ของสำคัญ

1324 คำ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา รถคันหรูวิ่งเข้ามาในถนนส่วนบุคคล เลือกจอดเลยบ้านหลังใหญ่ไปนิดหน่อย ก่อนจะเดินลงจากรถ เปิดประตูหลังออกกว้าง มุดตัวเข้าไปแย่งเงินจากคนหลับกลับคืนมา เงินนี่เป็นเงินเธอ เธอต้องการเอามันคืนเป็นค่ารถกลับบ้าน ทิพย์วารีปิดประตูหลังไว้ดังเดิม เดินไปลดกระจกประตูหน้าลง จากนั้นจึงเดินไปกดกริ่งหน้าบ้าน ทิพย์วารียืนกดกริ่งอยู่สักพัก ก็เห็นเงาคนเดินออกมามองดูที่หน้าบ้าน ไม่นานเงานั้นก็ขยับเดินออกมาจากในบ้าน เพื่อมาเปิดประตู เธอเลยถือโอกาสช่วงที่คนๆนั้นเดินมาใกล้ เดินหายไปท่ามกลางความมืด แอบยืนอยู่ไม่ไกล เพื่อรอดูว่าคนๆนั้น จะเห็นคนที่เธอทิ้งไว้พร้อมกับรถหรือเปล่า “ใครมากดกริ่งเล่นนี่ อุ๊ย! นั่นรถคุณหนูไม่ใช่เหรอ?” ป้านวลรีบเดินไปดูใกล้ๆรถคันนั้น เมื่อมั่นใจว่าใช่รถคุณหนูของบ้าน ก็รีบวิ่งเข้าไปตามคนในบ้านออกมาช่วยพยุงร่างที่นอนหลับอยู่ในรถ เมื่อมั่นใจว่าเขาปลอดภัย ทิพย์วารีก็รีบเดินออกมาหน้าหมู่บ้าน เพื่อหารถแท็กซี่สักคันโดยสารกลับบ้าน แม้ระยะทางจะค่อนข้างไกล แต่เธอเคยเดินแบบนี้บ่อยๆ เลยไม่รู้สึกกลัวมากมายนัก วันรุ่งขึ้น อคินลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกหงุดหงิด มองไปยังต้นเหตุของอาการหงุดหงิดของตัวเอง จึงได้เห็นหลานสาวหลานชาย ร่วมด้วยช่วยกันดึงขนหน้าแข้งเขาอยู่ “โอ้ย! น้าเจ็บนะโว๊ย!” “อย่าโว๊ย!กับหลานสิ!” “พี่ พี่นิล อยู่ด้วยเหรอ?” “อืม เด็กๆออกไปก่อน แม่ขอคุยกับน้าคินตามลำพัง” “ไม่! อย่าไป อยู่ก่อน! เห้ย! มาอยู่นี่ได้ไงวะ ไม่เอานะเว้ยพี่นิน ยังไม่ได้ทำอะไรเลย” คนมีความผิดลนลานด้วยความกลัว เขานึกว่าพี่นิลไปต่างประเทศซะอีก ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ ที่สำคัญเขากลับมานอนบ้านได้ยังไง ทั้งที่เมื่อคืนตั้งใจว่าจะนอนค้างที่คอนโด “หยุดแหกปากแล้วบอกมา ว่าเมื่อคืนกลับมาได้ยังไง แล้วนาฬิกาที่เคยอยู่ในมือหายไปไหน” ลินินถามด้วยแววตาเย็นชา เรื่องกลับมายังไงในสภาพเมื่อคืนเธอไม่ติดใจ แต่นาฬิกาเรือนละหลายล้านที่เจ้าตัวหวงนักหนามันหายไปไหน เธอไม่เคยเห็นอคินถอนมันเลย เขาหวงมันมากเพราะเป็นของขวัญที่แม่สั่งทำให้ชิ้นแรก เขารักมันมาก ไม่มีทางที่เขาจะลืมมันทิ้งไว้ที่อื่นแน่ๆ “นั่นสิ! เห้ย!” อคินลูบข้อมือที่ว่างเปล่าของตัวเอง รู้สึกวูบโหวงในใจเมื่อสัมผัสเจอเพียงผิวเนื้อของตัวเอง นาฬิกาเรือนนั้นเขารักมาก มันเป็นของขวัญชิ้นแรกที่แม่ให้ มันหายไปตอนไหนวะ! สมองคิดทบทวนและประมวลผล จำได้ลางๆว่าอยู่ท่ามกลางผู้หญิงสามคน สองคนที่เขาไม่รู้จัก กับอีกคนที่เขาไม่รู้จักเหมือนกัน แต่พอจะรู้ว่าเธอคือพนักงานของที่นั่น ต้องเป็นหนึ่งในสามคนนั้นนั่นแหละ เพราะเมื่อคืนเขาไม่ได้อยู่ใกล้ใครเลย หรือว่าจะเป็นยัยนั่น ตอนนั้นแน่ๆ ตอนที่เธอกำข้อมือเขา ตอนที่เขาสวมกอดเธอ “รู้แล้วว่ามันอยู่ที่ไหน” “เหรอ? ก็ดี! แล้วคิดยังไงถึงทิ้งงานสำคัญไปกินเหล้า” พายุของจริงโหมกระหน่ำเข้าหา ใบหน้าของพี่สาวดูน่ากลัวกว่าเดิมมาก ทั้งๆที่เขาขอบริหารเองแล้ว ทำไมต้องเข้ามาวุ่นวายด้วยวะ แค่หายไปก่อนงานจะจบ มันไม่ได้ทำให้ยอดขายลดลงสักหน่อย “ก็งานใกล้จะจบแล้ว แพรก็อยู่ พ่อกับแม่ก็อยู่ พี่รินก็อยู่ ไม่เห็นต้องดุเลย” “บริษัทนั่นเป็นของคิน พี่ยอมเปิดอ**บริษัทให้คินรับไปดูแล เพราะแม่ขอร้อง แต่ถ้าคินทิ้งขว้างมันอย่างไร้ค่าแบบนี้ พี่คงต้องคิดทบทวนทุกอย่างใหม่อีกที” เธอไม่สนหรอกว่านั่นคือสิ่งที่น้องควรได้ไปดูแลอยู่แล้ว ในเมื่อได้ไปแล้วดูแลไม่ดี เธอก็จะเอากลับมาดูแลเอง สำหรับเธอไม่ว่าน้องคนไหนจะเป็นยังไงเธอไม่สน แต่คนที่ทำงานอยู่ภายใต้การดูแลของเธอ ต้องไม่รับบทหนัก หรือทำงานเกินกว่าที่ได้รับมอบหมาย นั่นหมายความว่าต้องไม่มีใครถูกโยนภาระไปให้ เกินกว่าหน้าที่ที่เคยทำ “อะไร ให้แล้วอย่าเอาคืนดิ!” “ไม่รู้แหละ ถ้าทิ้งงานอีก พี่คงต้องถีบเราลงจากตำแหน่งผู้บริหารของ AKS แล้วอย่าคิดว่าพี่พูดเฉยๆ คินเป็นน้องพี่ก็จริง แต่ไม่ใช่พ่อพี่!” ลินินมองน้องชายด้วยแววตาแข็งกร้าว ผู้ชายที่เธอยอมให้มีเพียงคนเดียวนั่นคือพยัคฆ์ผู้เป็นพ่อ เธอใจอ่อนให้พ่อเพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นคนอื่นอย่ามาหวังความใจอ่อนจากเธอ “อะไรวะ!” อคินปาหมอนตามหลังพี่สาวไปอย่างหงุดหงิด เขารู้ว่าทุกคนกำลังบีบให้เขาเลือก รู้ว่าทุกอย่างมันเป็นแผนการของคนในครอบครัว ทุกคนกำลังบีบเขาให้จนตรอก แต่จำเป็นต้องทำกับเขาขนาดนี้ด้วยเหรอวะ ร่างสูงลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว มองนาฬิกาในห้องที่บอกเวลาเกือบเที่ยง ตื่นสายขนาดนี้จะไปทำงานยังไงล่ะ ยิ่งโดนพี่สาวเพ่งเล็งอยู่ด้วย แบบนี้ตำแหน่งผู้บริหารที่รักษามาอย่างยากลำบาก ต้องหลุดลอยไปจริงๆแน่ ใช้เวลาในห้องน้ำไม่นาน ก็ออกมาแต่งตัวเป็นชุดทำงาน แม้จะใกล้บ่ายโมงแล้วก็เถอะ ยังไงก็ต้องไป ไม่งั้นพี่สาวจะยิ่งมีเหตุผลมาถีบเขาลงจากตำแหน่ง ช่วงนี้ต้องทำตัวดีไปก่อน แม้จะรู้สึกขัดใจมากก็ตาม 13:00 น. บริษัท AKS ภาพผู้บริหารเดินเข้ามาในตึกเวลาบ่าย เป็นที่ชินตากับพนักงานที่ทำงานอยู่ชั้นหนึ่งพอสมควร แม้อคิน อัครโยธินกุลจะมีความรู้ความสามารถเข้าขั้นอัจฉริยะ แต่เขาเป็นคนเอาแต่ใจ และไร้วินัยในการทำงาน แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกความเห็นเรื่องนั้น เพราะบริษัทแห่งนี้ ถูกจดเป็นชื่อของเขาเพียงผู้เดียว “แพร! หาข้อมูลผู้หญิงคนเมื่อวานมาด่วน” เดินยังไม่ถึงโต๊ะที่เลขาสาวนั่งทำงานด้วยซ้ำ อคินก็พูดสิ่งที่ตัวเองต้องการ เลขาถึงกับเบ้หน้า มองเจ้านายที่เพิ่งก้าวออกจากลิฟต์ตาเขียวปัด เธอโกรธเขาอีกแล้ว โกรธเพราะเขาทิ้งให้เธอรับบทหนักเมื่อคืน “ไม่ว่างค่ะคุณคิน” แพรวิภาตั้งใจว่าวันนี้จะรับบทบาทเพียงบทเดียวนั่นคือเลขา และงานเธอยุ่งจริงๆ ไม่ว่างไปหาข้อมูลไร้สาระเกี่ยวกับผู้หญิงให้เจ้านายหรอก ไม่ว่างเข้าใจบ้างไหมคะ! “ต้องว่าง!” “ไม่ว่างค่ะคุณคิน รู้ไหมว่างานเยอะจนจะทับแพรตายอยู่แล้ว แหกตาดูบ้างสิ” แพรวิภาปลายตามองเอกสารบนโต๊ะที่มันสูงจนเลยศรีษะเธอขึ้นไป เอกสารพวกนั้นเธอต้องจัดการให้เสร็จภายในวันนี้ เธอต้องการที่จะหยุด เธอต้องได้หยุดเท่านั้น การเคลียร์งานทั้งหมดให้เสร็จภายในสัปดาห์นี้ เป็นเรื่องยากที่เธอต้องทำ “หามา!” อคินพูดจบก็คว้าเอกสารเกินครึ่งเดินเข้าไปในห้องทำงาน เขาต้องได้นาฬิกาคืน ผู้หญิงคนนั้นคือหนึ่งในผู้ต้องสงสัย เขาต้องได้ข้อมูลของเธอมาโดยเร็วที่สุด ก่อนที่นาฬิกาเรือนนั้นจะถูกขายทอดตลาด
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม