มินรญา

1360 คำ
ร่างบางขยับอย่างเกียจคร้าน เมื่อแสงแดดเริ่มส่องแยงตา บ่งบอกว่าเวลานี้สายมากแล้ว นอกจากร่างนั้นจะไม่ลุกแล้ว ยังพยายามขยับตัวหันหน้าหนีพร้อมกับควานหาผ้าห่มผืนหนา มาคลุมหน้าเพื่อหลบแสง  เสียงประตูเปิดเบา ๆ ไม่นานมือน้อย ๆ และเสียงเล็ก ๆ ก็เริ่มก่อกวน คนที่กำลังนอนต่ออย่างสบายใจ             "มิม มิม หม่ำ หม่ำ” ร่างกลมป้อม ใบหน้าจิ้มลิ้ม กำลังพยายามตะเกียกตะกายขึ้นเตียงอย่างทุลักทุเล ปากน้อย ๆ พยายามเรียกชื่อของคนที่นอนนิ่ง มือน้อยเขย่าแขนเรียวไปมา             "มิม มิม จ๋า หม่ำ หม่ำ” เด็กน้อยแก้มแดง ยังคงเรียกไม่หยุดปาก ร่างบางที่ม้วนอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนา เริ่มปรือตาอมยิ้ม อย่างนึกเอ็นดู มือเรียวค่อย ๆ แง้มผ้าห่ม โผล่หน้าออกมาดู             "จ๊ะเอ๋" ใบหน้าสวยใต้ผ้าห่มมองมาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เธอหยอกล้อเด็กน้อยให้ตกใจ ร่างกลมป้อมโถมเข้าใส่ทันทีที่เห็นหน้าคนใต้ผ้าห่มชัด ๆ ทำให้ร่างบางล้มหงายลงบนที่นอน เพราะไม่ทันตั้งตัว             "เรียกชื่อมีนให้ชัดก่อน แล้วจะให้กิน"             "มิม หิว หม่ำ หม่ำ"             "หิวอีกแล้ว โอ้โฮ กินจุไปแล้วนะ ดูสิตัวอ้วนกลมเลย” มือเรียวจิ้มไปตามพุงกลม ๆ อย่างนึกมันเขี้ยว จมูกสวยพรมจูบไปตามแก้มยุ้ยและปากจิ้มลิ้ม ร่างกลมป้อมในอ้อมแขนหัวเราะคิก มือน้อย ๆ ดึงรั้งชายเสื้อนอนตัวสวยของคนร่างบางให้พ้นทาง พร้อมกับฝังใบหน้าเข้าหาอกอวบ เมื่อชายเสื้อนอนเลิกขึ้นเป็นอันเปิดทางสะดวกให้ปากจิ้มลิ้มปล้ำดูดเต้าสวย เพื่อดื่มกินน้ำนมจากอกมินรญานอนตะแคงข้าง เพื่อให้ร่างในอ้อมแขนนอนสบายมากขึ้น มือบางตบไปตามแผ่นหลังและก้นเล็กเบา ๆ จมูกโด่งสวยพรมจูบไปตามหน้าผากกลมมน แล้วฝังค้างไว้ที่ศีรษะทุยแบบแสนรัก สามปีแล้วสินะถ้ารวมกับเวลาที่เธอตั้งท้องสาวน้อยคนนี้ด้วย เธอไม่นึกเสียใจเลยที่ให้เขาเกิดมา ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็จะทำแบบนี้ เธอก็ยังเลือกที่จะมีเขา  เมื่อนึกมาถึงตรงนี้น้ำตาก็พานจะไหลออกมา ดวงตากลมโตกะพริบตาถี่ ๆ เพื่อไล่น้ำตา เมื่อได้ยินเสียงประตูถูกเปิดเข้ามา             "หาจนทั่วบ้านมาแอบอยู่นี่เอง” ร่างอ้วนท้วนที่เดินเข้ามาพูดทันทีที่เห็นร่างกลมป้อมนอนกินนมอย่างสบายใจ             "มีน แม่ว่า ให้มดยิ้ม เลิกกินนมได้แล้ว"             "ก็พยายามอยู่ค่ะ แต่แม่ก็เห็นนี่คะ” มินรญาเอ่ยเสียงเบา เมื่อมองดวงตากลมโตของลูกน้อย             "ใจแข็งหน่อย เดี๋ยวก็ชิน มดยิ้มจะสองขวบอยู่แล้วนะ" คนเป็นแม่ยังคงพูด             "สงสารค่ะแม่ ขอเวลาอีกนิดนะคะ” มินรญายังคงอ้อนวอน เพราะเธอสงสารลูกน้อย              "ตอนอยู่กับแม่ก็กินกล่องได้นี่ มีนนั่นแหละทำลูกเสียคน"             มินรญาได้แต่กลอกตามองบน เรื่องนี้เธอและแม่คุยกันมาแล้วหลายครั้งแล้ว แม่อยากให้เธอเลิกให้นมลูก เพราะมดยิ้มโตแล้ว แต่เมื่อมีโอกาสเธอก็ยังให้ลูกกินนมเสม             "ขออีกสักพักนะคะแม่ มีนสงสารลูก” มินรญาบอกเมื่อก้มมองใบหน้าจิ้มลิ้มของลูก              "แล้วแต่ ลูกมีนนี่” สุดท้ายแม่ก็แพ้เธอเสมอ             "อิ่มหรือยังล่ะ เดี๋ยวคุณตาจะไปทำงานแล้ว มาอาบน้ำไปส่งคุณตากันเร็ว"             "เดี๋ยวมีนทำเองค่ะแม่ วันนี้มีนหยุด" มินรญาบอก สายตาจับจ้องไปยังร่างน้อยในอ้อมแขน มองใบหน้าเล็ก ๆ ที่ตอนนี้ตาเริ่มปรือเหมือนจะเคลิ้มหลับอีกครั้งมือเรียวลูบไล้ไปตามใบหน้าจิ้มลิ้มอย่างรักใคร่ เขี่ยแก้มยุ้ย ๆ กระตุ้นให้ลูกน้อยเร่งดูดให้อิ่มก่อนหลับ มินรญามองหน้าของลูกน้อย ไล่ไปตามหน้าผากเล็ก ๆ ที่มีช่วงคิ้วและจมูกโด่งที่ถอดแบบมาจากใครบางคน คนที่เธอเฝ้าคิดถึงตลอดเวลา             "เต้ย” ริมฝีปากอิ่มเอ่ยชื่อคนที่อยู่ในห้วงความคิดถึงแสนเบา         Mean Talk. "ไก่ย่างถูกเผา เจ้าจะโดนไม้เสียบ เสียบตูดซ้าย เสียบตูดขวา ร้อนจริง ๆ ร้อนจริง ๆ”           "ปรี๊ดดดด!!!” เสียงนกหวีดดังลั่น           "เฮ้ย! น้อง ๆ น้องคนนั้นน่ะ! ตั้งใจเต้นหน่อยสิ ไม่เห็นเหรอว่าเพื่อน ๆ เขาต้องทนลำบากเพราะนายคนเดียวนะ!” เสียงรุ่นพี่ตะโกนลั่น แล้วทุกคนก็หันหน้าไปตามปลายนิ้วชี้ของรุ่นพี่คนนั้น สายตาทุกคนปะทะเข้ากับร่างสูง ที่ยืนแบบซังกะตายอยู่ท้ายแถว  นั่นไงฉันว่าแล้ว            "ไอ้เต้ย” ฉันพึมพำเรียกชื่อมันเบา ๆ หันไปมองใบหน้าหล่อเหลาที่ตอนนี้มีเหงื่อไหลย้อยมาตามหน้าผากและไรผม หน้าเต้ยตอนนี้แดงแปร๊ด มันคงร้อนมากเพราะเวลานี้มันเพิ่งจะบ่ายโมง เวลาดีที่รุ่นพี่เรียกว่าฤกษ์มงคล สำหรับรับน้องใหม่อย่างพวกเรา ไม่บอกก็รู้ว่าไอ้ลูกคุณหนูนั่นมันร้อนแค่ไหน ฉันนึกสะใจ           "ออกมานี่เลย ๆ มาหน้าแถวเลยครับ!” พี่ว้ากคนหนึ่งตะโกนเรียกแล้วสั่งให้เต้ยออกไปหน้าแถว หน้าไอ้เต้ยนิ่งมาก จนฉันนึกเสียวสันหลัง มันเดินออกไปด้วยท่าทางแบบไม่สนโลก เรียกเสียงวิจารณ์จ้อกแจ้กจอแจได้ระดับหนึ่ง ก็มันหล่อ ฉันเข้าใจ           "ชื่อจริง ชื่อเล่น นามสกุล อยู่คณะไหนรายงานตัวเลยครับ ปฏิบัติ!” รุ่นพี่สั่งเหมือนเต้ยเป็นทหารเกณฑ์ ฉันยังยืนมองมันนิ่ง ไอ้เต้ยก็ยังนิ่ง            "ภพธร รุ่งเจริญ เต้ย วิศวกรรมศาสตร์ ครับ!" ง่าย ๆ สั้น ๆ ตามแบบฉบับของมัน           "หล่อซิกซ์แพ็กดี มีชาติตระกูลแบบนี้ มีแฟนยังจ๊ะ” พี่ว้ากที่เป็นสาวประเภทสองเริ่มเปิดหัวขบวนก่อนใคร สาว ๆ เริ่มโห่ร้องตาม เต้ยไม่ตอบตามเคย สายตามันมองมาที่ฉันแว็บ ๆ เอ่อนะไม่บอกใครหรอกว่ามึงกำลังคบใครอยู่ ฉันคิดในใจ เต้ยมันคงร้อนตัว ชิ           "เอ้า! ตอบสิคะ! รุ่นพี่ถามก็ต้องตอบ"           "ยังไม่มีครับ" คำตอบของเต้ยเรียกเสียงโห่ฮิ้วได้อีกรอบ           "หล่อ ๆ แบบนี้ชอบกันใช่ไหม!” พี่ว้ากตะโกน เมื่อพวกสาว ๆ ในแถวส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด นั่นไง คงจะไปขัดขารุ่นพี่เข้าแล้ว ก็บอกแล้วว่าอย่าทำตัวหล่อเกินหน้าเกินตาใคร           "ชอบกันมากใช่ไหมครับ!" เงียบเมื่อรุ่นพี่ถามซ้ำ           "ถอดเสื้อออกครับน้อง!” พี่ว้ากคนเดิมสั่งอีกครั้ง ฉันตกตะลึงมองหน้าเต้ยแบบตกใจ สาว ๆ เริ่มกรี๊ดกันอีกรอบ           "เร็ว ๆ!" สิ้นเสียงคำสั่งที่เด็ดขาด ร่างสูงของเต้ยก็ปลดกระดุมเสื้อนิสิตออก เริ่มจากเม็ดบนก่อน ฉันจ้องจนตาค้าง ลุ้นไปกับมัน กระดุมหลุดออกจากรังดุมไปทีละเม็ด เต้ยดึงชายเสื้อออกจากกางเกงสแลกส์ แล้วถอดออกตามคำสั่ง โอ้แม่เจ้า! ฉันอุทานเบา ๆ ใช่ว่าฉันจะไม่เคยเห็นมันถอดเสื้อ ฉันนะเห็นมันออกบ่อย เพราะมันเป็นนักกีฬาโรงเรียน เต้ยมักจะถอดเสื้อตอนซ้อมบอลเสมอ ฉันกลืนน้ำลายเหนียว ๆ ลงคอ เมื่อมองไปที่หน้าหล่อเหลา ไล่ไปตามช่วงบ่ากว้าง ช่วงอกแกร่งที่มีกล้ามเป็นมัด ๆ หน้าท้องแน่นเป็นลอน ๆ นั่น ผิวผู้ชายจำเป็นต้องดีขนาดนี้เปล่าวะ ขาวและแน่นมาก ฉันคิดแบบนั้น ขนาดฉันเป็นเพื่อนมันยังแอบเคลิ้ม สาว ๆ คนอื่นนี่ไม่ต้องสงสัยเลย โดยเฉพาะพี่สาวประเภทสองกลุ่มนั้นที่มองกันตาปรอยจนน้ำลายแทบหยด ถ้าเข้าไปลูบไล้ได้ ฉันคิดว่าพวกเขาคงทำ แต่อย่านะ อย่าได้คิดไปใกล้ไอ้เต้ยเชียวนะ เดี๋ยวจะหาว่า มีน ไม่เตือน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม