ฝ่าบาทในเมื่อพระองค์ตอบสนองหม่อมฉันได้ไม่เต็มที่ ก็นับเป็นความผิดของพระองค์แล้ว” นางลุกขึ้นสั่งนางกำนัลคนสนิทให้เข้ามาพบ เจิ้งกูกูรับคำแผ่วเบาก่อนจะเดินออกไปที่หน้าประตู ในยามนั้นซูเฟยก็ทนไม่ไหวแล้วนางค่อย ๆ คลำมือไปที่ปลายเตียงของตนเองแล้วเปิดช่องลับที่มีของบางอย่างซ่อนอยู่ก่อนจะดึงออกมา
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม