CHAPTER 2
“แม่เจ้า! เป็นนางเอกนิยายก็งี้ นมเท่าหัวเด็ก เอวบางอ้อนแอ้น ก้นกลมดึ๋ง ๆ ตาย ๆ หุ่นเพอร์เฟ็กต์อะไรขนาดนี้แม่คุ๊ณ” ฉันถอดชุดนอนผ้าหนาเตอะนั่นออกแล้วสำรวจรูปร่างของร่างนี้ เซ็กซี่ยั่วยวนโคตร ๆ อะไร ๆ ก็ดูดีไปเสียหมด ยอดอกสีหวาน ตรงกึ่งกลางกายก็อวบอูมทีเดียว
ก็ยังดีแฮะ ได้ทะลุมิติมาทั้งทีได้ร่างที่ดีขนาดนี้
เสียอย่างเดียว…
“แต่งงานแล้วแต่ผัวไม่สนใจ” ฉันเบ้ปากเมื่อนึกถึงหน้าคุณเวลล์ รายนั้นก็สมแล้วที่เป็นพระเอกนิยาย สูงราว 185เซน หุ่นกำยำ ใบหน้าหล่อเหลาทีเดียว บ้านก็ร๊วยรวย มาดขรึม นิ่ง สุขุม แต่ก็มีความร้ายกาจในตัว
ฉันอาบน้ำให้ตัวเองจนเสร็จเรียบร้อย ออกมาเปิดตู้เสื้อผ้าดูก็ได้แต่อึ้งกับสิ่งตรงหน้า
“ร้อนจะตายชัก ใส่ไปได้ไง” มีแต่เสื้อผ้าหนา ๆ แขนยาว ขายาว กระโปรงยาวถึงเข่า เสื้อบางตัวก็เป็นคอเต่า ขืนใส่แบบนี้ก็ร้อนตายพอดี
“แล้วนี่อะไรเนี่ย” ฉันหยิบแผ่นผ้ายืดที่มีตะขอเรียงกันเป็นชั้นออกมาในตอนที่เปิดลิ้นชักดูชุดชั้นใน
ฉันถอยไปนั่งที่เตียงพลางนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยาย นักเขียนเขียนไว้ว่านางเอกไม่ชอบหน้าอกหน้าใจของตัวเองเพราะมันใหญ่เกินไป ใส่อะไรก็ดูโป๊ จึงใส่แผ่นรัดหน้าอก
ดวงตาฉันมองบนโดยอัตโนมัติ จะเรียบร้อยอะไรขนาดนั้น!
“มีของดีก็โชว์สิยะ!”
นึกออกละ สามีสุดหล่อชอบบอกว่าภรรยาน่ะเฉิ่มมาก ๆ จนไม่อยากพาออกงาน เขาบอกว่าเขาอายที่มีภรรยาแบบนี้
เดี๋ยวเจอเพียงรักเวอร์ชั่นใหม่แล้วกัน
ฉันหยิบบราสีเรียบออกมาสวมเข้าคู่กับกางเกงชั้นในเอวสูง…เฮ้อ เดี๋ยวจะทิ้งให้หมดเลยชุดชั้นในพวกนี้ เสื้อยืดตัวนี้น่าจะดีที่สุดในตู้ ฉันเอาออกมาสวม และรื้อหากางเกงยีนออกมาสวมเข้าคู่กัน
เครื่องสำอางก็มีแค่แป้งหนึ่งตลับ และลิปมัน เอาวะ สวยธรรมชาติ แต่ก็สวยใสดูธรรมชาติจริง ๆ นั่นแหละ
ฉันหากระเป๋าสตางค์และเปิดดู มีเงินอยู่หนึ่งพันบาท บัตรเอทีเอ็มที่ไม่รู้รหัส แล้วจะเอาเงินที่ไหนไปซื้อเสื้อผ้าใหม่กันล่ะ
“คุณ” ฉันรีบวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านและสะกิดที่ไหล่ของสามี เจ้าตัวหันมามองหน้าฉันด้วยแววตาที่ค่อนไปทางรำคาญ แต่แล้วสายตาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อยในตอนที่หยุดมองอกอึ๋ม ๆ
“มองนมเหรอคุณ คืนนี้มาดูแบบไม่มีเสื้อผ้าปะล่ะ” ฉันขยิบตาให้สามีไปหนึ่งครั้ง พยายามกลั้นขำกับท่าทางของอีกฝ่ายที่พยายามกลับมาตึงเหมือนเดิม
“มีไร” เขาถามเสียงเข้ม
“ขอตังค์หน่อยดิ” แบมือขอเงินผัว ไม่คิดว่าจะได้สัมผัสกับความรู้สึกนี้เลยจริง ๆ
“ในบัญชีที่มีนี่เธอจะเก็บไว้บริจาคให้การกุศลหรือไง ไม่ใช้เงินตัวเองแต่มาขอเงินคนอื่นใช้เนี่ย”
ปากนี่น้า!
“เงินคนอื่นอะไร ขอเงินผัวเนี่ย” ฉันกระดิกปลายนิ้วรัว ๆ ขอเงินสามีใช้มันแปลกตรงไหน
“เธออย่าพูดอย่างนี้อีกเด็ดขาด! ฉันไม่ใช่ผัวเธอ”
“แต่เป็นสามี?” ฉันเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จดทะเบียนสมรสกันแล้วนี่
“ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น!” เขาตอบกระแทกเสียงแล้วจะเดินหนีฉันไป ฉันรีบคว้าแขนแกร่งไว้ “อะไร!?”
“ขอตังค์หน่อย” ฉันก็ไม่ได้อยากจะรั้งไว้เลย แค่อยากได้เงิน จะเอาไปซื้อเสื้อผ้า
คุณเวลล์จิ๊ปากด้วยความหงุดหงิด เขาเปิดกระเป๋าสตางค์แล้วหยิบธนบัตรมาวางบนมือฉัน
“ร้อยเดียว?” ซื้ออะไรได้เนี่ย บ้านก็รวย เจ้าของธุรกิจขนส่งทางเรือ ให้เงินเมียร้อยเดียวเนี่ยนะ
“พ่อฉันให้เงินเธอไปเรียนเดือนละสองหมื่นยังไม่พออีกหรือไง” คราวนี้คุณเวลล์เท้าเอวมองฉัน ในนิยายก็บอกไว้แบบนี้นี่นา
“ฉันจำรหัสบัตรไม่ได้อะ” ฉันยิ้มแห้งให้คุณเวลล์ ที่บอกเขาไปตามตรงก็เพราะในนิยายบอกว่าคุณเวลล์เป็นคนพาไปเปิดบัญชี
“วันเกิดกับปีเกิดของเธอ”
โชคดีที่เขารู้ ฉันเลยคืนเงิน 100บาทนี่คืนไปแล้วรีบวิ่งกลับขึ้นไปบนห้อง ไม่ได้เอะใจว่านางแบบสาวที่ชื่อปูหายไปไหน กระทั่งเอากระเป๋าสะพายเข้ากับเรียวแขนแล้วเดินลงมา ถึงได้เจอว่าเธอคนนั้นมานั่งเล่นเปียโนอยู่ ส่วนคุณเวลล์ก็ยืนยิ้มพิมพ์ใจเคลิ้มไปกับเสียงเปียโนที่ยายนั่นบรรเลง
จะว่าไปยายปูนี่ก็สวยใช่เล่น ถึงฉันจะเปลี่ยนลุคให้ร่างนี้แล้ว ก็ไม่รู้ว่าจะสู้ได้หรือเปล่า
“อยากฟังแบบฟีลรถแห่ มีปะคะ” ฉันเดินเข้าไปหา แล้วเต้นโชว์ไปหนึ่งสเต็ป แต่สามีเบือนหน้าหนีเลยต้องหยุด กลัวจะโดนเหวี่ยงออกจากบ้าน
“ไร้มารยาทที่สุด เห็นบ้างไหมว่าฉันกำลังเล่นเปียโนให้คุณเวลล์ฟัง”
“มาหาสามีคนอื่นถึงบ้านนี่มีมารยาทมากเหรอคะ” ฉันย้อนกลับไป ช่างกล้าพูดถึงมารยาท ทั้งที่ตัวเองก็ไม่มี
ยายนั่นอ้าปากค้างราวกับคิดคำจะเถียงฉัน แต่คงคิดไม่ออก ส่วนคุณเวลล์ก็คำรามเสียงในลำคอคล้ายกับจะปรามให้หยุด
“เชอะ คืนนี้ไม่ให้ดูนมแล้ว!” ฉันพูดราวกับเง้างอน สะบัดหน้าใส่คุณเวลล์แล้วเดินออกจากบ้าน หลบมุมแล้วปล่อยเสียงหัวเราะออกมา
จะว่าไปก็สนุกแฮะ
ฉันจะใช้ร่างเธอให้เต็มเหนี่ยวเลยเพียงรัก แล้วเธอจะต้องขอบคุณที่ฉันสามารถพาร่างเธอไปในทางที่ดีขึ้นได้…