ส่วนเถาจื่อนั้นแทบอยากแทรกแผ่นดินหนี หล่อนอับอายแทนหลานสาวคนนี้ เลี้ยงอีกฝ่ายช่วยหลี่ฉู่มาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอย แม้จะรู้ว่าเธอแสบ ก๋ากั๋น แต่ใครเล่าจะกล้าคิดว่า วันนี้ ถึงขั้นอยากเป็นเมียของเซียวหวังเหล่ยจนตัวสั่น
เถาจื่อเลยต้องสะกิดแขนหญิงสาวหวังให้เธอลดคำพูดคำจาลง ผู้ชายดีๆ ที่ไหนจะทนฟังเสียงนางงิ้ว ที่รับบทสตรีร่านราคะได้
ฝ่ายโจวหยางซีกลับทำเหมือนไม่รู้ตัว เธอยิ้มหวานหว่านเสน่ห์ให้อีกฝ่าย ขนตาที่งอนดำเงางามไหวไปมา จริตเช่นนั้น ผู้ชายได้แต่ถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ทว่าแทนที่เขาจะสั่งให้หยุดทำ กลับพูดว่า
“ฮึ เอาไว้ เธอได้นอนกับฉันบนเตียงเมื่อไหร่ แล้วฉันจะให้เธอใช้คำว่าเมีย พร้อมทำหน้าที่นั้นอย่างเหนื่อยยากที่เดียวเลยล่ะ ”
โจวหยางซีมองชายหนุ่ม มองและทำตาหวานเยิ้มกว่าเดิม ผู้ชายคนนี้ ปากร้าย พูดจาไม่เข้าหู แต่ลึกๆ ก็เซี้ยวจัด และทำให้เธอมันเขี้ยว แน่นอนหากคาดการณ์ไม่ผิด เขามีใจให้หญิงสาวอย่างไม่ต้องสงสัย
ฮิๆ ๆ จับผู้ชายที่ขี้เก๊ก ชอบวางมาด ง่ายแค่นี้เอง
“ตกลงค่ะ ถ้าเหล่ยต้าเกอยังเตะปี๊บดังปังๆ ๆ ซีซีก็จะนอนทั้งบนเตียง ห้องครัว ห้องน้ำ และแปลงผักกับคุณ เพื่อให้เราได้มีทายาทเพิ่มอีกสักสองสามคน”
หญิงสาวอยากพูดอะไรมากกว่านั้น แต่ชายหนุ่มรู้สึกหน้าชา และอับอายสายตาคนอื่น เขาจึงออกคำสั่งว่า
“สิบนาที อั๊วแต่จะรอเธออยู่ที่รถ ถ้าช้าแม้แต่วินาทีเดียวก็อย่าหวังว่าชาตินี้จะได้เหยียบบ้านเซียวเป็นอันขาด”
เขตอำเภอเหอสี
โจวหยางซีมาถึงบ้านเซียว ซึ่งอยู่ห่างจากถนนสายหลักเกือบสามสิบกิโลเมตร ที่นี่ตัดขาดจากโลกภายนอกเลยก็ว่าได้ พอคิดไปคิดมาอีกที เธอกำลังย้อนเข้ามาในอีกโลกหนึ่งเต็มตัว หลายวันก่อนอยู่ที่ตึกเขียว และถนนสายสี่ก็พอได้เห็นแสงสี ผู้คนแต่งตัวเฉิดฉาย มีหนุ่มน้อย หนุ่มใหญ่เป็นอาหารตา ทว่าที่นี่... กลับแตกต่างจากภาพในหัวอย่างชัดเจน
ที่สำคัญเธอไม่ได้เข้าไปในเรือนหลัก กลับอยู่ห่างออกมาหลายสิบเมตร และมีคนคอยจับตาดูอยู่ทุกฝีก้าว
ใช่...โจวหยางซีเข้ามาที่ตระกูลเซียว ได้พักที่เรือนของคนงานทำสวน มีตำแหน่งเป็นคนงานทั่วไป ไม่ใช่เมียของเซียวหวังเหล่ยเหมือนภาพที่วาดหวังไว้
ในตอนที่บอกให้ลงจากรถเก๋ง เธอส่งสายตาอาลัยอาวรณ์ต่อชายหนุ่ม แทนที่เขาจะพูดด้วย กลับปิดปากเงียบ จะมีก็แต่เซียวตี้หลุนเท่านั้นที่ให้กำลังใจ
“มามี้ ไม่ต้องห่วง คนหล่ออยู่ที่ไหน ใครๆ ก็รัก น้องก็หล่อ คนรักเต็มไปหมดเลย”
พอได้ยินลูกชายเรียกหญิงสาวเช่นนั้น เขาจึงแก้เสียใหม่
“เรียกพี่ซีซีนะครับ... เรียกมามี้แบบนั้นไม่ได้ ป๊ายังไม่ได้เป็นอะไรกับเขาสักหน่อย”
เด็กชายอยากซักไซ้หลายอย่าง แต่รู้ว่า คำสั่งของบิดานั้นเขาห้ามขัด
“ได้ครับ ตอนนี้ยังไม่เป็นมามี้ ไม่นานก็ได้เป็นแน่นอน”
ยามนั้น โจวหยางซีน้อยใจขึ้นมา ดวงตากลมโตมีสีแดงระเรื่อ พร้อมกันนั้นก็ส่งสายตาอ้อนวอนถึงเซียวหวังเหล่ย
“ทำไมเหล่ยต้าเกอ ไม่บอกซีซีก่อน แบบนี้ไม่ถูกต้องนะคะ”
“เหลวไหล เธอกำลังกล่าวหาอั๊วรู้ไหม อยากมาที่นี่บ้านเซียว อั๊วก็พามาแล้วอย่างไรล่ะ”
“แต่มันไม่ใช่แบบนี้ ซีซีจะมาเป็นเอ่อ...”
เธอกำลังจะบอกความต้องการของตนออกไป แต่ชายหนุ่มถลึงตาดุ และถึงอยากอาละวาดกลับ ทว่าเป็นตอนนั้นที่หญิงสาวเกิดความกลัวเขาอย่างบอกไม่ถูก
“ทำตัวดีๆ ๆ อยู่ในบ้านเซียว ทำงานหนักสักหน่อย แต่จะไม่อดตาย และไม่ต้องถูกพวกแก๊งขวานลำพองรังแก”
หญิงสาวขยับปากจะพูดอีกหน แต่ลูกชายของเขาเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“พี่ซีซีต้องไม่ร้องไห้ นอนใกล้สวนผักกับเล้าไก่ มีกลิ่นตุๆ นิดหน่อย น้องก็ไม่ชอบ แต่...ดีกว่านอนข้างล่างนู้น ใกล้ๆ ไร่มันฝรั่ง แถวนั้น ผีดุ ป่าป๊าบอกว่า มีศพทหาร และลึกลงไป เป็นสุสานเก่า ผีตัวดำๆ ลิ้นยาวๆ เต็มไปหมดเลย”
เด็กชายว่าจบ ก็เริ่มเล่นสนุกด้วยการแลบลิ้น ทำเสียงกุ๊กๆ กู๋ หลอกเธอ
ในเวลาเกือบสามทุ่ม โจวหยางซียังปรับตัวไม่ได้เลย เธอได้ยินแต่เสียงแมลง กับสุนัขเห่าสลับกันไปมา
ท้องร้องหิวมาก อีกอย่าง...เธอพักที่เรือนคนงานหญิง เป็นที่นอนรวมมีกันหลายชีวิต!
ฮึ มารดาเซียวหวังเหล่ยเถิด ตาลุงหน้าเข้มกำลังเล่นตลกอะไรกับเธอกันแน่
หญิงสาวนอนกุมท้องตนเอง ยามนี้หิวจัดเลยทีเดียว นั่นเป็นเพราะเธอมาถึงที่นี่ เห็นคนงานกินของที่ชวนให้คลื่นไส้ มีแต่ผักพัดน้ำมันเยิ้ม ไข่ไก่ที่ผัดใส่มะเขือเทศ บางส่วนก็ไหม้ กินไปได้คำเดียวก็เวียนหัว
สุดท้ายพอถึงเวลาต้องนอน เสียงท้องร้องดัง และหิวจนนอนกระสับกระส่าย เป็นเหตุให้คนที่ดูแลเรือนนอน ซึ่งเป็นหัวหน้าคนงานหญิงเดินมาถาม
“อาซี... เธอไหวหรือไม่”
เฮยหมิงก้าวมาที่ฟูกปูบนตั่งไม้ยกพื้น ยามนั้นโจวหยางซียังรู้สึกว่าตนเป็นนางฟ้าตกสวรรค์ โดยแท้
“หิว... และไม่สบายตัว ไม่รู้ว่าฉันเป็นไข้หรือเปล่า”
“มีหมั่นโถวเหลืออยู่สองลูก เธอไปเอามากินเถิด พรุ่งนี้ต้องลุกตั้งแต่ตีสี่ เตรียมเก็บไข่ไก่ ไข่เป็ดแล้วก็รดน้ำที่แปลงผัก”
ได้ยินอย่างนั้น หญิงสาวจึงนิ่งค้าง นี่คืองานที่ต้องทำหรือ มิน่า เซียวหวังเหล่ยถึงบอกเธอก่อนหน้านี้ว่า
“อาซี...ไป รีบไปเก็บข้าวของของเธอซะ... และจำไว้ บ้านเซียวไม่ใช่สวรรค์สำหรับผู้หญิงที่ขี้เกียจ คิดนั่งๆ นอนๆ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายไปวันๆ”
พอย้อนคิดถึงคำพูดดังกล่าวของเขา โจวหยางซีก็อยากกรี๊ดให้คอแตกไปเลย
และเป็นเวลาที่ฟ้ายังไม่ทันสาง โจวหยางซียังไม่ทันได้นอนด้วยซ้ำ เธอถูกคนปลุก พลอยให้งัวเงียอารมณ์เสียเลยสบถคำหยาบคายออกไปชุดใหญ่ และถูกตอบโต้ ด้วยการสาดน้ำเย็นๆ โครมใส่ร่าง
และนั่นจึงทำให้รู้ว่า ตนจะใช้นิสัยร้ายๆ อย่างแต่ก่อนไม่ได้ เพราะที่นี่เธอถูกส่งตัวมาเป็นคนงาน
“ไม่ทำงานไม่มีข่าวกิน ถ้าอยากนอน ก็เก็บของออกไปจากที่นี่ กลับบ้านของตัวเองไป”
เฮยหมิงไม่ได้ใจดีเหมือนเมื่อคืน นั่นเป็นเพราะเธอคือต้าเจี่ยของคนงาน รับผิดชอบหลายสิ่ง ดังนั้นกฎจึงเป็นกฎ
โชคชะตาลิขิตให้โจวหยางซีทำงานในโรงเลี้ยงไก่ เป็ด เก็บไข่แบบไร้วิญญาณ จากนั้นก็มารดน้ำผัก ที่ปลูกในโรงเรือน หญิงสาวเหนื่อย อ่อนเพลีย และหิว... ความรู้สึกหิว มากขึ้นเรื่อยๆ และกลับกระเดือกสิ่งใดก็ไม่ลง
ให้ตายเถอะ ยามนี้เธอรู้ซึ้งแล้วว่า เธอเลือกเส้นทางชีวิตผิดพลาด
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เกือบห้าวันแล้วที่โจวหยางซีมาอยู่ในพื้นที่สวนผักตระกูลเซียว หญิงสาวไม่ได้ปลงต่อชีวิต แต่ซึมลงไปมาก อาหารการกินไม่ถูกปาก เพลียอยู่ตลอด และวันนี้ หลังจากทำงานช่วงเช้าเสร็จ ได้มีเวลาอาบน้ำ เปลี่ยนเสื้อผ้า และพักผ่อนอีกหนึ่งชั่งโมง จากนั้นต้องเข้าสวนไปเก็บมันต่างๆ ที่นี่ปลูกมันฝรั่งชนิดพิเศษ ส่งโรงงานผลิตเส้น
ทว่าในขณะที่หญิงสาวนั่งพักผ่อนเพียงลำพังใต้ต้นไม้ใหญ่ อยู่ต้องตกใจ ด้วยร่างหนึ่งวิ่งเข้ามาหา แล้วหอมแก้มเธอฟอดใหญ่
“มามี้สุดหล่อ”
เสียงใสๆ จะเป็นใครไปได้ หากไม่ใช่เซียวตี้หลุน เขาเรียกเธอเช่นนี้ เพราะอยู่กันเพียงลำพังนั่นเอง
ในเวลานั้นเธอหันซ้าย แลขวา อดเป็นห่วงไม่ได้ว่าเด็กชายมาถึงที่นี่ได้อย่างไร
“ป่าป๊า ให้คนเอาของมาส่งที่โรงครัว น้องหลุนมาด้วย คิดถึงมามี้ เอ๊ย... พี่ซีซีฝุดๆ เลยฮะ ทำไม ไม่ไปหากันบ้าง น้องนอนร้องไห้ ทุกคืนเลยนะ”
เขาพูดยาวแทบจะไม่หายใจ พร้อมกันนั้นก็หอมแก้มหญิงสาวซ้ายขวาไปอีกหลายหน จนเธอจั๊กจี้
หอมเสร็จจึงกลางฝ่ามือเล็กๆ ให้ดู และบอกว่า
“ห้า เลย ห้าวันเลยนะ ที่ไม่ได้เห็นน้องหลุน คิดถึงกันไหมฮะ ม้ามี้คนหล่อ”
เขาบอกเธอจบ ก็ทำปากหมู อยากจะจูจุ๊บด้วย
“เสี่ยวหลุน... ทำแบบนี้ไม่ได้ เดี๋ยวพี่ขายไม่ออก”
เด็กชายหัวเราะเอิ๊กอ๊าก และตอบว่า
“ยอดเยี่ยม ขายไม่ออก น้องหลุนจะซื้อพี่ซีซี ไปให้ปะป๊าเอง คนตัวโตจะได้มีเพื่อนนอนบนเตียง ไม่ต้องไปนอนเบียดกับน้องหลุนอีกยังไงล่ะครับ”
หญิงสาวหัวเราะออกมาพรืดใหญ่ทีเดียว ปกติไม่ชอบเด็ก แต่เด็กที่ขายความลับของผู้ใหญ่ อีกทั้งทำให้เธอขำได้ ช่างน่าเอ็นดูโดยแท้
“เอ พี่นึกว่า เถ้าแก่เซียว คนหนังเหี่ยวจะมีคนนอนด้วยไม่ซ้ำหน้า ที่ไหนได้ เขานอนกับเสี่ยวหลุนหรอกเหรอ”
เพราะมั่นใส่อีกฝ่าย เธอเลยเรียกเซียวหวังเหล่ยแบบนั้น ตอนนี้เลยขำหัวไหลาโยก อีกทั้งเซียวตี้หลุน ทำท่ากับเลียนเสียงให้ดูว่าบิดาของเขายามนอนส่งเสียงกรนแบบไหน
“กะต๊ากๆ ๆ เสียงไก่ฮะ พี่ซีซีเคยได้ยินไหม ป่าป๊า กรนตลก น้องหลุนขำจนเยี่ยวใส่ที่นอน”
เด็กชายยิ่งพูด โจวหยางซีก็ต้องยกมือห้ามเขา ตอนนี้เธอหัวเราะจนน้ำตาไหล ซึ่งท่าทางของเธอ ทำให้คนตัวโตที่กำลังมองหาลูกชายก้าวยาวๆ มาถึงตัวหญิงสาวแบบไม่ให้สุ้มให้เสียง
“ลุกขึ้น แล้วตามอั๊วไปขึ้นรถ!”
เสียงเขาเข้ม และสีหน้าเก๊กให้ดูน่ากลัวเหลือเกิน โจว
หยางซีเลยต้องทำเป็นกลัวให้สมจริง
“ซีซี ต้องไปไร่มันฝรั่ง มีงานต้องทำค่ะ เจ๊หนิงสั่งไว้แบบนี้”
เขาเลิกคิ้วสูง มองเธออย่างไม่เชื่อว่าจะพูดแบบนี้ออกมา
“งานของเธอในสวนแห่งนี้ ทั้งหมดขึ้นอยู่กับอั๊ว จะให้ทำอะไรตอนนั้นก็ได้ และอั๊วยังไม่สมองเสื่อม หลายวันก่อน ใครนะที่พูดว่า ถ้าอั๊วยังเต๊ะปี๊บดัง ก็พร้อมทำงานพิเศษในทุกๆ ที่ ทั้งบนเตียง ห้องครัว ห้องน้ำ หรือนอนสถานที่ โดยเฉพาะบนแปลงผัก หึๆๆ ฉะนั้น ลุกขึ้น อย่าโอ้เอ้”
เขาบอกจับจึงจับแขนเธอ แล้วฉุดให้ลุกขึ้น เพื่อก้าวตามเขาไป