ตอนที่ 4 เสนอตัว (1)

1402 คำ
‘ถ้าคิดจะหาเด็กเอ็นท์จริง ๆ ไปที่บาร์โฮสต์นี้สิ รู้สึกว่าจะมีการรับงานนอกร้านด้วยนะ เดี๋ยวฉันให้ยืมบัตร VVIP’ คำพูดของนารายังก้องอยู่ในหัว เมธาวีก้มหน้ามองบัตรสมาชิกทองคำขาวด้วยความลังเล จริงอยู่ที่ความคิดนี้มันไร้สาระมากเกินไป ทำไมเธอต้องลงทุนจ้างผู้ชายมาปลอมตัวเป็นคนรักด้วย แค่พูดออกไปตรง ๆ ว่าไม่แต่งงานก็จบแล้ว แต่จินตนาการถึงสีหน้าดูถูกของนิพนธ์และบรรดาญาติ ๆ ทั้งหลายแล้ว ก็เกิดความทะนงในศักดิ์ศรีขึ้นมาทันที ลำพังเกิดมาเป็นลูกสาวก็ถูกนินทาว่าเหมือนเป็นส้วมหน้าบ้าน ตลอดเวลาที่ต้องอยู่บ้านหลังนั้น โดนกดขี่ข่มเหงไม่ต่างจากทาสรับใช้ เป็นความทรงจำที่เธอไม่มีวันลืม “ปลอมก็ช่างสิ” ใช่ ตัวปลอมก็ช่าง ขอแค่ไม่โดนดูถูกอีกต่อไปก็พอแล้ว เมธาวีคิดได้เช่นนั้นก็ลุกขึ้นแต่งตัว หญิงสาวมองภาพสะท้อนของตัวเองในกระจกอย่างภูมิใจ ความสวยความสาวนี้ แม่ของเธอมอบให้ทั้งนั้น ทั้งที่เธอสวยและมีร่างกายเย้ายวนใจขนาดนี้ ลูกค้าที่เธอติดต่องานด้วยก็อยากจะติดต่อเป็นการส่วนตัวด้วยทั้งนั้น เธอเป็นพวกซื่อสัตย์กับคนของตัวเอง จึงไม่ได้ตอบรับคำเชิญจากใคร แต่ไอ้ชั่วนั้นก็ยังนอกใจได้ มันผิดพลาดที่ตรงไหนกัน หลังจากแต่งหน้าเสร็จแล้ว เมธาวีก็เลือกสวมเดรสสั้นสีชมพูหวานขับผิวขาวให้ดูโดดเด่นมากขึ้น ดวงตากลมโตมองเต้าอวบทั้งสองที่เบียดกันจนล้นทะลักก็คิดว่ามันเปิดเผยเกินไป จึงหยิบสูทสีขาวมาสวมทับ ก่อนจะมัดผมเป็นหางม้าเป็นอันเสร็จสิ้น หญิงสาวมองกระจกอย่างหมายมาด พลางคิดว่า วันนี้ยังไงเธอต้องหาคนมารับบทแฟนหนุ่มให้ได้! เมธาวีขับรถมาจนถึงร้านบาร์โฮสต์ที่เพื่อนสนิทแนะนำ เมื่อเห็นลูกค้าสาวสวยเดินเข้าไปไม่ขาดสาย ก็เกิดอาการประหม่า ถึงเธอจะมั่นใจในความสวยของตัวเอง แต่กับคลับบริการความสุขแบบนี้ เธอไม่เคยย่างกรายเข้าไปเลยสักครั้ง ไม่รู้ว่าต้องวางตัวยังไง ถึงเธอจะเป็นนักขายอันดับหนึ่งของบริษัท แต่ก็ใช่ว่าจะดีลงานได้ทุกรูปแบบสักหน่อย กลับดีไหมวะ อยู่ ๆ ความคิดหนึ่งก็เข้ามาในหัว มันเป็นความสับสนที่เกิดขึ้นตลอดทางระหว่างขับรถออกจากคอนโดมาถึงที่นี่ ว่าเธอควรจะยอมแพ้แล้วยอมรับคำดูถูกถากถาง หรือจะดันทุรังเพื่อรักษาหน้าของตัวเอง เวรกรรมตามสนองแล้วสิ เมื่อก่อนเธอเคยต่อว่าความเผด็จการของนิพนธ์ไว้เยอะ ว่าเป็นพวกยอมหักไม่ยอมงอบ้างล่ะ ศักดิ์ศรีสำคัญกว่าลูกบ้างล่ะ แต่เธอในตอนนี้ก็ไม่ได้ต่างจากเขาเท่าไหร่เลย เมธาวีเหลือบมองชายหนุ่มที่ยืนรับแขกอยู่หน้าร้านด้วยความขมขื่น ก่อนตัดสินใจได้ว่า เมื่อตั้งใจจะทำแล้ว ก็ทำให้สุดไปเลยเถอะ จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียดายทีหลัง เอาก็เอาวะ! หญิงสาวหยิบกระจกขึ้นมาส่องเพื่อสำรวจความพร้อม วันนี้เธอต้องใช้ทั้งหน้าตาและร่างกายเป็นอาวุธ ลากผู้ชายสักคนกลับห้องด้วยกันให้ได้ แล้วค่อยยื่นเงื่อนไขจ้างงานกับเขา แต่เธอไม่คิดว่าคนที่ทำเงินได้คืนละหลายหมื่น จะยอมรับงานของเธอง่าย ๆ โดยเฉพาะพวกตัวทอป คงไม่เลือกรับงานของเธอ ดังนั้นเธอคงต้องเลือกชายหนุ่มที่ไม่ค่อยเป็นที่นิยมสักเท่าไหร่ เมื่อเตรียมใจพร้อมแล้วจึงเดินลงจากรถ แล้วค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในคลับ เมื่อเจ้าหน้าที่ต้อนรับเห็นลูกค้าคนสวยก็เข้ามาต้อนรับพร้อมรอยยิ้มอย่างยินดี “ยินดีต้อนรับคุณผู้หญิงครับ ไม่ทราบว่าได้จองไว้หรือเปล่าครับ” เมธาวียื่นบัตรสมาชิกระดับ VVIP ให้อีกฝ่าย เมื่อคนตรงหน้าเห็นบัตรสมาชิกก็ตาโต ต้อนรับด้วยความกระตือรือร้นขึ้นเป็นเท่าตัว “เชิญคุณผู้หญิงเลยครับ ผมจะนำทางไปที่ห้องพิเศษเองครับ” เมธาวีพยักหน้าแล้วเดินตามไปอย่างกระอักกระอ่วน ห้องพิเศษก็มีความหมายตามนั้น เป็นห้องที่จัดไว้เพื่อแขกพิเศษ ถึงมีบริการแบบพิเศษที่ผิดกฎหมาย ก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาวุ่นวาย แต่จุดประสงค์ของเมธาวีไม่ได้มาเพื่อการนั้น เธอมาเพื่อจ้างงานต่างหาก “ถึงแล้วครับคุณผู้หญิง รอในห้องสักครู่ ผมจะเตรียมเด็ก ๆ มาให้เลือก ไม่ทราบว่าคุณผู้หญิงมีความสนใจเป็นพิเศษไหมครับ” พนักงานต้อนรับถามด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เมธาวีรู้ถึงความหมายดี แต่ก็ยอมบอกความต้องการของตัวเองไป “ขออายุระหว่างยี่สิบห้าถึงสามสิบ ไม่ต้องเป็นตัวทอปก็ได้ แค่คุยง่ายก็พอ” พนักงานต้อนรับเลิกคิ้วประหลาดใจเล็กน้อย เพราะแขกพิเศษส่วนใหญ่มักเลือกตัวทอปของคลับกันทั้งนั้น มีปัญหาแต่ตัวทอปเรื่องมากที่ไม่ยอมรับแขก ในเมื่อแขกพิเศษคนนี้มีความต้องการแบบนั้น ก็ทำให้เขาสบายขึ้นมาหน่อย “ได้ครับคุณผู้หญิง รอสักครู่นะครับ” ชายหนุ่มตอบพลางเปิดประตูให้ “อืม” เมธาวีเดินเข้าไปในห้องพิเศษ เมื่อประตูปิดลงก็ถอนหายใจเบา ๆ เธอเกือบแสดงความประหม่าออกมาซะแล้ว หัวใจก็เต้นตึกตักอย่างกับจะหลุดออกมาให้ได้ แต่บัตรสมาชิกของนารานี่ศักดิ์สิทธิ์จริง แค่ถือไว้ก็ได้รับการต้อนรับอย่างกับเจ้าหญิงจริง ๆ ทินกรผู้ทำหน้าที่ต้อนรับแขกเดินกลับออกมาจากโซนแขกพิเศษ ก่อนจะเดินเข้าไปในห้องพักของเหล่าโฮสต์หนุ่มทั้งหลาย แล้วประกาศหาคนตามความต้องการของลูกค้าสาวคนสวย “มีใครสนใจไปรับแขกที่ห้องพิเศษบ้าง คุณผู้หญิงไม่สนตัวทอป อ่า…งั้นตัดบันนี่ กวินกับกระทิงออก คุณผู้หญิงอยากได้คนที่คุยง่าย อายุประมาณยี่สิบห้าถึงสามสิบ” สิ้นเสียงประกาศของทินกรก็มีชายหนุ่มยกมือขึ้นถึงสี่คน “พี่ทิน ลูกค้าสวยมั้ยครับ” ธามไทถามด้วยความอย่างรู้อย่างเห็น ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เข้าข่ายก็ตาม ทินกรผิวปากพลางพยักหน้า “โคตรสวยแบบไม่อวย สวยฉิบหาย ตอนแรกฉันนึกว่าดาราด้วยซ้ำ” “อู้ว- แขกพิเศษหายากซะด้วย ผมไปด้วยได้ไหมอ่ะ” ธามไทเสนอตัวเสียงสดใส แม้จะรู้ว่าการเข้าไปในโซนแขกพิเศษ เขาอาจจะต้องบริการบางอย่างมากขึ้นกว่าเดิม ทินกรส่ายหน้า “คุณผู้หญิงเหมือนจะไม่ชอบเด็กเท่าไหร่” “ผมก็ไม่ได้เด็กขนาดนั้นสักหน่อย” ธามไทกอดอกเชิดหน้าบ่นอุบอิบอย่างขัดใจ ปวริทได้ยินว่ามีแขกก็สนใจ เดินออกมาจากมุมของตัวเอง “พี่ทิน ผมไป” “หา แต่นายไม่รับแขกพิเศษไม่ใช่เรอะ จะไปทำไม ให้คนอื่นเขาได้งานบ้าง” ทินกรขมวดคิ้วด้วยความสงสัย ตั้งแต่ปวริทเข้ามาทำงานในคลับ ก็ไม่ปฏิเสธที่จะรับแขกพิเศษมาตลอด ทำไมวันนี้ถึงได้เปลี่ยนใจ “ก็แค่อยากเปลี่ยนบรรยากาศ” ปวริทกลอกตาเล็กน้อย ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากรับแขกพิเศษ แต่ใกล้จะปิดยอดแล้ว ก่อนลาพักร้อนเขาก็อยากทวงบัลลังก์คืนเท่านั้น ส่วนแขกพิเศษก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีจัดการ ในเมื่อเป็นคุณผู้หญิง ก็แค่ทำให้เมาจนทำอะไรเขาไม่ได้ก็พอ ทินกรถอนหายใจ เขาเองก็เอือมระอากับความเอาแต่ใจของพวกตัวทอปเหมือนกัน แต่จะขัดใจมากก็ไม่ได้ เพราะยังไงคนพวกนี้ก็ทำเงินให้ร้านเป็นอันดับต้น ๆ “ก็ได้ ๆ พวกนายสี่คนกับบันนี่ ตามฉันมาก็แล้วกัน” เมธาวีนั่งรออยู่ในห้องรับแขกก็รู้สึกว่าห้องมืดเกินไป ไฟสลัวพวกนี้คงมีไว้เพื่อทำให้บรรยากาศมันดูเร้าอารมณ์ขึ้น แต่เธอไม่ได้อยากทำกับใครสักหน่อย ร่างอรชรลุกขึ้นเดินสังเกตรอบห้อง ก่อนจะเหลือบไปเห็นสวิตช์ไฟที่มุมมุมหนึ่ง จึงเดินไปกดมันเบา ๆ ครู่เดียวภายในห้องก็สว่างขึ้น
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม