ตอนที่8 ขอแค่นั้น

1356 คำ
บทที่8 สาวสวยอย่างเมรีเหยียดยิ้ม เมื่อแน่ใจว่าตัวเองจำไม่ผิดคนไม่ผิดตัว แผนอยากแกล้งใครบางคนก็เริ่มผุดขึ้น อย่างไม่ต้องเสียเวลาคิด             “อุ๊ย!! คุณใหญ่คะ" เสียงเรียกเหมือนคนตกใจดังขึ้น พร้อมกับมือเรียวจับหมับที่แขนแกร่งอย่างรู้หน้าที่             “มีอะไรหรือเมย์?” ตาคมจ้องสาวสวยตรงหน้าอย่างแปลกใจ             "คุณใหญ่ไม่เห็นจริงๆ หรือคะ?” คำถามที่ตอบกลับมา ทำให้ชายหนุ่มตรงหน้ายิ่งเพิ่มสีหน้าแปลกใจเข้าไปอีก              “แล้วคุณเมย์จะให้ผมเห็นอะไร ที่คิดว่าแปลกในที่แบบนี้อีกล่ะ?” แม้จะรู้สึกขัดใจกับคำตอบ แต่เธอก็ไม่อยากขัดใจชายหนุ่มตอนนี้             คำตอบกวนๆ นั้นไม่อาจทำให้อารมณ์เธอแปรเปลี่ยนไปจากความคิดเดิม ยิ้มในใจ เป็นอย่างที่เธอคาดไว้ ธาดาไม่เห็นคนใช้ของตัวเองจริงด้วย เสร็จละงานนี้...             “ในนี้ ไม่มีอะไรแปลกหรือน่าสนใจ เท่าผู้หญิงในกลุ่มนั้นหรอกค่ะ" พูดจบสาวสวยก็ชี้นิ้วไปยังกลุ่มที่เธอกำลังพูดถึง              ชายหนุ่มก็อยากรู้เหมือนกันว่าอะไร ในกลุ่มคนพวกนั้น ที่ทำให้คนอย่างเมรีสนใจได้ แล้วเขาก็เพ่งมองตามนิ้วเรียวไปจนสุดปลายนิ้ว แล้วเลยตรงไปตามรัศมีความตรงของนิ้ว              คิ้วหนาย่นเข้าหากันเพื่อเพ่งมองคนตรงหน้าที่ห่างออกไปไม่เท่าไหร่ หญิงสาวที่เขาเพิ่งละสายตาไปไม่นานเท่าไหร่ ตอนนี้กลับมาอยู่ในสายตาเขาอีกครั้ง              แล้วผู้หญิงคนนี้ทำไมถึงทำให้เมรีสนใจได้ล่ะ หรือเธอเกิดเขม่นกับเมรีหรือ...ชายหนุ่มคิด แต่เมื่อมองไปสักพัก สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที             "มนธิรา!!!" ชายหนุ่มเอ่ยเค้นเสียงออกมาเบาๆ แต่คนที่นั่งอยู่ใกล้ได้ยินถนัด รับรู้ถึงพลังและน้ำเสียงนั้นได้ดี             นั่นแหละตัวจริงของเขาละ ในความเย็นชานั้น มันน่ากลัว...              “......” สายตาคมเพ่งมองเบิกกว้าง หากผู้หญิงคนนั้นเป็นผู้หญิงอื่นเขาคงมองผ่านเลยไป แต่นี่มันเป็นผู้หญิงในบ้านของเขาชัดๆ               เธอออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่?...             แล้วเธอออกมากับใคร?...             เท่านั้นในความคิดชายหนุ่ม อารมณ์บางอย่างก็พุ่งพรวดเข้ามา กรามหนาขบเป็นสันนูน เขาไม่เคยโกธรอะไรใครเท่านี้มาก่อน            ชายหนุ่มไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะอะไร ที่ทำให้เขารู้สึกโกรธมากอย่างนี้ แต่ที่รู้ตอนนี้เขารู้ได้อย่างเดียวว่าความรู้สึกเหมือนคนโดนหักหลังมันไม่เจ็บเท่านี้              เขาต้องจัดการกับเธอ...             อาการเปลี่ยนแปลงทางสีหน้าของชายหนุ่ม ทำให้เมรีที่นั่งมองอยู่กระตุกยิ้มพอใจ งานนี้มีลุ้น...             สาวสวยคิดแล้วมองตามสายตาคมที่ยังจับจ้องหนุ่มสาวในกลุ่ม อยากรู้นักว่าชายหนุ่มที่เอาจริงกับงานทุกอย่าง จะจัดการยังไงกับคนใช้ในบ้านที่หนีออกมาเที่ยวในสถานที่แบบนี้             “ให้มันได้อย่างนี้สิ!" ชายหนุ่มสบถ แล้วลุกขึ้นเต็มความสูง โดยมีสายตาสาวสวยมองตามอย่างใจจดใจจ่อ ว่าชายหนุ่มจะทำยังไงต่อ              “กลับ!!"             “อะ อะไรนะ?” เสียงแหลมเล็กดังอย่างตกใจ พอๆ กับสีหน้าที่ตกใจ จนทำให้ผู้หญิงสวยลืมสวยไปชั่วขณะ             ผิดคาด...ผิดแผนได้ไง!             “กลับบ้าน! ผมจะไปส่ง หรือจะกลับเอง" เสียงทุ้มห้าวๆ เอ่ยอย่างคนที่กำลังเก็บอารมณ์โกรธเอาไว้เต็มที่ แล้วผู้หญิงตรงหน้ากำลังจะทำให้มันระเบิดออกมา เหมือนเธอเป็นต้นเหตุของอารมณ์โกรธในครั้งนี้ ความซวยเมรีจึงรับไปเต็มๆ             อารมณ์ระเบิดของชายหนุ่มยังไม่หมด แต่กลับมาลงกับความเร็วของรถที่เหยียบคันเร่งจนหญิงสาวอย่างเมรีถึงกับหน้าซีด ไม่กล้าเอ่ยทักอะไร ปล่อยให้ชายหนุ่มจัดหนักกับรถบนถนนที่ขับแซงซ้ายแซงขวา เหมือนผู้ร้ายที่ปล้นธนาคารแล้วขับรถหนีตำรวจกระนั้น              เมรีกลับถึงบ้านพักด้วยอารมณ์หงุดหงิด ทีแรกกะว่าหากมีเวลาเหมาะจะเอ่ยบอกความในใจให้ชายหนุ่มที่เธอหลงรักและหมายปอง แต่กลายเป็นว่าเหตุการณ์ที่อยากจะแกล้งใครบางคนกลับส่งผลกระทบมาถึงเธอเสียเอง              “บ้าที่สุด!” เมรีกระแทกก้นบนเตียงหนุ่ม พร้อมเหวี่ยงกระเป๋าสะพายหนังราคาแพงจนกระเด็นตกไปตรงมุมห้องโดยไม่สนใจว่ามันจะกระเด็นไปถูกอะไร และกระเป๋าราคาแพงจะเสียหายตรงไหน             เมื่อนึกถึงคำปฏิเสธของชายหนุ่มที่เธอเอ่ยชวนเข้าบ้าน ยิ่งทำให้อารมณ์ขุ่นมั่ว จนต้องกัดริมฝีปากตัวเองแน่นจนรู้สึกเจ็บ               “เมย์ต้องทำให้อาการเย็นชาของคุณ ร้อนขึ้นมาให้ได้ ธาดา..." เสียงแค้นแหบแห้งเอ่ยขึ้นอย่างหมายมาด            แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มไม่เคยมีท่าทีจะแสดงออกว่าชอบเธอในฐานะแฟน และที่เธอได้อยู่ใกล้ชิดเขา เพราะผู้เป็นพ่อของเธอต่างหากที่เป็นหุ้นสวนในโรงแรมด้วยกัน ความสนิทสนมจึงมีมาก ที่สำคัญเธอก็ยังต้องการจะเอาชนะใจน้ำแข็งนั้นอยู่ดี ซึ่งเธอเชื่อว่าสาวสวยที่เพรียบพร้อมและฐานะมันคงจะทำให้ธาดาติดหลุมที่พลางไว้ได้ไม่ยาก            ธาดาเมื่อส่งเมรีจนถึงหน้าบ้าน ก็ขับรถออกมาด้วยความเร็วพอๆ กับตอนขามา ในหัวของเขาตอนนี้มันเห็นแต่ใบหน้าใครคนหนึ่ง ที่นิสัยเงียบๆ ยิ้มน้อยๆ ดวงตาเศร้าๆ คนที่เขาไม่อยากรบกวนถามถึงความเป็นอยู่ เพราะกลัวเธอจะลำบากใจ แต่ที่ไหนได้ความเป็นห่วงของเขามันไม่มีความหมาย เขาได้แต่คิดไปฝ่ายเดียวเท่านั้น ในเมื่อทางออกของเธอคือพบปะเพื่อนฝูงเที่ยวบาร์ ไม่อยากเชื่อว่าเขาดูเธอพลาดไป...              มนธิราถอนหายใจเมื่อรถคันงามวิ่งมาจอดตรงหน้าประตูอัลลอยด์ราคาแพงที่เธออาศัยอยู่ กว่าจะอ้อนวอนเพื่อนรักให้มาส่งได้ เธอเกือบเสียน้ำตาไปแล้ว มนธิรายิ้มให้เพื่อนรัก แล้วเปิดประตูรถลงทันที แต่ไม่ลืมที่จะขอบคุณชายหนุ่มที่ขับรถมาส่ง             “ขอบคุณ คุณอนาธิปมากนะคะที่มาส่ง"             "ไม่เป็นไรครับ ยินดีเสมอ" เสียงทุ้มเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม             “แหม...บอกลาแต่พี่ชายหรือยะ น้องสาวคนสวยเขานั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน ไม่คิดจะขอบคุณหรือไง?” น้ำเสียงที่ดังออกมาจากภายในรถเรียกเสียงหัวเราะให้ทั้งคู่             “โทษที เกือบลืมแน่ะว่ายังมีสาวสวยอีกคนในรถ ขอบใจนะจ๊ะเพื่อนรัก" มนธิราหันไปมองเพื่อนแล้วแหย่กลับด้วยคำพูด ทำให้สาวสวยอย่างธาริณีค้อนส่งเพื่อนตาโต           มนธิรายืนมองจนแสงไฟท้ายรถหายลับไป มองดูเวลาอีกครั้งตอนนี้เวลามันบ่งบอกว่าทุ่มครึ่ง หัวใจตุ้บๆ ต่อมๆอีกครั้ง ก่อนจะสูดลมหายใจเติมความกล้า แล้วเดินเข้าไปตรงจุดที่มีพนักงานรักษาความปลอดภัยยืนอยู่                “อ้าวหนูบีหรอกหรือครับ ออกไปตั้งแต่เมื่อไหร่ผมไม่เห็น" ลุงสมชายวัยกลางคนเอ่ยถามอย่างคุ้นเคย ก่อนจะจัดการเปิดประตูให้เธอเข้าไป               “อ้อ...บีออกไปช่วงบ่ายค่ะ แต่ออกทางประตูหลังลุงสมเลยไม่เห็น" เธอยิ้มบางๆ ตอบออกไป ปกติเธอใช้ประตูหลังบ่อยจึงไม่น่าแปลก บีพูดคุยกับลุงสมชายไม่นานก็เอ่ยลาเข้าตึกไป              มนธิรามองผ่านเข้าไปในตัวตึก เห็นแสงไฟยังเปิดอยู่ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย สงสัยคุณปราณียังไม่ขึ้นห้อง ปกติเวลานี้เจ้าของบ้านขึ้นห้องไปแล้ว...หรือจะอยู่คุยกับลูกชายที่เพิ่งกลับจากเมืองนอกอยู่อีก ก็ลูกชายคนโตสุดที่รักเล่นหายไปนาน เป็นธรรมดาที่จะมีเรื่องคุยกันยาว                      
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม