ตอนที่ 4/3 เปิดบริสุทธิ์

1973 คำ
“อ่าห์ โอ้ววว…” เอวหนากระหน่ำเข้าใส่ไม่ยั้ง บดเบียดเสียดแทงดอกไม้งามจนแดงช้ำ จนความเจ็บกลายเป็นความเสียวกระสันรุนแรง สุดท้ายเธอก็กรีดร้องออกมาก่อนเขา ในขณะที่ชายหนุ่มกลับโถมกายตอกตรึงเต็มกำลัง ร่างงามเกร็งกระตุกแอ่นอกบดเบียดกับอกกว้างไปมา ท่อนแขนแกร่งกอดรัดเธอเอาไว้ด้วยความปรารถนาอันบ้าคลั่งยิ่งกว่าพายุทอร์นาโดโหมแรง เมื่อรู้ว่าหญิงสาวถึงสวรรค์ชั้นเจ็ดไปแล้ว เขาก็จับเรียวขาเธอไปโอบรัดเอวหนาไว้ จากนั้นมือหนาก็สอดมือยกบั้นท้ายเต่งตึงให้เข้าที่ จัสมินปรือตามองคนที่อยู่ข้างบนอย่างฉงน ริมฝีปากได้รูปคลี่ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ ก่อนจะโถมกายเข้าหาเธออย่างหนักหน่วงและเต็มกำลัง เขาได้ปลุกกระแสสวาทในกายสาวให้ลุกโชนขึ้นอีกครั้ง “อูย…อา เสียวมากเลยค่ะ” และมันก็ได้ผลเมื่อหญิงสาวซี๊ดครางพร้อมแอ่นกายเข้าหาเขาอย่างว่าง่าย สะโพกผายเริ่มขยับโยกส่ายไปมาตามจังหวะ แม้ลีลาจะไม่จัดจ้านแต่ทำเอาเขาครางกระเส่าลั่นห้อง “นั่นล่ะจัสมิน เด้งเข้าไว้จะได้ถึงสวรรค์อีกรอบ อ่าห์…” ดวงตาคมโชนแสงแดงก่ำด้วยความพอใจ ในขณะที่เขากระแทกเรือนกายเข้าใส่อยู่นั้น ปลายนิ้วอีกข้างก็บดขยี้จุดอ่อนไหวอย่างรุนแรง ร่างงามบิดเกร็งเสียวสะท้านไปถึงอณูกายอย่างสุขสม “อูย…ซี๊ด...เสียวค่ะ อ่าห์...” หญิงสาวตอบสนองพร้อมบิดกายเร่าๆ ความเสียวสยิววิ่งฉิ่วถึงขีดสุด จนสุดท้ายเธอหวีดร้องเสียงแหลมอีกครั้ง “โอววว…จัสมินที่รัก บีบรัดแรงจริงๆ คุณแน่นซะจนผมเสียว...อ่าห์...สวรรค์จริงๆ เลยที่รัก” พรตดนัยพร่ำเรียกชื่อเธอไม่หยุดหย่อน พลางทะลวงช่องรักอย่างไม่ปราณี แรงส่งเต็มรักโถมกระหน่ำเข้าใส่ถี่ยิบชนิดที่หญิงสาวแทบหายใจไม่ทัน เสี้ยววินาทีต่อมาร่างกำยำก็เกร็งกระตุก กล้ามเนื้อทุกร่องเต้นระริกจนเม็ดเหงื่อผุดออกมาให้เห็น “โอ้ววว…หมด…หมดกัน” ชายหนุ่มคำรามฉีดพ่นละอองไอแห่งแรงสวาทลึกเข้าไปในร่างเธอ แต่ถึงกระนั้นแล้วเขายังคงกระแทกกระทั้นกายเข้าไม่หยุด จนกระทั่งปลดปล่อยพิษสวาทหมดทุกหยาดหยดเข้าไปในกายเธอ ความสุขสุดหฤหรรษ์กระจายไปทั่วร่าง แต่นั่นไม่เท่ากับที่เขาตอกย้ำสิทธิ์อันพึ่งมีในร่างเธอได้สำเร็จ “อูย…สวรรค์ อ่าห์” พรตดนัยครางกระเส่าพลางจูบซับดวงหน้าสวยที่แดงระเรื่อ ฝ่ามือลูบไล้เธออย่างนุ่มนวล จนกระทั่งลมหายใจเข้าสู่ภาวะปกติ ชายหนุ่มจึงยกตัวขึ้นมองใบหน้าสวยที่รีบเบือนหน้าหนีด้วยความเขินอาย เธอเจ็บใจตัวเองที่สุดท้ายก็ยอมเขาเหมือนผู้หญิงที่กร้านโลกและร่านสวาท “เสียวจนพูดไม่ออกหรือไงที่รัก” เขาจับปลายคางเธอหันกลับมาหา และโดยที่ไม่ทันตั้งตัวฝ่ามือเรียวจึงฟาดลงบนใบหน้าหล่อเหลาสองครั้งติดๆ กัน เพียะ! เพียะ! ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบโดยไม่ห้ามหรือจับมือเธอไว้เหมือนครั้งก่อน จัสมินถึงกับยกมือค้างไม่ทำร้ายเขาต่อเพราะลึกๆ แล้วเธอก็กลัวเขาเจ็บเหมือนกัน “เมียใครว่ะ ซาดิสม์ฉิบ…” พรตดนัยครางขณะยกมือลูบหน้าเพื่อบรรเทาความเจ็บ หากแต่สายตาคมมองลอยแดงจ้ำบนผิวเนื้อเนียน “อย่ามาขี้ตู่นะ” เธอแว้ดใส่แล้วพลิกตัวนอนหันหลังให้เขา มือบางกำชายผ้าห่มแน่น ทันทีที่ขยับตัวหญิงสาวก็สูดปากด้วยความเจ็บ แต่ก็ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น พรตดนัยลูบไล้แผ่นหลังนวลเนียนเบาๆ ริมฝีปากบางจรดลงบนต้นแขนกลมกลึงช้าๆ ร่างบางรีบขยับหนีในทันที “พูดแบบนี้อยากให้ย้ำอีกหลายๆ รอบใช่ไหมคุณ” ไวเท่าความคิด ร่างบางรีบหันหน้ามามองเขาในทันที เธอผลักอกเขาแรงๆ จนเขานอนหงายลงบนที่นอน ตามมาด้วยกำปั้นเล็บทุบปึกๆ ลงบนอกแกร่งด้วยความโกรธ “ไม่ต้องมาขู่เลยนะด๊อกเตอร์บ้า!” จัสมินทุบเขาจนเหนื่อยหอบ ในขณะที่คนถูกทุบนอนยิ้มร่าอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร “สบายจริงๆ พอรักกันเสร็จเมียก็ใจดีนวดให้ด้วย” พรตดนัยพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี เล่นเอาร่างบางที่ทุบเขาอยู่ก่อนหน้านี้มองค้อนอย่างไม่พอใจ “คนชาดิสม์ ทุบจนเจ็บมือแล้วยังยิ้มได้อีกนะอีตาบ้า!” จัสมินมองคนตรงหน้าอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะยกมือจะฟาดลงบนตัวเขาอีกครั้ง แต่คราวนี้ร่างสูงลุกขึ้นนั่งแล้วพลิกเธอนอนราบกับที่นอนแทน ใบหน้าของทั้งสองห่างกันไม่ถึงคืบ จัสมินสบตาคมอย่างหวาดหวั่นกลัวว่าเขาจะเริ่มจัดการเธออีก “ถ้าตบ ผมจะ…” เขาหยุดให้เธอคิดต่อ “จะทำอะไรดีนะ…” พรตดนัยพูดยิ้มๆ แต่ทำเอาคนที่อยู่ใต้ร่างเขาหน้าแดงระเรื่อ เมื่อคิดไปถึงสิ่งที่เขากระทำกับเรือนร่างเธอเมื่อครู่ “ออกไป!” “ไม่…จะรักเมีย” เขาบอกหน้าตาย ลำแขนโอบกอดเธอแนบแน่นกว่าเดิม จนหญิงสาวสัมผัสได้ถึงตัวตนของเขาที่กำลังผงาดอยู่เบื้องล่าง ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยทั้งๆ ที่เพิ่งกรำศึกมาไม่นาน แต่ก่อนที่สงครามบนเตียงจะเริ่มขึ้นอีกครั้งเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น