“รถกูเสียเข้าอู่ซ่อม”
ทำไมช่วงนี้มีแต่คนรถเสีย รวิศอดนึกถึงวันวิวาห์ขึ้นมาไม่ได้ “เออ งั้นไปกับกู” รวิศบอกเพื่อน วันนี้อัศวินก็ไม่มีงานที่ต้องดูแลเป็นพิเศษเช่นกัน เพราะหลังจากเทคานแล้วก็ต้องรอ ช่วงนี้ทีมวิศวกรเลยพอมีเวลาว่าง “ไปหาหมอก้องละสิมึง”
อัศวินยิ้มแทนคำตอบ รวิศไม่อยากแซวเพื่อน เห็นคนทั้งคู่มีความสุขเขาก็ดีใจด้วยจริงๆ แต่อีกใจก็คิดถึงใครอีกคนที่กำลังคิดจะจีบหมอก้องอยู่ เธอจะรู้ไหมนะว่าต่อให้เอาขนมไปส่งทุกวันถึงหน้าห้องตรวจก็ไม่มีวันประสบความสำเร็จ
“นิว มึงคิดอะไรอยู่”
“เปล่าๆ กูแค่สงสารเด็กที่ต้องไปส่งขนมเก้อ”
“เด็กที่ไหนวะ”
รวิศมองหน้าเพื่อน คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอย่างคนที่กำลังใช้ความคิดหนักหน่วง “กูว่ากูต้องเล่าให้มึงฟังว่ะไอ้วิน”
.................................................................................................................
จากมหาวิทยาลัยมาถึงโรงพยาบาลอีลิทใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมงครึ่ง วันวิวาห์ไม่รอช้าที่จะรีบเข้าไปติดต่อที่ประชาสัมพันธ์ด้านหน้า เธอจำชื่อคุณหมอได้อย่างดี พอมาถึงก็รีบไปติดต่อที่แผนกอายุรกรรม ราวกับคุ้นเคยกับสถานที่มานาน แม้แต่นันทิตายังมองเหวอค้าง เมื่อเห็นเพื่อนรักเป็นเอามาก
วันวิวาห์เดินไปสอบถามอย่างมั่นใจ เพราะเธอโทร.สอบถามทางโรงพยาบาลก่อนจะมาถึงแล้วว่าคุณหมออชิรวิทย์อยู่แผนกอายุรกรรม ออกตรวจวันนี้พอดี
“ยายมิ้ลค์หยุดก่อน แกจะเข้าไปพบหมอทั้งที่มีคนไข้รอตรวจแบบนี้ไม่ได้นะ” นันทิตาเข้าไปรั้งแขนเพื่อนรักไว้ “ฉันว่าแกค่อยมาหลังจากคุณหมอเลิกงานดีไหม หรือไม่แกก็ฝากคุณพยาบาลเอาไว้”
วันวิวาห์ทำหน้ายุ่ง เรื่องที่จะบุกเข้าไปนั้นเธอไม่ทำอยู่แล้ว เพราะรู้ว่าอะไรควรไม่ควร แต่ว่าจะให้ฝากไว้ที่พยาบาลเธอก็ไม่อยากทำอีกเช่นกัน เพราะความหวังที่มาวันนี้สุดแสนจะเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่จะได้รู้จักกับคุณหมอสุดหล่อให้มากกว่านี้ โอกาสที่จะเอาขนมมาให้แบบมีข้ออ้างเนียนๆ ไม่ได้มีกันบ่อย
“แต่ว่าตอนเย็นทั้งฉันกับแกต้องกลับไปอ่านหนังสือสอบ จะให้นั่งรอคงไม่ไหว ส่วนที่จะให้ฝากคุณพยาบาลเอาไว้ฉันก็ไม่อยากฝาก ฉันอยากให้คุณหมอเองกับมือ”
“ยายมิ้ลค์แกต้องเลือกทางใดทางหนึ่งนะ แกจะเอาไง ระหว่างมาวันหลังหรือว่าฝากคุณพยาบาล”
“ฉันเลือกนั่งรอหมอดีกว่า ส่วนแกกลับไปก่อนก็ได้นะเพลิน”
“ฉันจะทิ้งแกไว้ที่นี่คนเดียวได้ไงล่ะ มาด้วยกันก็ต้องกลับด้วยกัน เผื่อแกกรี๊ดหมอจนเป็นลมไปฉันจะได้หามแกกลับบ้านได้” นันทิตาบอกอย่างระอา
“แกหามฉันไปส่งหมอง่ายกว่านะ” วันวิวาห์บอกพร้อมดวงตาเคลิ้มฝันจนนันทิตาต้องหยิกที่แขนไปทีหนึ่ง “ยายเพลินแกหยิกฉันทำไม”
“ก็ดึงสติแกไง ตอนนี้ฉันอยากเห็นหน้าหมอที่แกคลั่งมากๆ แล้วสิ”
“ฉันก็อยากเห็นเหมือนกันแหละ งั้นแกไปนั่งรอก่อน ฉันจะไปบอกคุณพยาบาลเอาไว้ ถ้าคุณหมอไม่มีคนไข้แล้วฉันขออนุญาตเข้าไปพบ”
นันทิตาถอนใจเฮือก ไม่คิดว่าเพื่อนจะเป็นหนักขนาดนี้ เธอไม่เคยเห็นครั้งไหนที่วันวิวาห์จะลงทุนมานั่งรอ เพราะคนอย่างเพื่อนเธอนั้นถ้าไม่ชอบละก็ไม่มีทางทำอะไรแบบนี้แน่ๆ วันวิวาห์สวยหวานแต่นิสัยบางครั้งก็ห้าวเหมือนผู้ชาย อีกอย่างที่สำคัญคือวันวิวาห์ก็รับงานพริตตี้มาตลอดที่เรียน จึงทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างไปนั่งรอใคร
อาศัยว่าคุณพยาบาลคนเมื่อวานอยู่เวรวันนี้พอดีเช่นกันจึงจำได้ว่าวันวิวาห์คือสาวน้อยที่เป็นลม ดังนั้นเธอจึงได้รับอนุญาตให้นั่งรอได้ แต่ว่าคุณพยาบาลก็ไม่ลืมสำทับว่าอาจจะต้องรอนานเพราะคุณหมอมีคิวตรวจเยอะ
วันวิวาห์ยกมือไหว้ขอบคุณพยาบาลสาวที่ให้ข้อมูลแล้วก็กลับมานั่งรอกับเพื่อนรักที่ทำหน้าเบื่อรอ
“ยายมิ้ลค์ แกชอบคุณหมอจริงๆ เหรอ แล้วถ้าเขามีแฟนแล้วล่ะ แกจะทำไง”
“ฉันแค่อยากบอกให้หมอรู้ว่าฉันปลื้มเขา แต่ถ้าเขามีแฟนแล้วฉันก็ไม่คิดจะเป็นมือที่สามหรอก ฉันก็จะหายไปจากชีวิตหมอทันที”
“ถ้างั้นแกต้องเผื่อใจไว้เลยนะว่าหมอมีแฟนแล้ว”
“ก็คิดนะ แต่ว่าฉันก็บริสุทธิ์ใจไง ถ้าหากว่าคุณหมอมีแฟน ฉันก็แค่ถอยไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยเด็ดขาด คิดเสียว่าให้ขนมกับไอดอลที่เราชอบไป อีกอย่างยายเพลิน แกเห็นว่าฉันเป็นคนชอบแย่งแฟนคนอื่นหรือไง”
“เปล่าๆ ไม่ใช่แบบนั้น แกอย่าดึงดราม่าสิ ฉันแค่ดึงสติแกเท่านั้น”
“ฉันรู้น่า คนมีแฟนแล้วอย่างแกไม่เข้าใจฉันหรอก”
“ตกลงแกอยากมีแฟนกับเขาแล้วเหรอ เห็นแกเอาแต่ทำงานงกๆ นึกว่าจะย้ายเข้าหมู่บ้านคานทองเสียแล้ว”
“ฉันอยากมีแฟนเหมือนผู้หญิงทั่วไปแหละ แต่ว่ายังไม่เจอคนที่ชอบ แต่ตอนนี้ฉันคิดว่าเจอแล้ว”
“หยุด หยุดเดี๋ยวนี้” นันทิตารั้งสติเพื่อนรักไว้อีกครั้ง “เก้าสิบเปอร์เซ็นต์ฉันฟันธงว่าหมอมีแฟนแล้ว แกอย่าเพิ่งเพ้อไปเยอะ อกหักมาจะเจ็บ”
“เออ รู้น่าว่าสิบเปอร์เซ็นต์มันน้อย แต่ก็ยังมีหวังไม่ใช่เหรอ ไม่ใช่แฟนแต่เป็นน้องเป็นนุ่งก็ได้หรอกน่า”
“ผู้หญิงกับผู้ชายไม่มีใครเขาเป็นพี่น้องกันหรอกจ้ะ อีกอย่างหมอเขาจะเป็นพี่สาวแกละสิไม่ว่า”
“ยายเพลิน ฉันไม่อยากคุยกับแกแล้ว ดับฝันฉันตลอด”
วันวิวาห์เลยหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูแก้เบื่อระหว่างรอ ขณะที่นันทิตาถอนใจยาวอย่างเบื่อหน่าย แต่สิ่งหนึ่งที่มั่นใจได้คือวันวิวาห์ไม่ใช่คนที่ชอบแย่งของใครแน่นอน ถ้าหากว่าหมอมีแฟนแล้ว เธอเชื่อว่าเพื่อนเธอไม่ยุ่งเกี่ยวด้วยแน่
วันวิวาห์ไถหน้าจอเฟซบุ๊กเล่น แต่ทุกครั้งที่ประตูห้องตรวจเปิดออกดวงตาคู่หวานก็ลอบส่องเข้าไปด้านใน เธอเห็นคุณหมอกำลังก้มหน้าเขียนอะไรอยู่ที่โต๊ะ ริมฝีปากอิ่มก็ยกยิ้มขึ้นอย่างอายๆ และยิ่งยิ้มกว้างมากขึ้นเมื่อเห็นว่าคุณหมอหนุ่มลุกออกมาจากห้องตรวจมองตรงมาทางเธอ
วันวิวาห์มองด้วยความตกใจ เพราะชายในชุดเสื้อกาวน์ขาวสะอาดนั้นมีออร่าส่องมาทิ่มตาเธอ ใบหน้าหล่อละมุน แววตาอบอุ่นทำให้วันวิวาห์เคลิ้มฝันไปเลยทีเดียว
“อ้าว คุณเป็นอะไรครับวันนี้”
“คุณหมอ” วันวิวาห์ลุกขึ้นทันที หัวใจเต้นเร็วแรง คุณหมอจำเธอได้ด้วย “มิ้ลค์ไม่ได้ป่วยเป็นอะไรค่ะ แค่แวะมาหาคุณหมอเท่านั้น คือว่ามิ้ลค์ซื้อขนมมาฝากค่ะ” วันวิวาห์บอกพร้อมกับยื่นถุงขนมไปให้
“เอาขนมมาฝากหมอในโอกาสอะไรครับ หรือว่าเรื่องเมื่อวาน ถ้าเป็นเรื่องนั้นจริงๆ ไม่ต้องเกรงใจนะครับ เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้วที่ต้องดูแลคนไข้ที่มาโรงพยาบาล”
ท่าทีอบอุ่นใจดียิ่งทำให้วันวิวาห์ปลื้มมากขึ้นไปอีกระดับสิบ
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะค่ะ คุณหมอรับไว้นะคะ มิ้ลค์อยากตอบแทนน้ำใจคุณหมอบ้างค่ะ คุณหมอช่วยรับไว้ได้ไหม”
อชิรวิทย์ซ่อนความลำบากใจไว้ในท่าทีนิ่งเรียบ เขาถอนใจเบาๆ ก่อนยื่นมือไปรับ “ก็ได้ครับ งั้นหมอจะรับไว้ แต่คราวหลังไม่ต้องซื้ออะไรมาให้หมออีกนะครับ”
“ค่ะ งั้นมิ้ลค์ไม่รบกวนคุณหมอแล้วนะคะ” วันวิวาห์สบตาหมอหนุ่มพร้อมยิ้มอายๆ เมื่อเห็นเขาไม่ต่อบทสนทนา อีกทั้งเธอเองก็ไม่อยากรบกวนเวลาคนไข้ จึงยกมือไหว้ลา แล้วจูงมือเพื่อนเดินออกมา เพราะถือว่าได้ทำตามเป้าหมายแล้ว เธอไม่อยากอยู่รบกวนเวลางานของเขานานเกินไป เพราะถึงอย่างไรครั้งนี้ต้องไม่ใช่ครั้งสุดท้ายที่จะมาที่นี่แน่นอน
“หน้าบานเลยนะยายมิ้ลค์”
“แน่สิ” วันวิวาห์ยิ้มเขิน “ฉันชอบหมออชิรวิทย์จริงๆ นี่นา” ขณะที่วันวิวาห์พูดนั้นก็เข้าหูของใครบางคนที่เดินสวนทางมา ร่างสูงกำยำเหลียวหลังมามองคนพูดแว่บหนึ่ง และคำพูดของเพื่อนสนิทลอยเข้ามาในหัว
“นายคิดอะไรอยู่วะนิว”
“คิดถึงมิ้ลค์”
“คนที่สวยๆ ที่เป็นข่าวดังไปทั้งไซต์งานว่านายขายขนมจีบน้องเขา?”
“มั่วแล้ว ฉันกับน้องเขาเพิ่งเจอกันเอง คนที่ปล่อยข่าวลือมั่วๆ นี่ต้องเป็นไอ้ภาพแน่เลยใช่ไหม ไอ้วินแกอย่าไปเชื่อมาก”
“ไม่ได้เชื่อ แต่เรื่องที่แกขายขนมจีบน้องคนสวย ไอ้ภาพบอกจริงๆ แหละ แล้วตกลงคิดถึงน้องเขาก็เดินหน้าจีบสิวะ ทำความรู้จักไปถึงขั้นไหนแล้ว” อัศวินถามยิ้มๆ ไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทมีท่าทีกับสาวคนไหนเท่ากับคนที่เป็นข่าวดังไปทั่วไซต์งานเลย เมื่อวานเขาเห็นแว่บๆ ก็พอจะเดาได้ว่าต้องเป็นสาวสวยมากทีเดียว
“ถ้าน้องเขาชอบวิศวกรก็ดีสิวะ น้องเขาประกาศกับฉันออกมาปาวๆ ว่าชอบคนในเสื้อกาวน์ แล้วคนในเสื้อกาวน์ที่ว่าก็คือหมอก้อง แฟนมึงอะไอ้วิน”
อัศวินตกตะลึง จู่ๆ เรื่องไม่คาดฝันก็หล่นใส่หัวอย่างจัง “ว่ายังไงนะ น้องเขาชอบแฟนฉันหรือวะ”
อัศวินอยากจะขำแต่ก็ขำไม่ออก เพราะทั้งคิดไม่ถึงและงุนงงไปในคราเดียวกัน ทำไมถึงได้บังเอิญขนาดนี้ เรื่องที่มีผู้หญิงมาชอบอชิรวิทย์มีมาเข้าหูเขาเรื่อยๆ แต่ทั้งเขาและอชิรวิทย์นั้นเชื่อใจกัน ส่วนที่รวิศบอกมานั้นทำให้เขาสงสัยจนต้องถามออกไปอีก
“นายบอกเรื่องนี้กับฉันก็เพราะกลัวว่าฉันจะเข้าใจผิดกับหมอก้องใช่ไหม ไม่อยากให้ฉันมองน้องคนสวยไม่ดีที่มายุ่งกับแฟนฉัน”
“เออ” รวิศยอมรับ “ถึงเขาไม่ชอบฉันแต่ก็ไม่อยากให้เขาผิดหวัง เพราะฉันมั่นใจว่าหมอก้องไม่เปลี่ยนใจไปจากนายแน่นอน ดังนั้นเบาได้เบานะเพื่อน อย่าทำให้น้องเขาต้องเสียใจมาก”