หญิงสาวปล่อยโฮทั้งสีหน้าตื่นตระหนก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแทบไม่ทันตั้งตัวแต่ก็ดูเหมือนอีกฝ่ายไม่แยแสท่าทีนั้น เขาไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระ
“ผมจะพาคุณกับลูกไปทำเอกสารเดินทางออกนอกประเทศ คิดว่าคงใช้เวลาไม่นาน จะให้คุณได้เตรียมตัว อย่างน้อยที่สุดทั้งคุณและเด็ก ๆ ก็จะได้มีเวลาอยู่กับแม่ของคุณอีกนิดหน่อย แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่าอย่าคิดทำอะไรโง่ ๆ อย่างเช่นพาลูกหนี เพราะถ้าหากคุณทำอย่างนั้นเมื่อไหร่ผมจะดำเนินการทางกฎหมายกับครอบครัวของคุณทันที”
“ข้อหาอะไรล่ะคะ”
เขาไหวไหล่และเหยียดปาก
“ผมยัดข้อหาให้คุณได้ทั้งนั้น ทั้งยักยอกเงิน หรือถ้าให้อับอายยิ่งกว่านั้นก็คือขโมยเงินตอนไปทำงานเป็นแม่บ้านที่ต่างประเทศ ถ้าอยากให้เรื่องมันวุ่นวายก็เอา”
“แมท...คุณทำเกินไปแล้วนะคะ”
“ผมไม่สนใจ...ถ้าคิดว่าผมทำเกินไปก็น่าจะย้อนนึกว่าคุณเคยทำอะไรกับผมไว้บ้าง”
“คุณไม่เคยฟังอะไรเลย”
“ผมไม่อยากฟัง!”
เขาแหวใส่ หน้าตาถมึงทึงยิ่งกว่าเดิม ลักษณ์นาราพยายามกดกลั้น ตอนนี้ไม่ว่าจะพูดอะไรออกไปก็ล้วนทำให้แมทเทียสโกรธเคือง อย่าว่าแต่คำพูดแม้แต่ลมหายใจก็ดูเหมือนจะรบกวนให้เขาอารมณ์เสีย สักครู่ชายหนุ่มจึงเอ่ยว่า
“บอกแม่ของคุณว่าอีกสามวันจะเดินทางไปกรีซโดยที่คุณกับผมจะพาลูกไปด้วย อย่าแม้แต่จะคิดไม่ซื่อกับผม เพราะถ้าคุณคิดหนี...แม่ของคุณลำบากแน่ ลิลลี่”
เขาย้ำเสียงเครียด คำคาดโทษของแมทเทียสทำหญิงสาวสะอึก ลักษณ์นาราไม่มีเวลาพอที่จะใคร่ครวญใด ๆ อีกเพราะเขาปิดกั้นความคิดของเธอด้วยข้อแม้ที่ยากจะฝ่าฝืน เธอรู้ดีมาแต่ไหนแต่ไรว่าเขาเป็นคนอย่างไร ภายใต้ใบหน้าคร้ามคมราวเทพบุตร แมทเทียสค่อนข้างจริงจังและมุ่งมั่นจนบางครั้งออกจะน่ากลัว เขาไม่เคยหวั่นต่อความกดดันแม้ตอนที่เธอกับเขารักกันแมทเทียสก็ไม่ยี่หระต่อคำครหาของใครทั้งสิ้น คนอย่างเขารักคือรัก แต่ถ้าเกลียดแล้วก็ยากจะเปลี่ยนใจเช่นกัน และตอนนี้เขาเกลียดเธอ...หญิงสาวนึกด้วยความเจ็บช้ำและอัดอั้นสุดบรรยายเพราะนี่เป็นอีกครั้งที่เธอต้องพบกับการตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่อปกป้องคนที่เธอรักไว้ด้วยชีวิต
“ถ้าอย่างนั้น...ฉันขอไปทำงานก่อน”
“อย่าลืมบอกที่ทำงานของคุณด้วยล่ะว่าคุณ...จะขอลาออกวันนี้”
