ในคืนนี้ดารินไม่มีสมาธิในการทำงานเลยสักนิด ว่างเมื่อไหร่หญิงสาวเป็นต้องเดินเข้าๆ ออกๆ ห้องพิเศษของชนาตลอดเวลาจนไม่ได้พักผ่อน ดารินเอ่ยถามร่างที่หลับใหลของเพื่อนรักทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขาไม่ได้ยินประโยคใดๆ จากเธอ
หรัณย์กลับเข้ามาในเวลาตีสองหลังจากที่ออกไปนั่งเล่นรับลมข้างนอก ตั้งแต่ชนาป่วยเขาก็ลางานเพื่อมาดูแลอาการน้องชาย เพราะพ่อแม่ของพวกเขาติดงานอยู่ที่ต่างจังหวัด เหลือเพียงตัวเขาแค่คนเดียวที่พอจะดูแลน้องได้ในตอนนี้
“อ้าว ยังอยู่อีกเหรอครับ”
“ค่ะ พอดีว่างๆ ฉันเลยแวะเข้ามาดูค่ะ” ดารินเอามือที่เกยคางของตัวเองออก ก่อนจะขยับนั่งในท่าที่เรียบร้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่เธอไม่สนิท หญิงสาวเพิ่งเดินเข้ามาหาชนาก่อนหน้าหรัณย์ไม่ถึงสิบนาที พอเห็นว่าไม่มีใครอยู่เธอจึงถือโอกาสนั่งเหม่อมองเพื่อนรักอยู่ข้างๆ เตียง
“คุณทำงานที่นี่เหรอครับ” หรัณย์ชวนหญิงสาวคุยขณะที่เขาเดินไปนั่งบนโซฟาตัวยาว
ดารินจึงละความสนใจจากคนป่วยแล้วหันหน้ามาคุยกับเขาแทน “ค่ะ ฉันเป็นพยาบาลอยู่ที่นี่ แต่กลับเพิ่งมารู้ว่าเพื่อนตัวเองนอนป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล”
เสียงหวานเจือความเศร้าขณะเอ่ยตอบ ร่างบางหันกลับไปมองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนรักที่มีรอยแผลปรากฏพร้อมกับถอนหายใจ “เขาคงเจ็บน่าดูเลยนะคะ”
“นั่นสินะ” หรัณย์ตอบเสียงเศร้า จากที่คิดว่าไปผ่อนคลายด้วยการรับลมข้างนอกจะช่วยเยียวยาวความเศร้าให้กับเขาได้บ้าง แต่เปล่าเลย เมื่อย่างกรายเข้ามาในห้องความหดหูในใจก็ยังคงเป็นเช่นเดิม
“เมื่อครู่ที่คุณบอกว่าคุณทำงานอยู่ที่นี่ คุณพอจะรู้จักใครที่พอจะมาเป็นพยาบาลพิเศษได้ไหมครับ เพราะอีกไม่กี่วันชนาก็จะต้องออกไปพักฟื้นที่บ้านได้แล้ว ผมยินดีจ่ายมากเท่าไหร่ก็ได้ ขอแค่ดูแลน้องผมเป็นอย่างดีก็พอ”
“ไม่ต้องไปหาที่ไหนหรอกค่ะ ฉันจะดูแลชนาเอง” มือเล็กเอื้อมไปจับมือเพื่อนรักที่ยังอุ่นและหวังว่าวันหนึ่งเขาอาจจะตื่นขึ้นมาพูดกับเธออีกครั้งด้วยความหวัง
หรัณย์เลิกคิ้วสงสัยกับคำว่า ‘ดูแล’
ดารินจึงรีบอธิบายต่อทันที “ฉันหมายถึงฉันจะเป็นพยาบาลพิเศษให้ชนาเองค่ะ”
“ขอบคุณมากนะครับ คุณไม่ต้องห่วงว่าจะลำบาก ที่บ้านผมกว้างขวางพอที่คุณจะอาศัยอยู่โดยไม่ต้องอึดอัด ถ้าคุณขาดเหลืออะไรบอกผมได้ทุกอย่างเลยนะครับ”
“ค่ะ ฉันแค่อยากจะดูแลชนา ไม่ว่าจะยังไงฉันก็ไม่เกี่ยงหรอกค่ะ” เมื่อนึกถึงคำมั่นสัญญาที่เธอเคยให้ไว้กับชนา ต่อให้วันนี้ครอบครัวของเขาไม่จ้างเธอเลยสักบาท เธอก็สัญญาว่าจะไม่ทิ้งเพื่อนคนนี้อย่างแน่นอน
“ผมชื่อหรัณย์เป็นพี่ชายของชนา ส่วนคุณ...” หรัณย์เป็นฝ่ายเริ่มแนะนำตัวก่อน เพราะต่อไปเขาจะต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเธอไปอีกนาน
“ฉันชื่อดารินค่ะ”
“ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ” ร่างสูงเดินตรงเข้ามาหาพลางยื่นมือมาตรงหน้าดารินในท่าทักทายแบบฝรั่ง เพื่อทำความรู้จักกันเอาไว้
“ค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกัน” มือเล็กยื่นมาแตะมือหนาเบาๆ ก่อนที่ร่างบางจะรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เธอไม่ได้รังเกียจเขาแต่อย่างใด แต่น้อยครั้งนักที่หญิงสาวจะได้สัมผัสมือผู้ชาย ถ้าจะให้นับเห็นทีก็จะมีแค่ชนาคนเดียว จึงเป็นเรื่องยากถ้าหากดารินต้องใกล้ชิดกับเพศตรงข้ามจนเกินไป
“ยังไงผมขอเบอร์ติดต่อคุณไว้หน่อยได้ไหมครับ จะได้นัดแนะวันเวลาได้สะดวก” หรัณย์ยื่นโทรศัพท์ให้ดาริน ทว่าหญิงสาวกลับดูประหม่าเล็กน้อยราวกับไม่อยากจะให้ แต่สุดท้ายเธอก็รับโทรศัพท์ของเขาไปเพราะรู้ว่ามันเป็นแค่เรื่องงาน หากมีเรื่องอื่นมาเกี่ยวข้องเธอคงไม่ให้เบอร์โทรกับใครง่ายๆ แน่
มือเล็กกดเบอร์ของตัวเองเสร็จสรรพแล้วจึงยานส่งโทรศัพท์คืนให้เขา “ยังไงก็รบกวนบอกเวลาล่วงหน้าสักสองวันนะคะ ฉันจะได้เคลียร์ธุระที่นี่ให้เสร็จก่อน”
“โอเคครับ คุณพยาบาลผมขอถามตรงๆ ได้ไหม ชนามีโอกาสจะฟื้นขึ้นมาบ้างไหมครับ”
ร่างสูงยันขอบเตียงคนไข้ ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองพยาบาลสาวที่ยืนอยู่ข้างๆ ในระยะประชิด ส่วนดารินเองก็เผลอสำรวจใบหน้าของคนตรงหน้าเธออย่างไม่รู้ตัว หรัณย์หน้าตาคล้ายชนาราวกับฝาแฝด จะมีก็แต่ความคมสันที่เขามีมากกว่าจึงทำให้แยกออกว่าคนไหนพี่ คนไหนน้อง
“ทำไมคุณถึงไม่ตอบผมล่ะครับ” หรัณย์ถามอีกครั้งด้วยแววตาที่ดูเศร้าสร้อย
“เอ่อ...” ร่างบางสะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงทุ้มฉุดให้เธอตื่นจากภวังค์ ดารินมองชายหนุ่มตรงหน้าเธอด้วยความประหม่า ก่อนจะนั่งลงเก้าอี้เพื่อลดระดับความใกล้ชิดระหว่างเธอและเขา
“ฉันบอกไม่ได้หรอกค่ะว่าชนาจะฟื้นไหม แต่อย่าเพิ่งหมดหวังเลยค่ะ ชนาเป็นคนเก่งฉันเชื่อว่าเขาไม่ยอมนอนอยู่นิ่งๆ อยู่แบบนี้แน่ๆ ค่ะ”
“ขอบคุณนะครับ” หรัณย์เข้าใจดีว่าโอกาสที่น้องชายจะฟื้นมันมีแค่เศษเสี้ยวของเต็มร้อย แต่พอได้ยินดารินบอกอย่างนั้นเขาก็พอจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้าง