ก่อนที่คุณหมอคีตะจะออกไปคุยกับตำรวจที่มาขอพบ ดวงตาคมปรายมองไปดูผู้หญิงที่แอบหลบเข้ามุมเดิมในห้องทำงานของเขาเอง
ไอ้ด็อกเตอร์เอ้ยอยู่ดีๆ ก็หางานมาให้เราทำ..ขณะที่กำลังคิดตำหนิเพื่อนอยู่มือหนาก็เอื้อมไปเปิดประตูห้อง
"สวัสดีครับ เชิญห้องนี้ดีกว่าครับ" ชายหนุ่มปิดประตูห้องนั้นไว้แล้วก็พาคุณตำรวจมาคุยกันอีกห้องหนึ่งถ้าเข้าไปคุยในห้องทำงานมีหวังเจอเธอคนนั้นแน่
"ทางเราขออภัยด้วยที่มาขอเข้าพบคุณหมอโดยไม่ได้นัดหมายก่อนล่วงหน้า"
"ไม่เป็นไรครับ พูดธุระของพวกคุณมาได้เลย"
"เราได้รับแจ้งมาว่ามีคนป่วยที่อยู่ในหมายจับมารักษาตัวที่นี่.."
"ผมอยากทราบว่าใครเป็นคนแจ้ง" นายแพทย์คีตะยังคงนั่งนิ่งไม่ได้แสดงอาการอะไรออกมาให้ตำรวจจับพิรุธได้ และมันก็เป็นสิทธิ์ของเขาที่จะถามก่อน
"จากคนที่เชื่อถือได้ครับ เราไม่อยากนำหมายค้นมาค้นโรงพยาบาล คุณหมอให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ดีกว่านะครับ" เพราะมันเป็นคดีอาญา ถ้าใครให้ที่ซุกซ่อนผู้ต้องสงสัยนั่นหมายถึงเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด และคีตะก็รู้ดี แล้วเขาจะทำยังไงต่อล่ะทีนี้ ในเมื่อลูกสาวของผู้ต้องสงสัยขอร้องเขาอยู่เช้าเย็น และที่หนักกว่านั้นคือ..ตอนนี้เธอยังอยู่ในห้องทำงานของเขาอยู่เลย
"ผมขอใช้สิทธิ์ ที่จะยังไม่พูดอะไร" เขาไม่ใช่คนที่ไม่รู้เรื่องกฎหมาย ถ้าตำรวจไม่มีหมายค้นหมายจับมา ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้
ที่คีตะไม่พูดไม่ใช่เพราะเธอคนนั้นหรอก แต่เป็นเพราะดอกเตอร์พันไมล์เพื่อนรักขอไว้ ถ้าเขาปริปากพูดออกไปนั่นหมายถึงเขาเอาตัวรอดคนเดียวจะต่างอะไรกับผู้ชายที่ขี้ขลาด
"ในเมื่อคุณหมอพูดแบบนี้ ทางผมก็คงทำอะไรไม่ได้ แล้วคุณหมอก็รอรับหมายตามมาทีหลังแล้วกันนะครับ" ตำรวจสองท่านที่เข้ามาขอพบออกจากห้องไปโดยไม่ได้เรื่องอะไรเลย
ไอ้หมอเอ้ยอยู่ดีๆ ก็งานเข้า ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งค่อยๆ เอนหลังลงพิงเก้าอี้ ถ้าเขาถูกข้อหาไม่ใช่แค่เขาที่เดือดร้อน เพราะโรงพยาบาลนี้ก็ต้องมีเอี่ยวด้วย
ชายหนุ่มนั่งคิดอะไรอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับเข้ามาห้องทำงาน เพราะต้องรีบเคลียร์เอกสารคนไข้
แกร็ก..แอดดด..
ทีแรกก็ลืมไปแล้วแหละว่ามีคนแอบอยู่ในนี้ แต่พอเปิดประตูเข้ามาก็นึกได้
"ออกมา"
หญิงสาวที่ซ่อนกายอยู่มุมหนึ่งในห้องนั้นก็ค่อยๆ ขยับออกมาจากซอก ที่เธอยังรออยู่เพราะอยากรู้ว่าตำรวจมาพบคุณหมอทำไม
"คุณตำรวจมาทำไมคะ"
"แล้วคิดว่ามาทำไมล่ะ"
"มาเรื่องของคุณพ่อใช่ไหมคะ"
"เธอกลับไปก่อนไป"
"ฉันรู้ว่าพ่อทำเกินกว่าเหตุ แต่ครอบครัวของฉันก็ถูกพวกมันทำร้ายเหมือนกัน"
"ผมก็บอกแล้วไงว่าให้ไปคุยกับคู่กรณีของคุณเอง" เขาไม่รู้จักเธอ ไม่รู้จักครอบครัวของเธอก็เลยไม่อยากรับรู้เรื่องนี้ด้วย
"คุณหมอยังคิดว่าฉันกับพวกเขาจะคุยกันได้อีกเหรอคะ"
"ก็เป็นซะแบบนี้ พ่อของคุณไปยิงลูกชายพ่อเลี้ยงก่อน"
"แต่พ่อก็ถูกทำร้ายร่างกาย จนตอนนี้ยังไม่ฟื้นตัวเลย"
"คุณต้องเข้าใจคนระดับนั้น ท่านจะปล่อยให้ใครมาทำร้ายลูกชายได้ฟรีๆ เหรอ แล้วพ่อคุณมีแรงจูงใจอะไรถึงคิดจะฆ่าเขา"
"ถ้าไม่เพราะไอ้พ่อเลี้ยงนั่นครอบครัวฉันก็คงไม่ตกอยู่ในสภาพนี้"
"ทำไม" ทีแรกก็ว่าจะไม่เข้าไปยุ่งแล้วแหละ แต่เอาวะยังไงก็สลัดไม่ออกแล้วนี่
"แม่ฉัน.."
ก๊อก ก๊อก
"คุณหมอคะมีเคสผ่าตัดด่วนค่ะ" พยาบาลที่เข้ามามองไปทางด้านผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะทำงานของคุณหมอเล็กน้อย ที่มองเพราะแปลกใจว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามาตั้งแต่เมื่อไร ทำไมพยาบาลที่นั่งอยู่ด้านหน้าถึงไม่เห็น
ที่จริงเธอจะหลบแล้วล่ะ แต่พยาบาลเล่นเคาะประตูแล้วก็เปิดเข้ามาเลยใครจะหลบทันล่ะ
"อุบัติเหตุเหรอ" หมอคีตะรีบลุกขึ้นคว้าของที่จำเป็นของตัวเองแล้วเดินตามพยาบาลออกไป โดยไม่สนใจสิ่งที่เธอกำลังจะพูดเมื่อสักครู่อีก
หญิงสาวคนนั้นเดินคอตกกลับมาที่ห้องเล็กๆ ข้างบันไดหนีไฟ ห้องนี้ที่จริงเป็นห้องเก็บของ เครื่องปรับอากาศก็ไม่มี แต่ก็ยังดีที่มีพัดลมให้ เพราะพ่อของเธอถูกนำมาซ่อนเพื่อรักษาตัวไว้ห้องนี้
"ไปไหนมา" ชายวัยกลางคนที่นอนร่างกายฟกช้ำอยู่บนเตียงถามบุตรสาว เธอบอกว่าจะไปเข้าห้องน้ำแต่ก็ไปนานมาก
"พ่อไม่น่าจะวู่วามเลย ถ้าพ่อถูกจับไปพวกมันต้องยัดข้อหาให้พ่อหนักแน่"
"ฉันไม่กลัวหรอก ถ้าฉันไม่ตายคนที่ตายก็ต้องเป็นพวกมัน"