เขาทิ้งท้ายขณะมองลักษณ์นาราที่ยืนขึ้นในสภาพโงนเงน เธอทรงตัวแทบไม่อยู่แต่แมทเทียสกลับวางเฉยและแค่มองร่างบอบบางที่ก้าวผ่านเขาไปด้วยสายตาเดียดฉันท์ ผู้หญิงที่ครั้งหนึ่งเขาเคยรักเธอหัวปักหัวปำ ทั้งที่มีคนติเตือนเขาตลอดเวลาว่านั่นเป็นการตัดสินใจผิดและเป็นความมืดบอดเพราะเธอเป็นแค่ลูกแม่บ้านไร้การศึกษา เขาควรคู่กับผู้หญิงที่มีฐานะการเงินและความรู้ดีกว่าแต่แมทเทียสกลับไม่เคยแยแส เขาคิดว่าคนเราขัดเกลากันได้ ทุกคนมีพื้นฐานจิตใจที่ดีเท่า ๆ กัน กระทั่งเขาต้องเปลี่ยนความคิดของตัวเองโดยสิ้นเชิงนับจากวันนั้น
จากคนที่มองโลกในแง่ดีและตั้งความหวังเรื่องครอบครัวที่สวยงามกลายกลับเป็นเขาเองที่ถูกหยามหน้าจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเขาคิดว่าเธอบริสุทธิ์และแสนดีกว่าใครในโลก ลักษณ์นาราหลอกเขา ฆ่าเขาให้ตายทั้งเป็นด้วยการหักหลังปลิ้นปล้อนยิ่งกว่าเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทงใจเขาในทุกวันคืน เธอหลอกเอาเงินจากแม่เขาเกือบร้อยล้านบาทหนีกลับมาเมืองไทยพร้อมเอาหัวใจของเขามาด้วย เด็กสองคนนั้นที่แมทเทียสฝันอยากเห็นหน้ามากที่สุดในชีวิต แม้ครั้งแรกที่ได้เจอเขาก็ไม่สงสัยเลยว่าแม่หนูและพ่อหนูตัวน้อยทั้งสองเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาจริงๆ
“ลักษณ์...แมทเทียสยังไม่กลับเหรอจ๊ะ?”
รัชนีเอ่ยถามขณะจูงลักษมีเข้ามาในบ้านและยังเห็นรถกับคนของมหาเศรษฐีหนุ่มชาวกรีกยังอยู่ ลักษณ์นารากลั้นน้ำรื้นทั้งที่ดวงตาแดงก่ำ เธอแสดงสีหน้าประหลาดใจเมื่อเห็นมารดากลับมา
“แม่...หนูนึกว่าแม่ไปถึงวัดแล้วเสียอีก”
“แม่ลืมกระเป๋าเงิน รีบฉวยพวกปัจจัยถวายพระแล้วลืมของสำคัญไปเสียได้ เดี๋ยวปุ๊บปั๊บกับปุนต์เกิดหิวอยากกินไอติมขึ้นมาแม่ก็เลยต้องกลับมาบ้านอีกรอบ”
“พอดีเลยค่ะแม่”
หญิงสาวเดินเข้าไปและจับมือของทั้งลักษมีและลักษณ์เอาไว้ขณะหนูน้อยทั้งสองเงยหน้าขึ้นมองมารดาด้วยแววตาไร้เดียงสาพร้อมขานเรียกพร้อมกันว่า
“มี๊”
“ปุ๊บปั๊บ...เอ้อ...แม่คะ...แม่พาพวกลูกๆ ไปวัดก่อนเถอะนะคะ”
“จ้ะ...เอ้อ...แล้วแมทเขาจะกลับเมื่อไหร่เหรอจ๊ะ?”
รัชนีถามบุตรสาวที่ตอนนี้เธอผะอืดผอมเหมือนกินยาขมเข้าไป หญิงสาวกำลังจะอ้าปากหากต้องชะงัก
“อีกสามวันครับ”
เสียงห้าวหนักของแมทเทียสที่ก้าวออกมาจากประตูบ้านทำให้ทุกคนหยุดกึก รัชนีหันไปมองเขาและทำสีหน้าแปลกประหลาดใจอย่างที่สุด ร่างสูงสง่าก้าวออกมาและหยุดยืนต่อหน้าทั้งสองแม่ลูก ใบหน้าของเขายามอยู่ต่อหน้ารัชนีปราศจากความเครียดขรึม นัยน์ตาคู่นั้นหม่นแสงลงผิดจากเมื่อครู่ รัชนีเอียงหน้ามองผู้ชายที่ตอนนี้นางเองก็ไม่สามารถเรียกเขาว่าลูกเขยได้อย่างเต็มปาก
“อีกสามวันเหรอคะ”