16
ทรมานที่สุด
“จับแบบนี้ แล้วก็เล็งไปตรงจุดที่อยากยิง” ตนุธิปกระซิบบอกอย่างอ่อนโยนพลางจับมือให้หญิงสาวบังคับเล็งไปยังร่างอาบเลือด
เธอหันมองเขาด้วยแววตาตื่น นี่มันก็แทบไม่ต่างอะไรกับการจับมือให้เธอฆ่าคนเลยสักนิด!
“มะ...ไม่ อึก...ฮึก...ไม่...” หญิงสาวส่ายหน้าท่าเดียว พยายามขยับตัวออกและพยายามทิ้งปืนลงแต่มือใหญ่ที่ประสานกลับทำให้เธอไม่สามารถทำอย่างใจคิดได้
ตนุธิปขมวดคิ้วมองเธอด้วยสายตาดุนิด ๆ เขาตั้งใจจะจับมือสอนยิงด้วยตัวเองด้วยซ้ำ อยากให้เธอได้สั่งสอนคนเลว ๆ ที่เกือบทำชีวิตเธอพัง แต่พอเห็นดวงตาสั่น ๆ ก็ทำเอาใจอ่อนยวบขึ้นมา
“สั่งสอนให้มันรู้ซึ้งหน่อยว่าการกระทำเลว ๆ ของมันจะต้องมีจุดจบยังไง มันทำอะไรกับเธอไว้บ้างเธอน่าจะรู้ดี แค่นี้ฉันว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับสิ่งที่เธอต้องเจอ” เวย์คินเอ่ยเตือนสติ รู้ดีว่าเธอกลัว แต่มันก็คงไม่ได้มากพอกับความชั่วช้าที่เธอได้รับ
“กุ๊กทำไม่ได้คุณเวย์” กุ๊กส่ายหน้าและพยายามดันตัวออก แต่ทว่ามือใหญ่ที่จับประคองมือของเธอไว้อยู่นั้นกลับกระชับให้แน่นขึ้น เช่นเดียวกับการยืนประชิดกับร่างกายของเธอ
เธอรู้สึกถึงลมอุ่น ๆ ที่เป่ารดแนบใกล้ ครั้นหันมองก็พบว่าใบหน้าของตนุธิปอยู่ใกล้เพียงไม่ถึงคืบ ทว่าเธอกลับไม่มีเวลาพินิจพิจารณาหรือขบคิดอะไรได้มากกว่านั้น เพราะมันถูกแทนที่ด้วยความหวาดหวั่นตบท้ายกับเสียงกรี๊ดเมื่อลำปืนสีดำขลับในมือได้ลั่นกระสุนไปยังทิศทางตรงหน้าเป็นที่เรียบร้อย
ปัง!
“อ๊าก!!!” นายร้องลั่นเมื่อกระสุนยิงเจาะเข้าที่หน้าขาข้างซ้ายของตัวเอง
“คุณ!” กุ๊กแผดเสียง เมื่อกี้นี้มั่นใจว่าเธอไม่ได้สัมผัสที่ไกปืนสักนิด แต่เป็นเขานั่นแหละที่ทำมัน
“ใจเย็นก่อนไอ้ต๊อด คันตีนอยากลงแข่งแล้วนี่ก็ยังคันมืออยากฆ่าคนด้วยเหรอวะ วางปืนก่อนน่า ยังมีเวลาอีกเยอะ” ออสตินเดินเข้ามาตบไหล่เพื่อนเบา ๆ เมื่อเห็นถึงความเดือดดาลที่สาดสุมสะท้อนออกมาผ่านใบหน้าดุดัน
“ทะ...ทำไมต้องฆ่าเขาด้วยคะ” มิลล่าโพล่งขึ้น เธอถูกพามาที่นี่พร้อมกับกุ๊ก ซึ่งก่อนหน้านั้นเธอก็มาที่สนามแข่งเนื่องจากถูกนายล่อลวง แต่พอจบการแข่งขันก็กลายเป็นว่าเธอต้องมาเห็นจุดจบของชีวิตคนคนหนึ่ง
“บอกเมียมึงหน่อยไอ้เวย์ว่าถ้าไม่ฆ่าแล้วจะเก็บคนเลว ๆ แบบนี้ไว้ทำไม” ตนุธิปตอบยิ้ม ๆ หากแต่ความรู้สึกกลับคิดแบบนั้นจริง ๆ
มันไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เขาจะต้องเก็บคนเลว ๆ อย่างนายไว้
“เธออยากให้มันอยู่บนโลกนี้ต่อเหรอกุ๊ก อยากให้คนเลว ๆ อย่างมันได้หายใจต่อทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรได้รับโอกาสอีกน่ะเหรอ” เวย์คินตะเบ็งเสียงหวังช่วยกล่อมเกลาให้กุ๊กคิดตาม
ตอนนี้กุ๊กกำลังหวาดหวั่น เธอกลัวกับสิ่งที่เผชิญ สภาพจิตใจของเธออ่อนแอจนไม่รับรู้แล้วว่าสถานการณ์ตรงหน้าคืออะไร
“แต่กุ๊กทำไม่ได้...” เธอโกรธนายก็จริง แต่ถ้าจะให้เธอฆ่าคนเธอคงทำไม่ได้
“รู้หรือเปล่าว่าถ้ามันชนะแข่งรถเธอจะโดนรุมโทรมมากกว่าสิบคน แล้วก็จะถูกถ่ายคลิปลงประจานบนอินเทอร์เน็ต เธอจะต้องอับอาย หมดอนาคต ถูกสังคมตราหน้า และอีกมากมายที่จะตามมา” ออสตินบอกเสียงเรียบแต่นัยน์ตาคมเข้มกลับฉายชัดถึงความหนักแน่นราวกับตั้งใจเตือนสติของเธอ
“ฉัน...ฉัน...” หญิงสาวตัวสั่น หวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาว่ามันน่ากลัวและน่าขยะแขยงมากแค่ใหน
ใช่...ชีวิตของเธอพังทลายเพราะคนเลวคนเดียว!
“ชีวิตบางคนมันก็ไม่ได้มีค่าขนาดนั้นหรอกนะ คิดซะว่ากำจัดมันทิ้งไปจากสมองก็ได้ เธอจะไม่มีวันได้เห็นมันอีก และเรื่องเลว ๆ ที่มันทำก็จะตายไปพร้อมกับร่างไร้ลมหายใจของมัน”
“ฉัน...”
“กับคนเลว ๆ แบบนี้อย่าใช้เวลาคิดนาน มันปวดสมองเปล่า ๆ”
กุ๊กสูดลมหายใจและหลับตาแน่นเมื่อถ้อยคำมากมายประเดประดังขับกล่อมมายังกล่องความคิด
จากคนขี้ขลาดหวาดกลัวกลับกลายเป็นแข็งกร้าวเด็ดขาด ดวงตาที่เคยสั่นพร่ากลับมาเรียบนิ่งเหี้ยมเกรียมได้เพียงเสี้ยววินาทีเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้นที่เหมือนเป็นกันปลุกตื่นด้านมืดในใจของตัวเอง
หญิงสาวกดมองไปยังอดีตคนรักที่เธอนิยามให้เขาเป็นแฟนคนแรกและรักแรกของเธอ หากแต่ตอนนี้เขากำลังจะเป็นคนที่เธอจะตัดสินชีวิตว่าควรไปต่อหรือว่าจบสิ้นลงเพียงเท่านี้
ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเธอ...
“ฉันไม่อยากให้มันตาย” เสียงเล็กกดต่ำเปล่งออกมาไร้ความสั่นคลอนอย่างที่เคยเป็น
มุมปากของตนุธิปหยัดขึ้นน้อย ๆ รับรู้ว่าเธอจะพูดอะไรต่อจากนี้จึงได้แต่กอดอกรอคอยให้เธอเอื้อนเอ่ยมันออกมา
“ฉันไม่อยากให้มันตาย...ฉันอยากให้มันอยู่อย่างทรมานที่สุด ทรมานยิ่งกว่าที่ฉันต้องเจอ!”
เก่งนี่หว่า...ตนุธิปแค่นหัวเราะเบา ๆ นึกสะใจกับคำตอบของเธออยู่ไม่น้อย
ขอมาแบบนี้ก็จัดให้อยู่แล้วคนสวย!
“จะจัดการไงอะเฮีย อย่าลืมนะกุ๊กบอกว่าให้มันทรมานที่สุด” เวย์คินถามทั้งที่ยังหัวเราะสะใจ
“ก็ให้ลูกน้องกูซ้อมมือซ้อมตีนไปก่อน แล้วก็ยิงเล็งปืนเล่น ๆ ไม่ให้โดนจุดสำคัญ ให้มันพิการช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ แบบนี้ทรมานพอไหมครับเพื่อนรักน้องมิลล่า”
“มึงข้ามขั้นตอนแรกไปได้ยังไง ก่อนจะเอามันไปซ้อมมึงต้องอย่าลืมขั้นแรกด้วยดิวะ” ตนุธิปเอ่ยและเดินเข้าไปใช้เท้าเขี่ยที่ใบหน้าของนายเพื่อให้ฟื้นคืนสติ
“อะไรวะ” ออสตินทำหน้าสงสัย
และมันไม่ใช่แค่ออสตินเท่านั้น ทุกชีวิตที่อยู่ใต้หลังคาโกดังต่างรอฟังคำตอบว่าขั้นตอนแรกที่พูดถึงนั้นคืออะไร
มิลล่าและกุ๊กหันมองหน้ากัน ฉายชัดถึงความแปลกใจแต่ก็มีความหวั่นกลัวลึก ๆ ว่ามันคงเป็นวิธีที่โหดเหี้ยมเอามาก ๆ
และมันก็ใช่...
“ให้ขี้ยาแถวนี้รุมโทรมมันคืนบ้างสิวะ มันทำกับผู้หญิงมาตั้งหลายคน ให้มันได้สัมผัสความรู้สึกฟินก่อนค่อยทรมานทีหลัง”
ความรู้สึก ‘ฟิน’ ที่ตนุธิปเอ่ยทำเอาหญิงสาวสองคนถึงกับตัวสั่นลอบกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก
คราวนี้รู้ซึ้งแล้วว่าพวกเธอจะไม่หาเรื่องหรือมีปัญหากับพวกผู้ชายกลุ่มนี้แน่นอนถ้ายังรักตัวกลัวตาย!
“กู๊ดไอเดียมากเพื่อนรัก จับมันขึ้นมา!” ออสตินยกนิ้วโป้งชื่นชมความคิดของเพื่อน จากนั้นเขาก็สั่งการกับลูกน้องให้หิ้วปลีกร่างของนายที่ตอนนี้กำลังมึนเบลอไร้เรี่ยวแรง
ตนุธิปหัวเราะกังวาน ทั้งสะใจและพอใจไปพร้อมกัน เขาหลุดเข้าไปในห้วงภวังค์ความโกรธอยู่ชั่วครู่ มัวแต่คิดหาวิธีจัดการให้นายทรมานอย่างถึงที่สุด กระทั่งรู้ตัวเมื่อสายตาเห็นว่าหญิงสาวกำลังถูกเพื่อนสนิทจับจูงให้เดินออกไปด้านนอกด้วยอ้อมกอด
ใบหน้าหล่อเหลาหันมองร่างเล็กที่ถูกนำพาออกไป ก่อนจะตะโกนถามความในใจที่อยากพูดออกมาเสียตั้งแต่ตอนแรกแต่ไม่มีโอกาส
“มีรางวัลให้เปล่าอะ” เสียงเข้มเอ่ยถามและทอดสายตามองไปยังหญิงสาวที่หันมองเขาด้วยความแปลกใจ
ทั้งลงแข่งรถ ทั้งจัดการคนเลว คนอย่างเขาควรได้รับรางวัลตอบแทนไม่ใช่หรอกหรือ?
“ปล่อยให้เด็กมันโตเถอะเฮีย อย่ายุ่งเลย” เวย์คินหัวเราะจนอกกระเพื่อม จากนั้นก็ส่ายหน้าระอาเพราะไม่คิดว่าคนอย่างตนุธิปจะต้องมาร้องขอรางวัลจากใคร
“ก็โตแล้วนี่ เดี๋ยวไปทวงถึงที่เลยแล้วกัน พอดีไม่ชอบทำอะไรให้ใครฟรี ๆ”
ปล่อยเด็กมันโต?
เหอะ...ก็โตแล้วนี่หว่า
คำถามนั้นไม่ได้รับคำตอบกลับมา หญิงสาวเดินออกไปข้างนอกแถมยังหลบสายตาที่เขามองไปยังเธออีก
มุมปากหยัดโค้งน้อย ๆ ก่อนจะบ่นพึมพำออกมาเบา ๆ
“แล้วเจอกัน”
จะไปทวงรางวัลด้วยตัวเองถึงที่เลยน้องกุ๊ก!