ตอนแรกโจวหยางซีตั้งใจกลับบ้าน อันที่จริงเรียกว่าห้องพักถึงจะถูก ครอบครัวเธออยู่ตึกสูงสามชั้นสีเขียว มีพื้นที่แออัดสักหน่อย แต่ยามนี้ คุณนายหลี่ หรือ หลี่ฉู่กำลังสร้างเรื่องอย่างหนัก นั่นเป็นเพราะติดหนี้หลายทางโดยเฉพาะกับแก๊งขวานลำพอง และนั่นเป็นอีกเหตุที่เธอต้องรีบหาเงิน นอกจากนั้นตัวละครนี้ยังมีแรงปรารถนาอันแรงกล้าจะเป็นคุณนายมาเฟียตระกูลกัง อีกฝ่ายคือกังเหริน ภายภาคหน้าคือผู้ทรงอิทธิพลไม่น้อย และยังไม่กินเส้นกับเซียวหวังเหล่ยด้วย
หญิงสาวคุ้นๆ ว่าพวกเขามีรสนิยมชอบผู้หญิงคล้ายๆ กัน นั่นจึงทำให้ มีเหตุการณ์ช่วงกลางเรื่อง ถึงขั้นเกือบมีศึกชิงนางก็ว่าได้ หากน่าเสียดายผู้หญิงที่พวกเขาแย่งไม่ใช่ โจวหยางซี กลับเป็นนางเอกของเรื่อง แต่ตอนนี้ไม่ปรากฏตัว
ครึ่งชั่งโมงต่อมา หลังจากโจวหยางซีมั่นใจว่า เซียวหวังเหล่ยหนีหน้าเธออย่างแน่นอน ร่างทรงเสน่ห์จึงก้าวออกจากห้องสมุด เธอใช้ความคิดอย่างหนักแล้วต้องทำอย่างไรที่จะมัดใจอีกฝ่าย เมื่อเซียวหวังเหล่ยปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย ถึงอย่างนั้น เธอเชื่ออยู่ลึก ๆ ว่าเขาชอบเธอ เป็นเพราะนิยายถูกเขียนไว้อย่างนั้น ตอนนี้สิ่งที่พอจะทำได้คือ คงต้องลองเข้าทางลูกๆ เขา อีกฝ่ายมีลูกสามคน ประกอบด้วย
เซียวก้งเยว่ วัยสิบสี่ย่างสิบห้าปี เป็นเด็กสาวที่เงียบ มีโลกส่วนตัวสูง ภายหน้าเธอได้ใช้ความรู้ในการบริหารกิจการของตระกูลเซียว แต่กว่าจะมีวันนั้น เซียวก้งเยว่ ได้หนีออกจากบ้านอยู่หลายครั้งหลายหน สุดท้ายกว่าจะประคับประคองตนให้เดินถูกทาง น้องๆ ได้โตกันหมดแล้ว
เซียวอู๋ทง ตอนนี้เขาอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หก ร่าเริง กินเก่ง ชอบด้านศิลปะ หากเธอจำไม่ผิด เมื่อเขาโตขึ้น ได้เป็นเทพบุตรหน้าหยกของเมืองไห่ซาน ดังระดับซุปเปอร์สตาร์ทั่วทั้งเอเชียเลยทีเดียว
และสุดเด็กชายหลุนหลุน (เซียวตี้หลุน) เด็กชายที่แสนน่ารัก ที่เมื่อโตขึ้นช่วยงานบิดาอย่างแข็งขัน
สำหรับโจวหยางซี ทั้งในโลกนิยาย และโลกแห่งความจริงได้ลิขิตไว้ ให้หญิงสาวเกลียดเด็ก เอ่อ คำนี้รุนแรงไป เอาเป็นว่าเธอ ไม่ถูกกับเด็ก และสรรพสัตว์เกือบทุกชนิดก็ว่าได้
ซึ่งขณะที่เดินวนไปมาอยู่ที่หน้าห้องสมุด ดวงตากลมโตไปพบกับเซียวก้งเยว่โดยบังเอิญ
ฉากนี้ มีอยู่ในหนังสือ และมันกำลังเดินไปตามเรื่องราวที่บันทึกขึ้นใหม่ ซึ่งเธอจะเปลี่ยนมันให้ไปอีกด้าน แต่เดิมเรื่องที่เคยอ่าน ค่อนข้างร้ายแรง เป็นอดีตที่ไม่ดีสำหรับเซียวก้งเยว่ เนื่องจากเธอ อยู่ผิดที่ผิดทาง จึงขวางหูขวางตาเพื่อนๆ คนอื่น จนถูกกลั่นแกล้ง ความที่เซียวหวังเหล่ยมอบความรักให้ลูกมาก เขาจึงลืมสอนให้เธอรู้จักระวังเด็กแสบ และเด็กที่ขี้อิจฉา
ยามนั้น กลุ่มนักเรียนหญิงราวๆ ห้าหกคน กำลังปั่นจักรยานไล่ตามเซียวก้งเยว่ที่วิ่งด้วยเสื้อผ้ามอมแมม และดูเหมือนจะมีการโยนไข่ โยนเศษอาหาร และปาของสกปรกใส่เด็กหญิงด้วย
“นังเด็กไม่มีแม่ ชอบทำตัวเหมือนมีความสุขเหลือเกิน... คิดว่าสูงส่งกว่าคนอื่นตรงไหน รู้ไหมว่า เสี่ยวเหมยเป็นลูกสาวใคร กล้ามาอวดเบ่ง กับเขาอีกเหรอ”
“พวกฉันถาม แกได้ยินไหม เสี่ยวเหมย เขาดีกว่าแกตั้งเท่าไหร่ อยู่คฤหาสน์หรู ไม่ได้นอนในเล้าหมู หรือมีฟูกเป็นกองฟางเหมือนแก ฮิๆ ๆ”
เด็กสาวพวกนั้น กำลังต่อว่าเซียวก้งเยว่ โดยที่เธอไม่ได้โต้ตอบ เพียงแค่วิ่ง วิ่งไปข้างหน้า เพื่อพาตนเองออกไปจากพวกคนเกเร
“รุนแรงเกินไปแล้ว...” ใจของโจวหยางซีเดือด เธอกำหมัดแน่น ให้ตายเถอะ ฉากในนิยายได้อ่านมาแล้ว แต่ไม่นึกว่าพอเข้ามาอยู่ในเรื่องจริง มันโหดร้ายต่อจิตใจ
สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ อันที่จริงคลี่คลายด้วยการช่วยเหลือของน้องชาย กังเหริน ที่ขี่จักรยานยนตร์มาเห็นเหตุการณ์พอดี และมันได้ขยี้ปมในเรื่องให้ต้องแก้ไขกันอีกยาว ด้วยหนทางข้างหน้าได้มีความสัมพันธ์ที่เกินเลยระหว่างเซียวก้งเยว่กับกังหรง จนเกิดเจ้าก้อนแป้งน้อยๆ
โดยทั้งสองต่างตกหลุมรักกัน เรียกว่ารักแรกพบที่ร้อนแรงก็ไม่ผิด
สิ่งเหตุนี้จึงเป็นเหตุการณ์พลิกผลันอีกครั้งในนิยายเรื่อง 1974 ซ้ำร้ายคนที่จับคู่ให้หนุ่มสาวในวัยไร้เดียงสา จนก่อเรื่องที่ไม่เหมาะสมก็คือ โจวหยางซี !
หญิงสาวก้าวไปข้างหน้า ตอนนั้นเธอต้องหยุดการกลั่นแกล้งนี้ให้สำเร็จ ก่อนที่กังหรงจะมาถึง!
โจวหยางซีต้องทำอย่างไร เธอกำลังสับสนอย่างที่สุด เซียวก้งเยว่วิ่งมาแล้ว และเด็กสาวข้างหลังปั่นจักรยานไล่ล่าอย่างเร็ว พร้อมส่งเสียงโหวกเหวกไม่หยุด
สถานการณ์ชวนปวดหัวยิ่ง ยามนั้นหญิงสาวจึงรีบคิดหาทางออก เมื่อมีเด็กเกเร ต้องมีอันธพาลที่โหดเหี้ยม และชอบฉุดเด็กสาวๆ ไปเล่นสนุกด้วย
“นะ นั่น แก๊งขวานลำพอง อ๊ะ... พวกถนนสายสาม และพวกสะพานปลาก็มาด้วย โอ๊ย ทั้งมีด ทั้งขวาน พวกเธอรีบหลบไปเร็วๆ”
เธอร้องขึ้นอย่างนั้น พวกที่ปั่นจักรยานต้องชะลอความเร็วลง ทว่าเป็นเพียงประเดี๋ยวเดียวเท่านั้น ส่วนเซียวก้งเยว่เงยหน้ามองหญิงสาว ก่อนวิ่งไปหลบหลังกองไม้พาเลทที่ตั้งสูงหลายกอง บริเวณนั้นมีถังน้ำมันที่ใช้เป็นถังขยะร่วมอยู่ด้วย
เซียวก้งเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย จำได้ว่า อีกฝ่ายคือคนในรูปที่บิดาอยากให้มาเป็นแม่ใหม่ เธอรู้เรื่องนี้มาเมื่อสองเดือนก่อน ซึ่งแน่นอนว่าต่อต้านแบบหัวชนฝา เพราะโจวหยางซีอายุมากกว่าเธอแค่สี่ห้าปี ไม่ได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยซ้ำ อีกอย่างบ้านอยู่ที่ตึกเขียวเรียกได้ว่าชุมชนแออัดก็ไม่ผิดไปจากนั้น ที่สำคัญผู้หญิงคนนี้กำลังจะมาแย่งความรักของบิดาไปจากเธอ
“เอ่อ... เสี่ยวเยว่ รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวทางนี้ฉันจัดการเอง”
ฝ่ายเซียวก้งเยว่ได้ยินอย่างนั้น ทั้งขำ ทั้งแปลกใจ
ด้วยโจวหยางซีคงไม่รู้ว่า เสี่ยวเหมยหรือไป๋อันเหมย เป็นลูกสาวสารวัตรใหญ่ ส่วนเด็กๆ ที่ไล่กวดเธอมา มีแต่ลูกคนมีเงินทั้งนั้น พวกนี้ชอบแกล้งคนอื่น และอิจฉาเสี่ยวก้งเยว่ที่มีครอบครัวอบอุ่นทั้งที่ขาดมารดา
“คุณเอาตัวให้รอดก่อนเถอะ อย่ามายุ่งกับหนูเลย”
เซียวก้งเยว่เอ่ยจบ ก็เตรียมผละจาก เป็นตอนนั้นที่สถานการณ์พลิกผลัน ด้วยไม่ได้มีแค่เด็กสาวที่ต้องการกลั่นแกล้งเซียวก้งเยว่ หากจู่ๆ พวกนักเรียนชาย กับพวกกุ๊ยปลายแถวโผล่มาอีกห้าหกคน ดูแล้วท่าทางไม่น่าไว้ใจเลย
“ไหน ใครบอกว่าแก๊งขวานลำพองมาทางนี้”
ไป๋อันเหมยจอดจักรยานได้ก็ก้าวเผชิญหน้าโจวหยางซีแล้วหัวเราะขบขัน ก่อนที่เธอจะกระดิกนิ้วเรียก พวกกุ๊ยของบิดา ซึ่งเตร่ไปเตร่มาบริเวณนี้
“พวกแกฟังให้ดี นังผู้หญิงคนนั้น ขายบริการให้เด็กนักเรียน และยังเป็นแม่เล้าบังคับอาเยว่ ให้นอนกับพวกขับรถบรรทุกด้วย ไป พวกลื้อจับตัวไปส่งป่าป๊า และขังในคุกสักสามสี่วัน มันจะได้หลาบจำไม่มาทำเรื่องเหม็นเน่าแถวนี้อีก”
ไป๋อันเหมยว่า และมองโจวหยางซีอย่างชิงชัง สายตาดังกล่าวทำให้หญิงสาวชะงักค้าง ให้ตายเถอะ นิยายเรื่องนี้มีนางร้ายกี่คนกันแน่ แล้วไป๋อันเหมยที่อยู่ตรงหน้าเธอ เหตุใดถึงเป็นคนพาลได้ถึงเพียงนี้
“เอ๊ะ ยังมามองฉันอีก ฉันรู้นะว่า พี่สาวนะ อยู่ตึกเขียว และยังอยากเป็นผู้หญิงของแก๊งขวานลำพอง แม่พี่ติดพนันจนแทบเสียคน และเหนียวหนี้เป็นที่หนึ่ง... หลายวันก่อน เห็นเอารูปของพี่ กับน้องสาวไปให้พวกพ่อค้าขายหมู กับตำรวจดูอยู่เลย สงสัย... อยากขายลูกกินและเอามาล้างหนี้”
โจวหยางซีหน้าซีด และเริ่มรู้หลายสิ่งมากกว่าเดิม ตัวเธอเพิ่งเข้ามาอยู่ในร่างนี้ได้ไม่กี่วัน หลังจากเจ้าของร่างพลัดตกคลอง พอลืมตาได้ ก็จับไข้หนาวสั่น มีอาการเสียขวัญอยู่หลายคืน กระทั่งตั้งสติได้ก็รีบจัดการพาตนตามหาเซียวหวังเหล่ย เพื่อหว่านเสน่ห์แล้วจับเขาให้อยู่หมัด โดยลืมไปว่า หลี่ฉู่ผู้เป็นมารดาคือตัวละครที่เข้าขั้นก่อปัญหาได้ไม่หยุดหย่อน เมื่อเป็นอย่างนี้ชื่อเสียงเธอคงฉาวโฉ่น่าดู จึงไม่น่าแปลกใจที่จู่ๆ เซียวหวังเหล่ยพลิกลิ้น แล้วหาข้ออ้างยกเลิกการดูตัว และแต่งเธอเข้าบ้านอีกฝ่าย ซึ่งแน่นอนไม่ใช่เกี่ยวกับปีชง หรือการที่หลี่ฉู่เรียกค่าสินสอดจากเขาอย่างหน้าเลือด เป็นเงินถึงหนึ่งหมื่นสามพันหยวน แต่เพราะเขาไม่อยากให้แม่ใหม่ของลูก เป็นสตรีที่มีเรื่องด่างพร้อยนั่นเอง
ทว่า... โจวหยางซีมาอยู่โลกในนิยายแล้ว อย่างไรก็ตาม เธอต้องมีชีวิตรอด อยู่อย่างสุขสบาย เป้าหมายเดียวตอนนี้คือเดินเข้าบ้านเซียวให้ได้เสียก่อน เรื่องอื่นๆ ค่อยสะสางในภายหลัง
ดวงตากลมโตมองไปยังไป๋อันเหมย มองด้วยความโกรธ และร่างของเธอมีไอร้อนแผ่ขยายออกมา
“ฮึ แกนี่นะ อายุยังน้อย พูดจาเหมือนสุนัขกลืนอุจาระ อีกอย่างฉันไปขายตัวให้พ่อแกหรือไง นังเด็กปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม”
เสียงของโจวหยางซีแหลมสูงขึ้นอย่างผิดปกติ ท่าทางก็ถอดแบบตัวละครร้ายๆ ออกมาจนหมด
ไป๋อันเหมยแม้จะเป็นเด็กสาวที่แสบ ชอบข่มขู่ หรือบังคับให้ผู้อื่นทำเรื่องตามใจตน ด้วยบิดาเป็นตำรวจยศสูง ทว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่ได้ยินผู้หญิงที่ไร้เกียรติพ่นคำพูดร้ายๆ ใส่เธอต่อหน้าเพื่อนๆ และพวกกุ๊ยของบิดา
“แกรู้ไหมว่าอาม่าฉันร่ำรวยแค่ไหน อีกอย่างไม่ใช่ป่าป๊าที่จะจับแค่ขังคุกได้ แต่ฉันจะให้คนจับแกไปขายตัวบนเรืออาม่ากลางทะเลโน่น ”
ได้ยินอย่างนั้น โจวหยางซีก็ยิ้มเย็นๆ ให้อีกฝ่าย โถ... เด็กหนอเด็ก สุดท้ายก็เผยสันดานของตน แบบนี้รบร้อยครั้งเธอก็จะชนะร้อยครั้ง!