เช้าวันใหม่ ที่สตูดิโอ เมมโมรี่พิกเจอร์
สตูดิโอแห่งนี้คือที่สุดของการสร้างสรรค์ ให้บริการถ่ายภาพและออกแบบรูปภาพทุกชนิดและทุกกิจกรรม ภายใต้แนวคิด
ชีวิตคือความทรงจำ
สตูดิโอแห่งนี้จึงมีเป้าหมายที่จะทำให้ภาพถ่ายทุกภาพเป็นภาพแห่งความทรงจำและเป็นตัวแทนของวันเวลาที่ผ่านพ้นไป
บุคลากรของสตูดิโอ เมมโมรี่พิกเจอร์ เต็มไปด้วยผู้เชี่ยวชาญและมีฝีมือ หนึ่งในนั้นก็คือ จารุณา เทียมสิริน หรือ เจ้จ๋า ของน้องๆ ผู้ซึ่งเป็นพี่ใหญ่สุดในนี้ รับหน้าที่เป็นผู้จัดการทั่วไป คอยดูแลความเรียบร้อยในภาพรวมพร้อมๆ กับดูแลในส่วนของการขายไปด้วย
ซึ่งคนที่เป็นลูกน้องใกล้ชิดและต้องตามติดคอยเป็นลูกมือเธอในการทำงานก็ไม่ใช่ใคร ไอ้เป๊กเด็กเมื่อวานซืนที่เธอเพิ่งจะไล่ตีมันไปเพราะคำพูดไม่เข้าหูเมื่อสัปดาห์ก่อนนั่นแหละ ซึ่งทำหน้าที่ทั้งเลขาและช่างภาพประจำสตูดิโอ
ว่าแต่ตอนนี้จะเก้าโมงอยู่แล้ว โต๊ะทำงานรกๆ ของมันยังไร้เงาเจ้าของอยู่เลย
ที่สตูดิโอแห่งนี้ก็ดีอย่าง เรื่องเวลาการทำงานไม่ได้จำเพาะเจาะจงว่าจะต้องมาตรงเวลา หรือตั้งหน้าตั้งตามาตอกบัตร รับรู้โดยทั่วกันว่าเวลาเข้างานแปดโมงเช้าถึงสี่โมงเย็น หากมีงานเร่งด่วนหรืออีเวนต์ที่ต้องไปจัดการข้างนอกก็ร่วมแรงร่วมใจกัน ค่าล่วงเวลามีให้ไม่จำกัด แถมยังมีค่าเดินทางซึ่งเบิกได้ตามที่ใช้จริง ไม่ต้องควักกระเป๋าเข้าเนื้อคนทำงาน ไหนจะสวัสดิการและเงินเดือนที่อยู่ในอัตราที่เงินเฟ้อเงินฝืดก็ทำอะไรไม่ได้ นั่นทำให้ที่นี่เป็นออฟฟิศในฝันที่ใครต่อใครอยากเข้ามาร่วมงาน
แต่อย่างไรก็ดี ความรับผิดชอบก็ต้องสูงมากด้วย อย่างเช่น ถ้ามีนัดประชุมงานหรือคุยกับลูกค้า ความตรงต่อเวลาและวินัยคือเรื่องที่ต้องใส่ใจที่สุด แล้วไอ้เป๊กก็กำลังทำผิดข้อตกลงนี้ ซึ่งนั่นทำให้ผู้จัดการทั่วไปอย่างจารุณาหงุดหงิด
“นัท นัท” เรียกน้องอีกคนที่ทำหน้าที่ธุรการทั่วไปเสียงดังลั่น พานทำให้คนอื่นๆ ที่กำลังนั่งทำงานบ้าง กินข้าวบ้าง หรือเล่นโทรศัพท์บ้าง ชะงักการทำกิจกรรมของตัวเองไปครู่ แล้วก็แอบมองกันไปมา ส่งสายตาคุยกันยกใหญ่ ประมาณว่า
อีเจ้เป็นไร? อีเจ้เป็นไร?
“ค่า พี่จ๋า”
นัทมนขานรับเสียงหวาน พร้อมกับเดินมาหยุดยืนที่หน้าโต๊ะทำงานของผู้เป็นหัวหน้า
“เป๊กมาหรือยังลูก มาไหมวันนี้”
“เอ่อ...นัท ไม่ทราบค่ะพี่จ๋า”
“เหรอ ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่โทรหามันเอง”
จารุณาตัดบท ก่อนจะโบกไม้โบกมือเป็นเชิงบอกให้อีกฝ่ายไปทำงานต่อได้
เท่าที่ได้ร่วมงานกันมาหลายเดือน แม้จะเพิ่งจบด้านนิเทศศาสตร์มาใหม่ๆ แต่ฝีไม้ลายมือและการทำงานของอุดมศักดิ์เรียกได้ว่า ไฟแรงแซงวัยเก๋า และเขาก็ตั้งอกตั้งใจกับงานถ่ายภาพที่ได้รับมอบหมาย หรือแม้กระทั่งการเป็นเลขาฯ ไปในตัวให้เธอได้อย่างดี
และนั่นทำให้จารุณาไม่คิดจะจู้จี้จุกจิกกับอีกฝ่ายเลย ไม่ว่าจะมาช้า มาสาย หรือหายหัวไปเป็นวัน
แต่มันต้องไม่ใช่วันนี้!!!
วันที่เธอมีนัดกับลูกค้าเพื่อนำเสนอโพรเจกต์พรีเวดดิ้งในช่วงบ่าย และพรีเซนเตชั่นผลงานที่ต้องนำเสนอ ไอ้เป๊กมันยังไม่ได้เอามาให้เธอดูหรือเตรียมตัวเลยสักนิด
เอาเถอะ มันคงนอนดึกและตื่นสาย เธอจะให้มันนอนต่อจนสิบโมงเช้า แล้วค่อยโทรไปจิกก็แล้วกัน
จารุณาสรุปกับตัวเองในใจ ก่อนจะเริ่มทำงานของตัวเองไป พร้อมๆ กับความกังวลลึกๆ ที่มีต่อคนที่ยังไม่มา...
อุดมศักดิ์นอนดิ้นไปดิ้นมาด้วยความรู้สึกอึดอัดและปวดหัวจนแทบจะระเบิด ไม่น่าเลย เขาไม่น่าดื่มหนักขนาดนี้เลย
ต้องโทษคนพาไปนั่นแหละที่คะยั้นคะยอให้เขาดื่มเป็นเพื่อน จะไม่ไปกะมันก็ไม่ได้ เพื่อนรักกำลังเฮิร์ตหนัก มีหรือที่เขาจะสามารถนิ่งดูดาย ถึงช่วยอะไรไม่ได้ อย่างน้อยก็นั่งข้างๆ เป็นกำลังใจให้มัน
แต่ปัญหาคือมันไม่ให้เป็นกำลังใจให้อย่างเดียวนี่สิ ให้ดื่มเป็นเพื่อนด้วย ก็เลยเมาจนแทบจะคลานกลับห้อง
แม้จะรู้สึกตัวจนคิดถึงเรื่องเมื่อคืนและแอบบ่นในใจถึงใครอีกคนได้แล้ว แต่เขาก็ยังไม่คิดจะตื่นตอนนี้ หนังตาที่หนักอึ้งทำให้เขาไม่สามารถลืมตาได้ง่ายนัก จึงได้แต่นอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงเหมือนคนอยู่ไม่สุขก็เท่านั้น
ก่อนจะมุ่นคิ้วเมื่อรับรู้ได้ถึงแรงยุบของที่นอนและความนุ่มนิ่มที่วางทับอยู่บนหน้าผากเหมือนวัดไข้ แล้วเลื่อนลงไปที่ลำคอของเขา โดยไม่ทันต้องถามไถ่ ชายหนุ่มดึงแขนที่เขาสัมผัสได้ถึงความเรียบเนียนของผิวเนื้อ ให้ผู้บุกรุกล้มแหมะลงมาทับอยู่บนอกแกร่งทันทีโดยไม่ต้องลืมตา
ท่ามกลางวงแขนกำยำของตัวเองที่รัดแน่น ร่างนั้นดิ้นไปดิ้นมาและส่งเสียงอืออาราวกับประท้วง แต่เขาไม่สนใจและไม่คิดจะปล่อยให้หลุดมือ
ตอนนี้เขาเมา แฮงก์ ง่วง ไม่มีสติ ถ้าทำอะไรลงไปก็เข้าสุภาษิตที่ว่า อย่าถือคนบ้า อย่าซาคนเมา เพราะฉะนั้นคนในอ้อมแขนคงจะไม่ถือสา
“เนเน่จ๋า...” เสียงคนเมาไม่รู้เรื่องยานคางจนน่าโมโหในความรู้สึกของคนฟัง
“ขอบีบหน่อยน้าาาา”
อุดมศักดิ์ลากเสียงหวานราวคนละเมอ ก่อนจะคว้าหมับไปที่ก้อนเนื้อเด้งๆ ที่เสียดสีอยู่กับอกเขา อา...นุ่มเต็มไม้เต็มมือตามที่เคยจินตนาการเอาไว้เปี๊ยบเลย