[Who? (ใคร)] เขาว่าพลางชี้ๆ ไปที่ไอ้นุ่นที่นั่งอยู่ด้านหลังเพื่อแอบสอดส่องพวกเรา แน่นอนว่าไอ้เปาหลบฉากมาอยู่ด้านหน้าฉันแทน เนื่องจากห้องมันแคบมาก จึงไม่ได้มีที่ให้หลบสักเท่าไหร่
“My Friend (เพื่อนฉัน)”
[oh Thai? (คนไทย?)]
“Of cause (แน่นอน)” ฉันพยักหน้ารับก่อนจะมองหน้าอีหมาวอกของเขาแล้วเอานิ้วจิ้มๆ เพื่อให้เขารู้ว่าฉันหมายถึงอะไร
เออ เหนื่อยมาก ไปเรียนภาษามือมาน่าจะคุยง่ายกว่าซะละมั้งเนี่ย
“what’s ur dog name? (หมาเธอชื่ออะไร?)”
“*?(เขา?)” ตาจีนนั่นชี้ไปที่เจ้าหมาหน้าวอก ฉันพยักหน้ารับ ก่อนจะนึกคำศัพท์ภาษาจีนง่ายๆ ที่นึกออก เพื่อสื่อให้เขารู้ว่าฉันอยากจะถามอะไร
“******(ชื่อ ชื่อ)” ฉันพูดได้แค่เป็นคำๆ แล้วชี้ไปที่หมา อีเปามองหน้าฉันแล้วกลั้นขำ ก่อนที่ไอ้นุ่นจะโพล่งขึ้นมาด้วยความสงสาร
“พวกมึงดูมีความพยายามอ่ะ กูเวททท”
เวทของมันย่อมาจาก เวทนา มันขำคิกคักจนคนตัวสูงในสายย่นคิ้วอยากรู้อยากเห็น
[*******(พวกคุณพูดอะไรกันน่ะ)]
ฉันไม่แน่ใจว่าฉันเข้าใจตรงกับที่เขาสื่อรึเปล่า แต่เดาเอาจากหน้าและท่าทาง เขาคงจะสงสัยว่าพวกเรากำลังนินทาเขาอยู่รึเปล่า ฉันไหวไหล่แล้วยิ้มก่อนจะชี้ไปที่อีหมาหน้าวอกนั่นอีกรอบ
“******(ชื่อ ชื่อ)”
[**? ********? (อะไร? เธอหมายถึงชื่อมันเหรอ?)]
เขาตอบกลับเป็นภาษาจีนแล้วชี้ไปที่หมา
“พวกมึงคุยกันรู้เรื่องอ๋อวะ” ไอ้นุ่นขำ ที่ฉันเงียบไปเพราะไม่แน่ใจในสิ่งที่ตานี่สื่อ คือเขาก็รู้ว่าฉันเป็นคนไทยไง ไม่ว่าจะพูดกับเขาเป็นภาษาอังกฤษหรือภาษาอะไร ผู้ชายคนนี้ก็จะตอบกลับเป็นภาษาจีนตลอด
“ Yes” ฉันตอบใช่ไว้ก่อน ทั้งที่ไม่รู้ว่าตอนนี้สื่อสารตรงกันไหม คนปลายสายยิ้มหล่อก่อนจะหัวเราะกวนตีน จริงๆ ฉันก็ไม่เข้าใจภาษาจีนหรอกนะ พอจะรู้แค่คำง่ายๆ บางคำ แต่คนเราน่ะสามารถเข้าใจภาษาอื่นได้โดยการเดาจากท่าทาง เวลาการพูด และอีตานี่ก็ดันทำหน้ากวนตีนพร้อมตอบฉันกลับมา ฉันเลยค่อนข้างมั่นใจ
“*****(เรียกมันว่าจิงจิง)”
“!!!!” ฉันถลึงตาใส่คนปลายสายพร้อมทำท่าคาดโทษ นอกจากมันจะไม่สำนึกแล้ว มันยังขำคิกคักด้วยความสะใจอีกต่างหาก “Bad guy (คนไม่ดี)”
[*****( จิงจิง ขอมือหน่อย)] ไม่พูดเปล่าเขาเรียกชื่อฉันพร้อมกับแบมือ ก่อนที่อีหมาหน้าวอกจะวางมือมันบนมือเขาอย่างรู้งาน
แหม กวนส้นตีนทั้งเจ้าของ ทั้งหมาเลยนะ!! รับส่งกันโบ๊ะบ๊ะเชียว!
“Bye…”
[****? (รักฉันหรือไม่รัก)]
“What?” ฉันย่นคิ้วงง คือพอจะฟังออกคำนึง แต่ไม่แน่ใจนัก
[Do u love me? (คุณรักฉันไหม)]
โอ้โห พ่อ เพิ่งรู้จัก เรียกว่ารักเลยเหรอ ฉันหัวเราะเมื่อเขายิ้มหวานเหมือนคาดหวังกับคำตอบ ถามว่าชอบไหม ตอนนี้ที่ชอบเขามีอย่างเดียวคือหน้าตา กับความวอแว...
“I love… (ฉันรัก...)” ฉันเว้นจังหวะไปนิดนึงแล้วชี้ไปที่หมาหน้าวอก “Ur dog (หมาเธอ)”
[I love u too! (ฉันก็รักเธอเหมือนกัน!)] เขาหัวเราะร่าแล้วทำหน้าสดใส ประหนึ่งเข้าใจว่าการชี้มือไปที่หมาของฉันมันไม่ได้ผล ไม่ได้ลดความหลงตัวเองของตานี่ลง แถมดูจากท่าทางสุดจะแฮปปี้ของเขาแล้ว เขาคิดว่าฉันบอกรักเขาแน่ๆ
โว้ยยยย! ไม่เคยสื่อสารอะไรได้ตรงกันเลย เอาเถอะ ฉันคาดหวังกับอะไรวะ ตานี่พูดอังกฤษได้งูๆ ปลาๆ แถมภาษาจีนฉันก็ต่ำเตี้ยเรี่ยดิน เรียกว่าไม่เคยมีอยู่เลยจะดีกว่า
[*************(ฉันมีธุระ พรุ่งนี้คุยกัน จุ๊บๆ)]
เขาพูดอะไรก็ไม่รู้แล้วยื่นหน้ามาจุ๊บที่จอมือถือสองสามที ก่อนจะโบกมือบ๊ายบายแล้วตัดสายไป ฉันยังคงงงๆ ว่าตกลงที่พวกเราคุยกันเป็นสิบนาทีนี่ คุยอะไรกันวะ...
พอทุกอย่างสงบลง อีนุ่นก็ขยับเข้ามาหาฉัน ไอ้เปาก็เดินมานั่งบนเตียงหลังจากที่มันหลบฉากไปนั่งที่พื้นเล่นเกมอยู่พักนึง พวกมันสองคนหันมามองหน้าฉันนิดหน่อย
“มึงเข้าใจภาษาจีนเหรอจิ้ง” ไอ้เปาถาม คงเพราะมันเห็นฉันตามน้ำอยู่เป็นชาติ และแน่นอนว่า...
“ไม่เข้าใจสักนิด” ฉันส่ายหัว
“เอ้า ไอ้ห่า คุยอยู่ตั้งนมนาม เดี่ยวจีน เดี๋ยวอิ้ง กูก็นึกว่ามึงรู้เรื่อง” ไอ้เปาหัวเราะ
“รู้ดิ กูรู้” ฉันทำหน้าจริงจัง ไอ้นุ่นเลยหันขวับ
“มึงรู้ภาษาจีน?”
“เปล่า กูรู้ว่าเขาหล่อ กูก็เลยคุยด้วย ภาษาอะไรมันไม่สำคัญ ถ้าใจสื่อถึงกัน มันก็ไปกันได้” ฉันขยิบตาให้เพื่อนก่อนจะเดาะลิ้นกวนตีนก่อนที่มันจะวี๊ดว้ายแล้วเบ้ปากหมั่นไส้
“จ้า แล้วถ้าเจอกับมัน มึงจะสื่อสารกันไงวะ” ไอ้เปาเอ่ยถามแล้วก็นอนเล่นเกมต่อ เอาตรงๆ ฉันก็ยังไม่ได้คิดถึงว่าจะได้เจอกันไหม แต่คุยฆ่าเวลาก็สนุกอยู่
“พูดไม่เข้าใจ เราก็ใช้ภาษากายไงมึง” ฉันพูดทีจริงทีเล่นแล้วหัวเราะทำหน้าหื่นๆ ก่อนที่อีนุ่นจะจิ๊ปากแล้วตีแขนฉันสองทีด้วยท่าทางเขิน ไอ้เปาเลื่อนสายตาจากมือถือมันแล้วเบ้หน้า
“ใจกากอย่าปากเก่ง มันต้องอยากซั่มมึงแน่ มึงเชื่อกู!”
“โห่ เปา ไม่ใช่แค่เค้าหรอกที่คิด กูก็อยากได้เค้าเหมือนกันมึง ถ้าเปิดมา กูก็ตามนะ”
[3]
55555555555555555
จิ้ง เธอเป็นตัวแทนของชะนีใจกล้าไปเลย
อยากได้ก็บอกว่าอยากได้ ไม่ลีลาจ้าแม่
แบบนี้ไม่ต้องขอผัวแล้ว ขอเขาเลยก็ได้5555
ฝากติดแฮชแท็ก #จิ้งทัวร์ขอผัว