พรตดนัยเหลือบมองแต่ไม่ยอมรับเพราะอยากอยู่กับเธอมากกว่า แต่คนที่โทรศัพท์เข้ามาไม่ละความพยายาม รอสายอยู่นานจนชายหนุ่มถอนหายใจแรงๆ “บ้าฉิบ…” พรตดนัยสบถแล้วเอื้อมมือไปหยิบมาดูเบอร์ที่โทรเข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็นเบอร์เลขาก็กดรับทันที “ว่าไง?” เสียงห้วนเหมือนไม่สบอารมณ์ของเจ้านาย ทำให้เลขาสาวเงียบไป เพียงไม่นานก็ตอบกลับเสียงสั่น “เอ่อ ท่านรองมีประชุมตอนบ่ายสามโมงตรงนะคะ” “อืม…เดี๋ยวไป เตรียมเอกสารให้พร้อมก่อนแล้วกัน” พรตดนัยถอนหายใจแรงๆ ลืมไปว่ามีประชุมกับฝ่ายการตลาด เมื่อวางสายจากเลขา ชายหนุ่มจึงหันมาสนใจคนใต้ร่าง เขาจ้องอยู่อย่างนั้นจนหญิงสาวรู้สึกประหม่า “มองอะไรไม่ทราบ ถอยไป ฉันจะกลับบ้าน” “ไม่ให้กลับ รอที่นี่แหละ ผมประชุมไม่นานจะไปส่งที่บ้านเอง” พอพูดจบร่างกำยำก็ลงไปยืนอยู่ข้างเตียงทั้งๆ ที่ทั้งเนื้อทั้งตัวไม่มีอะไรปกปิด แถมคนชอบโชว์ยังหน้าหนาหันมาหาเธออีกต่างหาก “อ้าย! คนบ้า” จัสมินยกมือปิดหน้าเมื่อสายตาซุกซนมองต่ำลงไปที่ลำแท่งขื่อ มันยังคงผงาดประกาศศักดาให้เธอกลัว พรตดนัยหัวเราะร่ามองแก้มแดงๆ ของหญิงสาว แล้วก็อดใจไม่ได้ที่จะหอมแก้มเนียนฟอดใหญ่ “น่ารักจริงๆ เมียใครเนี่ย” “ยี้…ตาบ้า ถอยไปนะ!” จัสมินเบือนหน้าหลบไม่ทันถูกเขาหากำไรอีกจนได้ พรตดนัยหัวเราะพร้อมขยิบตาให้หญิงสาวอย่างล้อเลียน “รอที่นี่ ห้ามกลับก่อน ถ้าขัดคำสั่ง คุณเจอชุดใหญ่แน่” เขายื่นหน้ามาขู่ใกล้ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ เพียงไม่นานชายหนุ่มก็ออกมาในชุดทำงาน ก่อนจะออกไปจมูกโด่งๆ ก็ฝังลงบนแก้มนุ่มๆ อีกครั้ง ตามมาด้วยเสียงปิดประตู ทันทีที่ประตูปิดลง น้ำตาของจัสมินก็ไหลรินออกมาอีกครั้ง มือบางกำชายผ้าห่มแน่นด้วยความเจ็บซ้ำในใจ คำพูดเย้ยหยันและดูถูกของเขายังคงก้องอยู่ในหัว เขาไม่ได้ทำร้ายเพียงความสาวที่เธอถนอมมาตลอดชีวิต หากเขาทำร้ายหัวใจเธอตามไปด้วย จัสมินนอนร้องไห้อยู่นานกว่าจะรวบรวมแรงที่เหลือลุกขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าที่วางเกลื่อนอยู่บนพื้น ก่อนจะถือมันเดินเข้าไปในห้องน้ำ จากนั้นหญิงสาวก็พาร่างกายและหัวใจอันบอบซ้ำกลับบ้าน โชคดีที่เลขาหน้าห้องตามเขาไปประชุมด้วย จึงไม่มีใครเห็นเธอออกมาจากห้องทำงานของรองประธานหนุ่ม เวลาผ่านไปถึงหกโมงเย็นการประชุมก็จบ ร่างสูงสง่ารีบออกจากห้องกลับเข้าไปที่ห้องทำงาน แต่พอเปิดประตูเข้าไปก็ต้องหน้าเครียดเมื่อพบแต่ความว่างเปล่า แถมที่นอนก็ถูกเก็บเรียบร้อย แต่จุดเลือดสีแดงสดที่หยดบนผ้าปูที่นอนยังคงบ่งบอกถึงความบริสุทธิ์ของคนที่เพิ่งจากไป พรตดนัยหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาจัสมิน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ชายหนุ่มจึงตัดสินใจขับรถไปที่คฤหาสน์ของเจ้าสัวจรัล แต่เขาก็ต้องประสบปัญหาเพราะจัสมินสั่งยามไว้ไม่ให้เปิดประตูต้อนรับใคร พรตดนัยจึงจำใจต้องขับรถจากไป เมื่อรถสปอร์ตของเขาจากไปแล้ว ร่างบางก็รูดตัวลงไปนั่งกับพื้นพลางสะอื้นออกมาอย่างสุดกลั้น “ฮือ…ฮือ คนบ้า! คนเขาอุตส่าห์รักอุตส่าห์รอ ยังจะมาหาว่าเขาอ่อยอีก” หญิงสาวสะอื้นไห้จนตัวโยนสองมือกอดเข่าตัวเอง ความเก่งกล้าเข้มแข็งพลันมลายหายไป หยดน้ำตาไหลออกมาเป็นทาง ขณะที่เธอกำลังนั่งร้องไห้อยู่นั้น ประตูก็ถูกเคาะเบาๆ จัสมินสูดหายใจยาวลึกก่อนจะยกมือปาดน้ำตาออกจากแก้มพลางลุกขึ้นไปเปิดประตู “มีอะไรคะป้าแวว” จัสมินฝืนยิ้มให้พี่เลี้ยงวัยกลางคน “ท่านเจ้าสัวต้องการพูดสายกับคุณหนูค่ะ” ป้าแววส่งโทรศัพท์ให้เสร็จก็ลงบันไดจากไป จัสมินปิดประตูแล้วเอ่ยทักทายบิดา “ค่ะคุณป๋า…” “เสียงไม่ค่อยดีเลยนะลูก ไม่สบายหรือเปล่า” เสียงผิดปกติของบุตรสาวทำเอาคนเป็นพ่อรีบถามอย่างร้อนใจ จัสมินรับรู้ถึงความห่วงใยของบิดา น้ำตาก็พาลจะไหลออกมา “เจ็บคอเหมือนจะเป็นไข้ค่ะคุณป๋า” เธอจำต้องโกหกเพราะไม่อยากให้บิดาเป็นกังวล หากมืออีกข้างปิดเสียงสะอื้นเบาๆ เอาไว้ “ค่อยยังชั่ว ถ้าหนูไม่สบายคุณป๋าจะได้ยกเลิกไปดูงานที่สิงคโปร์” “คุณป๋าจะไปสิงคโปร์กี่วันคะ” เธอถามเสียงเศร้าพลางรู้สึกโหวงเหวงในใจ ในยามที่สับสนและต้องการกำลังใจเธออยากมีใครสักคนที่อยู่ใกล้ๆ “สามวันลูก หนูอยู่คนเดียวได้ใช่ไหม?” แม้จะเดินทางไปตรวจงานที่ต่างประเทศบ่อยๆ แต่คราวนี้เจ้าสัวรู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของบุตรสาวจึงอดห่วงไม่ได้ “อยู่ได้ค่ะ คุณป๋าไปเถอะ” “วันนี้เรียนขับรถเป็นยังไงบ้าง คุณครูคนใหม่ใจดีไหม?” คนเป็นพ่อถามอย่างใจดี จัสมินเม้มริมฝีปากแน่นเมื่อใบหน้าหล่อเหลาลอยเข้ามาในหัว “ก็ดีค่ะ เดินทางปลอดภัยนะคะ มิ้นรักคุณป๋าค่ะ” “ป๋าก็รักหนูนะ ลูกดูแลตัวเองดีๆ ด้วยนะ” น้ำเสียงเต็มไปด้วยความรักและห่วงใยของบิดา เรียกน้ำตาของจัสมินไหลออกมา ยังดีที่ป๋าของเธอวางสายไปแล้วจัสมินจึงไม่จำเป็นต้องปิดบังความอ่อนแอของตัวเองอีกต่อไป
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม