14
คืนสนาม (2)
ตนุธิปกอดหมวกกันน็อกใบโปรดและเดินลงมายังชั้นล่างซึ่งเป็นจุดเตรียมตัวสำหรับผู้เข้าแข่งขัน และรวมถึงพื้นที่ในการตรวจสอบสภาพรถก่อนเริ่มแข่ง
เขาปรายสายตามองคนรอบ ๆ ที่เกี่ยวข้อง ตอนนี้อยู่ในช่วงวุ่นวายเพราะอีกไม่ถึงชั่วโมงก็จะเริ่มต้นการแข่งขัน แต่ละคนก็ต่างวิ่งไปทางโน้นทีทางนี้ที ส่วนอีกฝั่งซึ่งเป็นที่เตรียมตัวของนายก็อยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกันสักเท่าไหร่
“ไอ้ดรีม” ขายาวก้าวฉับไม่กี่ก้าวก็ถึงตัวของผู้ลงแข่งขันในรอบถัดไป ซึ่งก็หมายความว่าดรีมคือคู่แข่งของนายในค่ำคืนนี้
“อ้าวเฮียต๊อด หวัดดีครับเฮีย”
“มีเรื่องให้ช่วยนิดหน่อย” ตนุธิปกอดอกมองพลางเอ่ยบอกนิ่ง ๆ
“อะไรครับ บอกมาได้เลยครับ ผมยินดีมาก ๆ”
“กูจะลงแข่งกับไอ้นายแทน”
“ฮะ?”
ทันทีที่ได้ยินก็ทำเอาร้องเสียงหลง กดสายตามองลึกไปอย่างเอาคำตอบก็รับรู้ว่าตนุธิปไม่ได้พูดเล่น
“กูให้สามแสน เดี๋ยวให้ไอ้เดย์จัดการให้ มึงก็กลับไปได้เลย แมตช์นี้กูลงแข่งเอง”
“ทางนี้ครับ” เดย์ก้าวประชิดตัวเจ้านายพลางผายมือให้กับคนอีกฝ่ายที่ยังอยู่ในอาการตกใจ
“นี่เฮียต๊อดจะคืนสนามแข่งกับไอ้นายเองเหรอครับ ทำไมล่ะครับ ทำไมถึง...”
“ไม่ใช่ธุระของมึงหรอกไอ้ดรีม รีบไปได้แล้ว ส่วนรถนี่กูขอยืมก่อนนะ แข่งเสร็จจะเอามาคืน” มือใหญ่ตบเบา ๆ ที่บ่าแกร่งของคนอีกฝ่าย มันเป็นการกระทำสุดแสนธรรมดา หากแต่คนที่ฟังย่อมรู้ดีว่ามันไม่ต่างจากคำเตือนเด็ดขาดว่าไม่ควรก้าวก่ายไปมากกว่านี้
“ครับเฮีย! ตามสบายเลยครับ!”
เมื่อได้ยินคำตอบรับ มุมปากหยักก็หยัดยิ้มอย่างพึงพอใจ เสียงหัวเราะดังเล็ดลอดออกมาในลำคอน้อย ๆ สายตาคมขลับปราดมองไปยังพื้นที่ฝั่งตรงข้ามซึ่งเป็นที่เก็บตัวของคู่แข่งที่จะต้องลงสนามในอีกไม่ช้า
“ไอ้เดย์” เสียงเข้มเอ่ยเพียงคำเดียวเจ้าของชื่อก็รีบวิ่งเข้ามาหา
“ครับนาย”
“มึงไปบอกทีมช่างฝั่งนั้นหรือยัง”
แต่ละจุดจะมีทีมช่างคอยตรวจสอบความเรียบร้อยของตัวรถก่อนเริ่มแข่ง สนามแข่งรถแห่งนี้มีกฎและกติกาชัดเจน ทั้งยังยึดถือปฏิบัติตามหลักสากลจึงมีความน่าเชื่อหรือและความปลอดภัยมากที่สุดในประเทศ
หากแต่ครั้งนี้กลับเป็นครั้งแรกที่จะมีเรื่อง ‘สกปรก’ เข้ามาเกี่ยวข้อง
“เรียบร้อยครับ ทางนั้นน่าจะเล่นสนุกกับรถไอ้นายนิดหน่อย ไม่ถึงตายแน่นอนครับ” เดย์ประสานมือและรายงานต่อผู้เป็นนายด้วยรอยยิ้มหยัน ก่อนหน้านี้เพียงไม่กี่นาทีเขาเพิ่งไปสั่งการกับทีมช่างฝั่งคู่แข่งว่าให้เล่นตุกติกกับตัวรถของนายนิดหน่อย แล้วก็ให้ค่าขนมปิดปากกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แลกกับการดูฉากเด็ด ๆ ในค่ำคืน
หากไม่ใช่ตนุธิปที่เป็นถึงอดีตนักแข่งรถชื่อดังระดับประเทศและหุ้นส่วนของสนามแข่งรถแห่งนี้ก็ไม่มีใครกล้าทำเรื่องแบบนี้ได้
“มึงว่ากูควรเข้าไปทักทายคู่แข่งหน่อยไหมวะไอ้เดย์” เสียงเข้มเอ่ยถามขณะที่มุมปากหยัดโค้ง รู้สึกถึงความสนุกที่กำลังมาเยือน
“ก็ดีนะครับ ผมอยากเห็นหน้าไอ้นายเหมือนกันว่าจะตลกแค่ไหนตอนที่รู้ว่าคู่แข่งของมันเป็นใคร”
“กูเองก็อยากเห็นว่ะ!”
ตนุธิปจัดการเปลี่ยนชุดสำหรับการลงแข่งขัน จากนั้นเขาก็ใช้เวลาที่เหลือนั้นเดินไปทักทายคู่แข่งที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเองว่าอีกไม่นานคงจะถึงฆาตโดยไม่รู้ตัว
และเพียงปรากฏตัวก็ทำให้สายตาทุกคู่บริเวณนั้นจับจดมาที่เขาเป็นจุดเดียว พื้นที่ก็ถูกแหวกเผยทางเดินอัตโนมัติ มุมปากหยักหยัดยิ้มน้อย ๆ ความหยิ่งผยองในตัวทวีคูณเมื่อใครต่อใครก็ยำเกรงในอิทธิพล
“เฮียต๊อด...”
เสียงเข้มสั่นเครือเอ่ยเรียกบุคคลที่เข้ามาใหม่ มันเป็นจังหวะที่ตนุธิปกำลังเดินเข้ามายังจุดพักของคู่แข่งพอดิบพอดี
สายตาคมเปลี่ยนกลับเป็นความหวาดหวั่น ใบหน้าถอดสีซีดเซียวเพียงเห็นเขาที่เดินเข้ามาและอยู่ในชุดลงแข่งเฉกเช่นเดียวกัน
“กูมาทักทายคู่แข่งสักหน่อย ไงวะไอ้นาย” ตนุธิปยิ้มกว้างอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นได้บ่อย ๆ
ตอนนี้เขากำลังมีความสุข มีทั้งเรื่องสนุกและเรื่องตื่นเต้นเกิดขึ้นในเวลาเดียวกัน คู่แข่งของเขาหน้าซีดตัวสั่น ท่าทางหวาดกลัวหัวหดจนอยากหัวเราะใส่หน้าเสียด้วยซ้ำ
“เฮียหมายความว่าไง”
“พอดีว่ากูคันตีนอยากลงแข่งสักหน่อย มึงคงไม่ว่าอะไรใช่ไหมวะถ้าจะเปลี่ยนมาแข่งกับกูแทน” มือใหญ่สองข้างล้วงกระเป๋าและยืนพิงกับราวเล็กของอัฒจันทร์ด้วยท่าทางสบายใจ ผิดกับกับอีกฝ่ายที่ตื่นตกใจจนเหมือนสติหลุดไปแล้ว
“ได้ไง...เฮียไม่ใช่คู่แข่งของผม แล้วอีกอย่างผมก็ลงพนันกับไอ้ดรีมไปแล้วว่า...”
“ก็กูบอกไปแล้วไงว่ากูคันตีน กูคุยกับไอ้ดรีมแล้วว่ากูจะลงแข่งแทน” เสียงเข้มกดต่ำลดระดับไปมากกว่าเดิม จากดวงตาเรียบนิ่งก็เปลี่ยนมาเป็นแข็งกร้าวดุดันราวกับมีเปลวเพลิงลุกโชน
“แต่...”
“นี่เหรอวะของเดิมพัน” สายตาคมปราดมองไปยังของเดิมพันที่นั่งอยู่ตรงกลางและมีผู้ชายหลายชีวิตรายล้อมซ้ายขวา
จากที่อารมณ์เริ่มกรุ่นก็กลายเป็นว่ามันปะทุร้อนสาดสุมเข้าไปใหญ่ รับรู้อยู่แล้วว่าของเดิมพันที่นายนำมาลงเกมในค่ำคืนนี้คือแฟนสาวของเธอ แต่ใครจะไปคิดว่าเธอจะอยู่ในสภาพย่ำแย่ขนาดนี้
ใบหน้าบวมช้ำ ริมฝีปากห้อเลือดจากการถูกตบ และตามร่างกายแขนขาก็มีแต่บาดแผล ตอนแรกเขามองเห็นไกล ๆ ก็คิดว่ารุนแรงเกินรับไหวแล้ว แต่ยิ่งได้มาเห็นใกล้ ๆ ก็ทำให้ขีดความอดทนอดกลั้นพังทลายลงไม่เหลือชิ้นดี
“แต่ผมไม่แข่ง ถ้าเฮียจะเปลี่ยนตัวก็ควรบอกผมก่อน ผมไม่...”
“มึงไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธไอ้นาย หน้าที่ของมึงคือแข่งให้ชนะกูเท่านั้น ถ้ามึงทำได้อะนะ” ตนุธิปตบไหล่ของนายเบา ๆ มันเป็นทั้งคำเตือนและคำพิพากษาที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“แต่...”
“ถ้ามึงชนะกูมึงก็เอาไปเลยหนึ่งล้าน ทีนี้จะเริ่มแข่งได้หรือยัง!”
เงินหลักล้านถูกยกขึ้นมาหวังซื้อใจคนเลวให้โอนอ่อน แม้ว่าตามความจริงแล้วนายไม่มีทางเอาชนะคู่แข่งอย่างตนุธิปได้เลยก็ตาม
แต่คนโลภย่อมตาวาวกับของล่อตาล่อใจอยู่แล้ว...
“ตกลง! เฮียอย่าผิดคำพูดแล้วกัน”
“เฮ้ย ไอ้นายมึงบ้าไปแล้วเหรอวะ ยังไงมึงก็ไม่มีทางชนะเฮียต๊อดได้หรอก” เพื่อนของนายรีบเดินเข้ามาเตือนสติ
“แต่เงินตั้งล้านหนึ่งนะเว้ย กูอยากลองเสี่ยง”
ตนุธิปแสร้งขยับปลายเท้าทำทีว่าเดินห่างออกไป หากแต่เขาย่อมได้ยินบทสนทนาเหล่านั้นชัดเจน
“กูว่าเฮียต๊อดเขาตั้งใจล่อมึงให้ติดกับมากกว่า มึงอย่าแข่งเลย แม่งมีแต่เสียกับเสีย!”
“แต่กู...”
“มึงไปทำอะไรให้เฮียเขาไม่พอใจหรือเปล่าวะ นี่เป็นครั้งแรกเลยนะเว้ยที่เขาคืนสนามอีกครั้งอะ แล้วเขาตั้งใจลงแข่งกับมึงโดยเฉพาะ กูว่าชะตามึงขาดแน่ไอ้นาย” เพื่อนอีกคนเดินเข้ามา มองหาเหตุผลก็คิดเป็นอื่นไม่ได้นอกจากเพื่อนตัวเองเผลอเดินผิดที่ผิดทางเข้า
“กู...”
“คิดดี ๆ นะเว้ยไอ้นาย ยังไงมึงก็ไม่มีทางชนะ”
นายชั่งใจกับคำเตือนของเพื่อน เขาทวนคิดด้วยระยะเวลาอันรวดเร็วก่อนจะรีบวิ่งตามคู่แข่งที่เพิ่งเดินออกไปไม่ได้ไกลมากนัก
“เฮียต๊อด เดี๋ยวก่อนครับ!”
ตนุธิปเลิกคิ้วและกดสายตามองกลับไป
“ทำไมเฮียถึงลงแข่ง ทั้ง ๆ ที่...”
“ก็บอกแล้วไงว่าคันตีนอยากแข่ง” พูดจบก็หมุนตัวและเดินตรงไปยังตามทางดังเดิม แต่ทว่าประโยคถัดมากลับทำให้ฝีเท้าหยุดกึกกะทันหัน
“เฮียอยากได้ของเดิมพันใช่ป้ะ อยากได้เมียผมว่างั้น?”
ร่างสูงใหญ่หันกลับมาและก้าวเดินไปประจันหน้าอย่างเชื่องช้า หากแต่สายตาและกระแสความเดือดดาลกลับแผ่ซ่านสะท้อนออกมาจนรับรู้และสัมผัสได้
“ฮึ...” ไม่มีคำตอบได้เอ่ยออกมา มีเพียงเสียงหัวเราะเบา ๆ ที่เกิดขึ้นเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใจกล้าพูดออกมาแบบนี้
“กุ๊กมันไม่ได้สะอาดแล้วนะเฮีย มันสกปรกแล้ว ผมเอามันจนพรุน มันไม่สดไม่ซิง แล้วก็เป็นผู้หญิงแปดเปื้อนโสมมมากด้วย!”
มือใหญ่กำเข้าหากันแน่นเมื่อได้ยินถ้อยคำหยาบคายต่ำช้าพวกนั้น ขนาดผู้ชายอย่างเขายังทนฟังไม่ได้ แล้วผู้หญิงตัวเล็ก ๆ นั่นจะรู้สึกเช่นไร...
“เฮียอยากได้มันมากใช้ป้ะ เอาดิ...ผมยกให้ฟรี ๆ เลยเฮีย ผมยกให้เลย เฮียไม่ต้องมาลงแข่งกับผมให้เสียเวลาหรอก” นายเอ่ยปนเสียงขำ นึกเย้ยหยันสมเพชเพราะคิดว่าอีกฝ่ายต้องการแฟนสาวของตัวเองไปครอบครอง
“เอาไงดีครับนาย ผมชักทนไม่ไหวละ ปากแบบมันไม่น่าตายดี” เดย์ก่นเสียงลอดไรฟันถามผู้เป็นนาย
“เย็นไว้” ปากพูดแบบนั้นแต่ภายในใจของเขาร้อนรุ่มและอยู่ในอาการไม่ต่างกัน
หากมีปืนอยู่ในมือเขาคงได้ลั่นไกจ่อยิงจนหมดนัด หรือแค่มือเปล่าเขาก็คงจัดการสั่งสอนให้มันไปเฝ้ายมบาลเสียตั้งแต่ตอนนี้
แต่มันยังไม่ถึงเวลา...
“มึงน่าจะไม่รู้ว่านอกจากของเดิมพันของมึงก็มีอีกอย่างหนึ่งที่กูอยากได้…”
ชีวิตของมึงไง!